ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. คปน. ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตั้งแต่เริ่มโครงการสำเร็จร้อยละ 85 ผู้อำนวยการ สายปรับปรุง
โครงสร้างหนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตั้งแต่เริ่มดำเนินการ
ในปี 41 — สิ้นเดือน ธ.ค.46 ว่า มีลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายของคณะกรรมการเพื่อส่งเสริมการปรับปรุงโครง
สร้างหนี้ทั้งสิ้น 16,655 ราย มูลหนี้ 2,863,106 ล้านบาท โดยมีลูกหนี้ที่เข้าเจรจาตามกระบวนการของคณะ
กรรมการเพื่อส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (คปน.) 13,280 ราย มูลหนี้ 1,903,591 ล้านบาท ซึ่ง
ในจำนวนนี้ได้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำเร็จไปแล้ว 10,920 ราย มูลหนี้ 1,443,622 ล้านบาท หรือคิดเป็น
ร้อยละ 85 ของลูกหนี้ที่เจรจาจนมีข้อสรุป ส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ที่อยู่ในธุรกิจการพาณิชย์ การอุปโภคบริโภคส่วน
บุคคล และการอุตสาหกรรม (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
2. หนี้ต่างประเทศ ณ สิ้นเดือน พ.ย.46 เพิ่มขึ้น 200 ล้านดอลลาร์ สรอ. ผู้อำนวยการอาวุโส
สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงภาระหนี้ต่างประเทศของไทยว่า ณ สิ้น
เดือน พ.ย.46 มีภาระหนี้ต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 52,400 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมีการชำระคืนสุทธิเล็กน้อย
แต่ผลจากการแข็งค่าของเงินเยนทำให้ยอดคงค้างหนี้ต่างประเทศในสกุลดอลลาร์เพิ่มขึ้น 200 ล้านดอลลาร์
สรอ. แบ่งเป็นหนี้ระยะยาวร้อยละ 79 หนี้ระยะสั้นร้อยละ 21 ใกล้เคียงกับเดือนก่อน หากแบ่งเป็นสัดส่วนหนี้
ภาคเอกชนร้อยละ 68 ขณะที่หนี้ภาคทางการอยู่ที่ร้อยละ 32 สำหรับหนี้ภาคเอกชนในเดือน พ.ย.46 มีการนำ
เข้าเงินกู้เพิ่มขึ้น 100 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยภาคธนาคารทั้งธนาคารพาณิชย์และกิจการวิเทศธนกิจกู้ยืมเงิน
ระยะสั้นเพิ่มขึ้น 200 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในขณะที่หนี้ภาคเอกชนที่ไม่ใช่ธนาคารลดลง 100 ล้านดอลลาร์
สรอ. จากการชำระคืนสินเชื่อการค้า (ผู้จัดการรายวัน)
3. ธปท. จัดทำโครงการแลกเปลี่ยนข้อมูลเศรษฐกิจและธุรกิจระหว่าง ธปท.และนักธุรกิจ
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้จัดทำโครงการแลกเปลี่ยนข้อมูล
เศรษฐกิจและธุรกิจระหว่าง ธปท. และนักธุรกิจ โดยผู้ประกอบการเห็นว่า เศรษฐกิจไทยโดยรวมน่าจะขยาย
ตัวในอัตราที่ดี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้ออยู่ในเกณฑ์ต่ำ ส่งผลดีต่อธุรกิจ แต่ทุกฝ่ายควระระมัดระวังไม่ให้
เกิดภาวะฟองสบู่เหมือนที่ผ่านมา โดยผู้ประกอบการต้องการให้ทางการส่งสัญญาณที่ชัดเจนเพื่อวางแผนธุรกิจ
การปรับอัตราดอกเบี้ยควรค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้งกังวลเกี่ยวกับราคาพลังงานที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และลูกจ้างที่มี
ฝีมือย้ายงานสูงในบางธุรกิจ และเริ่มมีการตึงตัวในบางภาค เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง และบริการ
แต่ยังไม่ถือเป็นปัญหาในขณะนี้ (เดลินิวส์)
4. ก.คลังประกาศหลักเกณฑ์การขออนุญาตจัดตั้ง ธพ.สำหรับ บง. บงล. และ บค. รายงานข่าว
จาก ก.คลังแจ้งว่า ขณะนี้ ก.คลังได้ออกประกาศหลักเกณฑ์การขออนุญาตจัดตั้งธนาคารพาณิชย์สำหรับบริษัท
เงินทุน (บง.) บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ (บงล.) และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ (บค.) ที่สนใจจะดำเนินธุรกิจ
ธนาคารเพื่อรายย่อย (ธย.) ซึ่งจะให้บริการเฉพาะแก่ประชาชนรายย่อยและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(เอสเอ็มอี) สำหรับขอบเขตการให้สินเชื่อของ ธย.นั้น จะกำหนดให้สามารถให้สินเชื่อลูกหนี้รายย่อยที่ไม่มี
หลักประกันได้ไม่เกินร้อยละ 0.05 ของเงินกองทุนชั้นที่ 1 แต่ถ้ามีหลักประกันให้สินเชื่อได้ไม่เกินร้อยละ 1
และให้สินเชื่อแก่เอสเอ็มอีได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินกองทุนชั้นที่ 1 อย่างไรก็ตาม ภายหลังเปิดดำเนิน
การอย่างน้อย 3 ปี สามารถยื่นขอปรับสถานะเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ (ธพ.) ได้ แต่ต้องมีคุณสมบัติ
ตามเกณฑ์กำหนด (มติชน)
5. ก.คลังมีแผนออกเอเชียบอนด์ 3 หมื่นล้านบาทเพื่อชดเชยความเสียหายของกองทุนฟื้นฟูฯ ผู้
อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ก.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ สบน. มีแผนที่จะกู้เงินภายใต้
โครงการพันธบัตรเอเชีย (เอเชียบอนด์) เพื่อเป็นการรองรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการจะพัฒนาบทบาท
ของไทยในการเป็นผู้นำของการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย (เอเชียบอนด์ มาร์เก็ต) โดยในเบื้องต้นคาดว่า
จะกู้เงินเป็นสกุลเงินบาท จำนวนประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท อายุพันธบัตรไม่เกิน 7 ปี ซึ่งเงินกู้ดัง
กล่าวจะเป็นวงเงินกู้ในส่วนของการชดเชยความเสียหายให้กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการ
เงิน (FIDF3) ที่มีแผนจะกู้เงินประมาณ 200,000 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 47 เป็นต้นไป (ข่าวสด, บ้านเมือง)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เศรษฐกิจของ สรอ.ขยายตัวช้าลงในไตรมาสที่ 4 ปี 46 รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 31
ม.ค.47 ก.พาณิชย์รายงานการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของผลผลิตรวมในประเทศหรือ
GDP ของ สรอ.ขยายตัวในอัตราร้อยละ 2.6 ในไตรมาสที่ 4 ปี 46 ลดลงอย่างมากจากไตรมาสก่อนซึ่งได้
รับแรงหนุนจากการลดภาษีโดยขยายตัวถึงร้อยละ 6.9 เช่นเดียวกับการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ และการลงทุน
ด้านที่อยู่อาศัยก็ขยายตัวช้าลงเช่นเดียวกัน แต่การส่งออกสินค้าและบริการขยายตัวถึงร้อยละ 19.1 ในไตร
มาสที่ 4 ปี 46 เพิ่มขึ้นสูงสุดต่อไตรมาสนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 39 อันเป็นผลจากการอ่อนค่าของเงิน
ดอลลาร์ สรอ. ทำให้สินค้าของ สรอ.มีราคาถูกลง ประกอบกับความต้องการในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ส่งผลให้
GDP ใน ปี 46 ขยายตัวร้อยละ 3.1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.2 ในปี 45 และถือว่าดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 43 ซึ่ง
ขยายตัวร้อยละ 3.7 (รอยเตอร์)
2. เยอรมนีจะขาดดุลการคลังร้อยละ 3.25 ของ GDP ในปี 2547 รายงานจากกรุงเบอร์ลิน
เมื่อ 31 ม.ค.47 ก.คลังเยอรมนีเปิดเผยว่า เยอรมนีจะรายงานให้สหภาพยุโรป (EU) ทราบว่า ตัวเลข
ขาดดุลการคลังของเยอรมนีในปี 2547 จะลดลงเหลือร้อยละ 3.25 ของ GDP ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
นี้ว่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.5 ทั้งนี้ เนื่องจากรายได้จากการจัดเก็บภาษีลดต่ำลงน้อยกว่าที่ประมาณการไว้ก่อน
หน้านี้ ทั้งนี้ ก.คลังคาดว่าการขาดดุลงบประมาณจะลดลงเหลือร้อยละ 2.5 ของ GDP ในปี 2548 ร้อยละ
2.0 ในปี 2549 และร้อยละ 1.7 ในปี 2550 อนึ่ง ตัวเลขการขาดดุลร้อยละ 3.25 ในปี 2547 แสดงให้
เห็นว่า เยอรมนีได้ทำผิดเงื่อนไขการขาดดุล งปม. ของ EU ที่กำหนดให้ไม่เกินร้อยละ 3 ของ GDP ต่อ
เนื่องกันเป็นปีที่ 3 แล้ว อย่างไรก็ตาม เยอรมนีได้รอดพ้นจากการลงโทษของกลุ่ม EU ในการประชุม รมว.
คลัง EU เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา โดย รมว.คลังเยอรมนีสัญญาว่าจะปฏิบัติให้ได้ตามข้อตกลงการขาดดุล
งปม. ภายในปี 2548 (รอยเตอร์)
3. ญี่ปุ่นใช้เงินจำนวนมากในการเข้าแทรกแซงค่าเงินเยน รายงานจาก โตเกียว เมื่อวันที่ 30
ม.ค. 47 รมว. คลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 27 ธ.ค. 46 ถึง 28 ม.ค. 47 ญี่ปุ่นใช้เงินสูง
เป็นประวัติการณ์ถึง 7.1545 ล้านล้านเยน หรือเท่ากับ 67.56 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. เข้าแทรกแซงค่า
เงินเยน เพื่อไม่ให้เงินเยนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สรอ. แข็งค่ามากเกินไป เทียบกับช่วงเดือนก.ย. 46 ที่
มีการแทรกแซงค่าเงินจำนวน 4.4573 ล้าน ล้านเยน ทั้งนี้เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นใช้เงินในการแทรกแซงทำ
สถิติสูงสุดถึง 20 ล้าน ล้าน เยน ส่งผลให้เงินดอลลาร์ สรอ. มีค่าแข็งขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 105.70 เยนต่อ
1 ดอลลาร์สรอ.หลังจากที่ก่อนหน้านั้นที่มีค่า 105.80 เยน ทั้งนี้รัฐบาลญี่ปุ่นได้เข้าแทรกแซงค่าเงินเยน อย่าง
จริงจังและต่อเนื่อง เพื่อให้เงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่าลง และแม้จะมีการเข้าแทรกแซงอย่าง
ต่อเนื่องแล้วก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์ สรอ.ก็ยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องโดยมีค่าลดลงถึงระดับต่ำสุดในรอบ 3
ปี ที่ระดับ 105.45 เยนต่อดอลลาร์ สรอ. คาดว่าในวันอังคารนี้ที่จะมีการประชุมกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำ 7
ชาติ (G7) ญี่ปุ่นอาจจะลดการเข้าแทรกแซงค่าเงินเยนเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกวิพากวิจารณ์จากกลุ่ม G7 นอก
จากนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะได้รับความกดดันจากสหภาพยุโรปซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าที่กำลังวิตกว่าเงินดอลลาร์ที่อ่อน
ค่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของสหภาพยุโรปซึ่งในปี 46 ที่ผ่านมาเงินดอลลาร์ สรอ.เมื่อเทียบกับเงินยูโร
อ่อนค่าลงมากกว่าร้อยละ 15 และยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในปี 47 โดยเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 47 ได้ทำ
สถิติต่ำสุดที่ระดับ 1.2898 ดอลลาร์ สรอ.ต่อยูโร ส่วนเมื่อเทียบกับเงินเยนแล้วในปี 46 เงินดอลลาร์ สรอ.
มีค่าลดลงร้อยละ 10 อยู่ที่ระดับ 107 เยนจากระดับ 119 เยน (รอยเตอร์)
4. อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.ลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.44
รายงานจากโตเกียวเมื่อ 30 ม.ค.47 The Labour Force Statistics Office เปิดเผยว่า อัตรา
การว่างงานของญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.46 อยู่ที่ระดับร้อยละ 4.9 ลดลงจากระดับร้อยละ 5.2 ในเดือน พ.ย.46
ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.44 ที่อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 5 และลดลง
ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าอัตราการว่างงานจะไม่เปลี่ยนแปลง โดยอัตราการว่างงาน
ที่ลดลงประกอบกับการส่งออกที่แข็งแกร่ง ช่วยสนับสนุนการคาดการณ์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ใน
ช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 46 ว่าอาจจะเติบโตมากกว่าร้อยละ 5 ทั้งนี้ สถานการณ์แรงงานของญี่ปุ่นปรับ
ตัวดีขึ้นตาม
ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยจำนวนคนมีงานทำเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนซึ่งเป็นการเพิ่ม
ขึ้นในภาคบริการเป็นส่วนใหญ่ และอัตราการว่างงานเฉลี่ยทั้งปี 46 อยู่ที่ระดับร้อยละ 5.3 ลดลงเป็นครั้งแรก
ในรอบ 13 ปี อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานในกลุ่มคนหนุ่มเฉลี่ยทั้งปี 46 ยังคงอยู่ที่ระดับสูงถึงร้อยละ 5.5
(รอยเตอร์)
5. คาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 ในปี 47 รายงานจากกัวลาลัม
เปอร์ เมื่อ 30 ม.ค.47 ประธานสภาอุตสาหกรรมของมาเลเซียคาดว่าความต้องการสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
และอิเล็กทรอนิกส์ของมาเลเซียในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้น โดยจะมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าผล
ผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียในปี 47 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 สูงกว่าปี 46 ซึ่งขยายตัวประมาณร้อยละ 5
โดยภาคอุตสาหกรรมมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 80 ของยอดส่งออกทั้งหมดของมาเลเซีย และคิดเป็น 1 ใน 3
ของผลผลิตรวมในประเทศ หรือ GDP (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 2/2/47 30/1/47 31/12/46 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.263 39.622 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.0915/39.3765 39.4435/39.7378 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.8750 - 1.2800 1.2800 - 1.3000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 698.90/29.26 772.15/41.74 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,450/7,550 7,400/7,500 7,700/7,800 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 27.6 28.18 28.66 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 17.29*/14.39 ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. คปน. ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตั้งแต่เริ่มโครงการสำเร็จร้อยละ 85 ผู้อำนวยการ สายปรับปรุง
โครงสร้างหนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตั้งแต่เริ่มดำเนินการ
ในปี 41 — สิ้นเดือน ธ.ค.46 ว่า มีลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายของคณะกรรมการเพื่อส่งเสริมการปรับปรุงโครง
สร้างหนี้ทั้งสิ้น 16,655 ราย มูลหนี้ 2,863,106 ล้านบาท โดยมีลูกหนี้ที่เข้าเจรจาตามกระบวนการของคณะ
กรรมการเพื่อส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (คปน.) 13,280 ราย มูลหนี้ 1,903,591 ล้านบาท ซึ่ง
ในจำนวนนี้ได้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำเร็จไปแล้ว 10,920 ราย มูลหนี้ 1,443,622 ล้านบาท หรือคิดเป็น
ร้อยละ 85 ของลูกหนี้ที่เจรจาจนมีข้อสรุป ส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ที่อยู่ในธุรกิจการพาณิชย์ การอุปโภคบริโภคส่วน
บุคคล และการอุตสาหกรรม (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
2. หนี้ต่างประเทศ ณ สิ้นเดือน พ.ย.46 เพิ่มขึ้น 200 ล้านดอลลาร์ สรอ. ผู้อำนวยการอาวุโส
สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงภาระหนี้ต่างประเทศของไทยว่า ณ สิ้น
เดือน พ.ย.46 มีภาระหนี้ต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 52,400 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมีการชำระคืนสุทธิเล็กน้อย
แต่ผลจากการแข็งค่าของเงินเยนทำให้ยอดคงค้างหนี้ต่างประเทศในสกุลดอลลาร์เพิ่มขึ้น 200 ล้านดอลลาร์
สรอ. แบ่งเป็นหนี้ระยะยาวร้อยละ 79 หนี้ระยะสั้นร้อยละ 21 ใกล้เคียงกับเดือนก่อน หากแบ่งเป็นสัดส่วนหนี้
ภาคเอกชนร้อยละ 68 ขณะที่หนี้ภาคทางการอยู่ที่ร้อยละ 32 สำหรับหนี้ภาคเอกชนในเดือน พ.ย.46 มีการนำ
เข้าเงินกู้เพิ่มขึ้น 100 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยภาคธนาคารทั้งธนาคารพาณิชย์และกิจการวิเทศธนกิจกู้ยืมเงิน
ระยะสั้นเพิ่มขึ้น 200 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในขณะที่หนี้ภาคเอกชนที่ไม่ใช่ธนาคารลดลง 100 ล้านดอลลาร์
สรอ. จากการชำระคืนสินเชื่อการค้า (ผู้จัดการรายวัน)
3. ธปท. จัดทำโครงการแลกเปลี่ยนข้อมูลเศรษฐกิจและธุรกิจระหว่าง ธปท.และนักธุรกิจ
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้จัดทำโครงการแลกเปลี่ยนข้อมูล
เศรษฐกิจและธุรกิจระหว่าง ธปท. และนักธุรกิจ โดยผู้ประกอบการเห็นว่า เศรษฐกิจไทยโดยรวมน่าจะขยาย
ตัวในอัตราที่ดี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้ออยู่ในเกณฑ์ต่ำ ส่งผลดีต่อธุรกิจ แต่ทุกฝ่ายควระระมัดระวังไม่ให้
เกิดภาวะฟองสบู่เหมือนที่ผ่านมา โดยผู้ประกอบการต้องการให้ทางการส่งสัญญาณที่ชัดเจนเพื่อวางแผนธุรกิจ
การปรับอัตราดอกเบี้ยควรค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้งกังวลเกี่ยวกับราคาพลังงานที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และลูกจ้างที่มี
ฝีมือย้ายงานสูงในบางธุรกิจ และเริ่มมีการตึงตัวในบางภาค เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง และบริการ
แต่ยังไม่ถือเป็นปัญหาในขณะนี้ (เดลินิวส์)
4. ก.คลังประกาศหลักเกณฑ์การขออนุญาตจัดตั้ง ธพ.สำหรับ บง. บงล. และ บค. รายงานข่าว
จาก ก.คลังแจ้งว่า ขณะนี้ ก.คลังได้ออกประกาศหลักเกณฑ์การขออนุญาตจัดตั้งธนาคารพาณิชย์สำหรับบริษัท
เงินทุน (บง.) บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ (บงล.) และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ (บค.) ที่สนใจจะดำเนินธุรกิจ
ธนาคารเพื่อรายย่อย (ธย.) ซึ่งจะให้บริการเฉพาะแก่ประชาชนรายย่อยและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(เอสเอ็มอี) สำหรับขอบเขตการให้สินเชื่อของ ธย.นั้น จะกำหนดให้สามารถให้สินเชื่อลูกหนี้รายย่อยที่ไม่มี
หลักประกันได้ไม่เกินร้อยละ 0.05 ของเงินกองทุนชั้นที่ 1 แต่ถ้ามีหลักประกันให้สินเชื่อได้ไม่เกินร้อยละ 1
และให้สินเชื่อแก่เอสเอ็มอีได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินกองทุนชั้นที่ 1 อย่างไรก็ตาม ภายหลังเปิดดำเนิน
การอย่างน้อย 3 ปี สามารถยื่นขอปรับสถานะเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ (ธพ.) ได้ แต่ต้องมีคุณสมบัติ
ตามเกณฑ์กำหนด (มติชน)
5. ก.คลังมีแผนออกเอเชียบอนด์ 3 หมื่นล้านบาทเพื่อชดเชยความเสียหายของกองทุนฟื้นฟูฯ ผู้
อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ก.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ สบน. มีแผนที่จะกู้เงินภายใต้
โครงการพันธบัตรเอเชีย (เอเชียบอนด์) เพื่อเป็นการรองรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการจะพัฒนาบทบาท
ของไทยในการเป็นผู้นำของการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย (เอเชียบอนด์ มาร์เก็ต) โดยในเบื้องต้นคาดว่า
จะกู้เงินเป็นสกุลเงินบาท จำนวนประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท อายุพันธบัตรไม่เกิน 7 ปี ซึ่งเงินกู้ดัง
กล่าวจะเป็นวงเงินกู้ในส่วนของการชดเชยความเสียหายให้กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการ
เงิน (FIDF3) ที่มีแผนจะกู้เงินประมาณ 200,000 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 47 เป็นต้นไป (ข่าวสด, บ้านเมือง)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เศรษฐกิจของ สรอ.ขยายตัวช้าลงในไตรมาสที่ 4 ปี 46 รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 31
ม.ค.47 ก.พาณิชย์รายงานการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของผลผลิตรวมในประเทศหรือ
GDP ของ สรอ.ขยายตัวในอัตราร้อยละ 2.6 ในไตรมาสที่ 4 ปี 46 ลดลงอย่างมากจากไตรมาสก่อนซึ่งได้
รับแรงหนุนจากการลดภาษีโดยขยายตัวถึงร้อยละ 6.9 เช่นเดียวกับการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ และการลงทุน
ด้านที่อยู่อาศัยก็ขยายตัวช้าลงเช่นเดียวกัน แต่การส่งออกสินค้าและบริการขยายตัวถึงร้อยละ 19.1 ในไตร
มาสที่ 4 ปี 46 เพิ่มขึ้นสูงสุดต่อไตรมาสนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 39 อันเป็นผลจากการอ่อนค่าของเงิน
ดอลลาร์ สรอ. ทำให้สินค้าของ สรอ.มีราคาถูกลง ประกอบกับความต้องการในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ส่งผลให้
GDP ใน ปี 46 ขยายตัวร้อยละ 3.1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.2 ในปี 45 และถือว่าดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 43 ซึ่ง
ขยายตัวร้อยละ 3.7 (รอยเตอร์)
2. เยอรมนีจะขาดดุลการคลังร้อยละ 3.25 ของ GDP ในปี 2547 รายงานจากกรุงเบอร์ลิน
เมื่อ 31 ม.ค.47 ก.คลังเยอรมนีเปิดเผยว่า เยอรมนีจะรายงานให้สหภาพยุโรป (EU) ทราบว่า ตัวเลข
ขาดดุลการคลังของเยอรมนีในปี 2547 จะลดลงเหลือร้อยละ 3.25 ของ GDP ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
นี้ว่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.5 ทั้งนี้ เนื่องจากรายได้จากการจัดเก็บภาษีลดต่ำลงน้อยกว่าที่ประมาณการไว้ก่อน
หน้านี้ ทั้งนี้ ก.คลังคาดว่าการขาดดุลงบประมาณจะลดลงเหลือร้อยละ 2.5 ของ GDP ในปี 2548 ร้อยละ
2.0 ในปี 2549 และร้อยละ 1.7 ในปี 2550 อนึ่ง ตัวเลขการขาดดุลร้อยละ 3.25 ในปี 2547 แสดงให้
เห็นว่า เยอรมนีได้ทำผิดเงื่อนไขการขาดดุล งปม. ของ EU ที่กำหนดให้ไม่เกินร้อยละ 3 ของ GDP ต่อ
เนื่องกันเป็นปีที่ 3 แล้ว อย่างไรก็ตาม เยอรมนีได้รอดพ้นจากการลงโทษของกลุ่ม EU ในการประชุม รมว.
คลัง EU เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา โดย รมว.คลังเยอรมนีสัญญาว่าจะปฏิบัติให้ได้ตามข้อตกลงการขาดดุล
งปม. ภายในปี 2548 (รอยเตอร์)
3. ญี่ปุ่นใช้เงินจำนวนมากในการเข้าแทรกแซงค่าเงินเยน รายงานจาก โตเกียว เมื่อวันที่ 30
ม.ค. 47 รมว. คลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 27 ธ.ค. 46 ถึง 28 ม.ค. 47 ญี่ปุ่นใช้เงินสูง
เป็นประวัติการณ์ถึง 7.1545 ล้านล้านเยน หรือเท่ากับ 67.56 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. เข้าแทรกแซงค่า
เงินเยน เพื่อไม่ให้เงินเยนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สรอ. แข็งค่ามากเกินไป เทียบกับช่วงเดือนก.ย. 46 ที่
มีการแทรกแซงค่าเงินจำนวน 4.4573 ล้าน ล้านเยน ทั้งนี้เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นใช้เงินในการแทรกแซงทำ
สถิติสูงสุดถึง 20 ล้าน ล้าน เยน ส่งผลให้เงินดอลลาร์ สรอ. มีค่าแข็งขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 105.70 เยนต่อ
1 ดอลลาร์สรอ.หลังจากที่ก่อนหน้านั้นที่มีค่า 105.80 เยน ทั้งนี้รัฐบาลญี่ปุ่นได้เข้าแทรกแซงค่าเงินเยน อย่าง
จริงจังและต่อเนื่อง เพื่อให้เงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่าลง และแม้จะมีการเข้าแทรกแซงอย่าง
ต่อเนื่องแล้วก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์ สรอ.ก็ยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องโดยมีค่าลดลงถึงระดับต่ำสุดในรอบ 3
ปี ที่ระดับ 105.45 เยนต่อดอลลาร์ สรอ. คาดว่าในวันอังคารนี้ที่จะมีการประชุมกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำ 7
ชาติ (G7) ญี่ปุ่นอาจจะลดการเข้าแทรกแซงค่าเงินเยนเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกวิพากวิจารณ์จากกลุ่ม G7 นอก
จากนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะได้รับความกดดันจากสหภาพยุโรปซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าที่กำลังวิตกว่าเงินดอลลาร์ที่อ่อน
ค่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของสหภาพยุโรปซึ่งในปี 46 ที่ผ่านมาเงินดอลลาร์ สรอ.เมื่อเทียบกับเงินยูโร
อ่อนค่าลงมากกว่าร้อยละ 15 และยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในปี 47 โดยเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 47 ได้ทำ
สถิติต่ำสุดที่ระดับ 1.2898 ดอลลาร์ สรอ.ต่อยูโร ส่วนเมื่อเทียบกับเงินเยนแล้วในปี 46 เงินดอลลาร์ สรอ.
มีค่าลดลงร้อยละ 10 อยู่ที่ระดับ 107 เยนจากระดับ 119 เยน (รอยเตอร์)
4. อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.ลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.44
รายงานจากโตเกียวเมื่อ 30 ม.ค.47 The Labour Force Statistics Office เปิดเผยว่า อัตรา
การว่างงานของญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.46 อยู่ที่ระดับร้อยละ 4.9 ลดลงจากระดับร้อยละ 5.2 ในเดือน พ.ย.46
ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.44 ที่อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 5 และลดลง
ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าอัตราการว่างงานจะไม่เปลี่ยนแปลง โดยอัตราการว่างงาน
ที่ลดลงประกอบกับการส่งออกที่แข็งแกร่ง ช่วยสนับสนุนการคาดการณ์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ใน
ช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 46 ว่าอาจจะเติบโตมากกว่าร้อยละ 5 ทั้งนี้ สถานการณ์แรงงานของญี่ปุ่นปรับ
ตัวดีขึ้นตาม
ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยจำนวนคนมีงานทำเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนซึ่งเป็นการเพิ่ม
ขึ้นในภาคบริการเป็นส่วนใหญ่ และอัตราการว่างงานเฉลี่ยทั้งปี 46 อยู่ที่ระดับร้อยละ 5.3 ลดลงเป็นครั้งแรก
ในรอบ 13 ปี อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานในกลุ่มคนหนุ่มเฉลี่ยทั้งปี 46 ยังคงอยู่ที่ระดับสูงถึงร้อยละ 5.5
(รอยเตอร์)
5. คาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 ในปี 47 รายงานจากกัวลาลัม
เปอร์ เมื่อ 30 ม.ค.47 ประธานสภาอุตสาหกรรมของมาเลเซียคาดว่าความต้องการสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
และอิเล็กทรอนิกส์ของมาเลเซียในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้น โดยจะมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าผล
ผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียในปี 47 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 สูงกว่าปี 46 ซึ่งขยายตัวประมาณร้อยละ 5
โดยภาคอุตสาหกรรมมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 80 ของยอดส่งออกทั้งหมดของมาเลเซีย และคิดเป็น 1 ใน 3
ของผลผลิตรวมในประเทศ หรือ GDP (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 2/2/47 30/1/47 31/12/46 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.263 39.622 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.0915/39.3765 39.4435/39.7378 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.8750 - 1.2800 1.2800 - 1.3000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 698.90/29.26 772.15/41.74 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,450/7,550 7,400/7,500 7,700/7,800 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 27.6 28.18 28.66 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 17.29*/14.39 ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-