ปี 2546 เศรษฐกิจภาคเหนือขยายตัวดีตามแรงสนับสนุนของการอุปโภคบริโภค การลงทุนโดยเฉพาะการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและการส่งออกที่เพิ่มขึ้นมาก ส่งผลต่อเนื่องให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวทั้งการผลิตเพื่อส่งออกและบริโภคในประเทศ ขณะที่การผลิตภาคเกษตรเพิ่มขึ้นจากภาวะอากาศเอื้ออำนวยและราคาในตลาดโลกอยู่ในเกณฑ์ดี ส่งผลให้รายได้ของเกษตรกรในภาคเหนือเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาคบริการซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์หดตัว แต่ปรับตัวดีขึ้นมากช่วงปลายปี ด้านการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวดีจากรายได้และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ตลอดจนอัตราดอกเบี้ยต่ำ และการส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเร่งตัวแต่ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ การจ้างงานเพิ่มขึ้น และสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากสูงขึ้นตามการให้สินเชื่อที่ขยายตัวดีขึ้น
รายละเอียดภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือปี 2546 มีดังนี้
1. ภาคเกษตร ผลผลิตพืชสำคัญของภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 4.6 จากภาวะอากาศที่เอื้ออำนวยและราคาจูงใจ อีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปลูกข้าว นาปรังเพื่อทดแทนข้าวนาปีที่เสียหายจากน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2545 โดยผลผลิตข้าวนาปีและข้าวนาปรังเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.0 และ 11.1 ส่วนผลผลิตพืชไร่สำคัญอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ อ้อยโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามพืชผักประเภทกระเทียม หอมแดง และหอมหัวใหญ่ ผลผลิตลดลงเนื่องจากกระทบฝนช่วงเก็บเกี่ยวทำให้ผลผลิตบางส่วนเสียหาย ด้านผลไม้สำคัญปรากฏว่าผลผลิตลำไยและลิ้นจี่ลดลงร้อยละ 28.9 และร้อยละ 8.0 จากสภาพอากาศที่ไม่หนาวเย็นพอและวัฏจักรการผลิตที่มักจะให้ผลผลิตมากปีเว้นปี ทางด้านราคาผลผลิตพืชสำคัญที่เกษตรกรขายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 5.7 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 ปีก่อน โดยราคาข้าวเปลือกเจ้านาปี 5% ข้าวเปลือกเจ้านาปรังความชื้น 14-15% และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.7 ร้อยละ 3.7 และร้อยละ 4.8 ตามลำดับ ตามแนวโน้มราคาในตลาดโลกเป็นสำคัญ ด้านราคาพืชผักและผลไม้เพิ่มขึ้นตามปริมาณผลผลิตที่ลดลง โดยราคากระเทียมแห้งใหญ่ หอมหัวใหญ่ ลำไย และลิ้นจี่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 ร้อยละ 193.1 ร้อยละ 31.7 และร้อยละ 55.0 ตามลำดับ จากปริมาณผลผลิตและราคาพืชสำคัญของภาคเหนือที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้เกษตรกรจากการจำหน่ายพืชสำคัญดังกล่าวในเขตภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3
2. ภาคอุตสาหกรรม ปี 2546 ภาวะการผลิตภาคอุตสาหกรรมในภาคเหนือขยายตัวจากปีก่อน ทั้งการผลิตเพื่อส่งออกและบริโภคในประเทศ มูลค่าส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านด่านศุลกากรนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 16.4 เป็น 1,266.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. เร่งตัวจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 15.0 ตามอุปสงค์ต่างประเทศที่ขยายตัวจากเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น การส่งออกที่เพิ่มขึ้นทำให้ผู้ผลิตนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องจักรและวัตถุดิบเพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี อุตสาหกรรมส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปและแช่แข็งขยายตัวจากอุปสงค์ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้ผลิตในจีนประสบปัญหาสารตกค้างในวัตถุดิบและการระบาดของ SARS อุตสาหกรรมเซรามิกสามารถขยายตลาดส่งออกใหม่เพิ่มขึ้น และได้รับผลดีจากการที่ผู้ผลิตในจีนถูกจำกัดโควตานำเข้าในประเทศแถบยุโรป หัตถอุตสาหกรรมเน้นทำการตลาดในระดับสูงและขยายช่องทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมน้ำตาลผลผลิตเพิ่มขึ้นมากร้อยละ 30.1 เป็น 1,804.1 พันเมตริกตัน ตามปริมาณผลผลิตอ้อยที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ประกอบกับความเสียหายจากศัตรูพืชและโรคลดลงจากปีก่อน ผลผลิตสังกะสีเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 เป็น 113,685 เมตริกตัน ตามความต้องการใช้ภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น
3. ภาคบริการ ภาวะการท่องเที่ยวปี 2546 ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส 2 และ 3 ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ได้แก่ สงครามอิรัก การก่อวินาศกรรมในต่างประเทศ และการแพร่ระบาดของโรค SARS ในประเทศเพื่อนบ้าน แต่เริ่มมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2546 จากการสนับสนุนการจัดประชุม สัมมนา ของภาครัฐและภาคเอกชน ทำให้นักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยภายในประเทศมากขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจของประเทศไทยปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเพิ่มขึ้น และธุรกิจส่วนใหญ่ปรับราคาให้เข้าสู่เกณฑ์ปกติ สำหรับในเดือนสุดท้ายของปียังได้รับแรงสนับสนุนจากการเพิ่มช่องทางการคมนาคมทางอากาศของสายการบินราคาถูก ซึ่งจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังภาคเหนือมากยิ่งขึ้น กิจกรรมภาคบริการที่สำคัญได้แก่ ยอดจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทโรงแรมและภัตตาคาร 11 เดือนปี 2546 ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 1.3 จำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยาน ลดลงร้อยละ 4.2 อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 51.8 ต่ำกว่าร้อยละ 54.7 ปีก่อน สำหรับราคาห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 ตามการเพิ่มขึ้นของราคาห้องพักในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาสสุดท้ายของปี
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวเนื่องจากได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ภาวะภาคเกษตรที่อยู่ในเกณฑ์ดี การท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นหลังสถานการณ์ในต่างประเทศคลี่คลาย ประกอบกับราคาสินค้าและเงื่อนไขการผ่อนชำระจูงใจ การส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ ตลอดจนมีช่องทางในการเข้าถึงสินเชื่อสะดวกขึ้น ในเดือนมกราคม - พฤศจิกายน ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บจากธุรกิจประเภทการขายส่ง ขายปลีก เร่งตัวโดยเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 24.0 ตามการขยายตัวในจังหวัดที่มีความสำคัญด้านการท่องเที่ยว การผลิตและการค้าข้าวเป็นสำคัญ เช่น เชียงใหม่ พิษณุโลก เชียงราย ขณะที่การใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนเร่งตัวโดยเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.4 ตามการเร่งตัวในเกือบทุกจังหวัดภาคเหนือ สำหรับการใช้จ่ายเพื่อซื้อยานยนต์ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากปีก่อนแต่จัดว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดีเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ เงื่อนไขการผ่อนชำระและราคาสินค้าที่จูงใจ และการแนะนำยานยนต์รุ่นใหม่ โดยยอดจดทะเบียนรถยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.7 ชะลอลงเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.0 ระยะเดียวกันปีก่อน ตามการชะลอตัวของรถยนต์ประเภทเชิงพาณิชย์ ขณะที่ยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.4 ชะลอลงเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.8 ระยะเดียวกันปีก่อนเนื่องจากกำลังซื้อผู้บริโภคอ่อนตัวลงประกอบกับผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ไม่มีการนำรถรุ่นใหม่ที่มีราคาต่ำออกจำหน่ายเช่นในช่วงครึ่งหลังปี 2545
5. การลงทุนภาคเอกชน ปี 2546 การลงทุนของภาคเอกชนด้านก่อสร้างขยายตัวในเกณฑ์สูง โดยพื้นที่ก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตในเขตเทศบาลเพิ่มขึ้นมากต่อเนื่องจากปีก่อน ค่าธรรมเนียมขายและขายฝากที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 46.4 ทางด้านการลงทุนเพื่อการผลิต มีโรงงานจดทะเบียนตั้งใหม่จำนวนโรงงาน 602 แห่ง มีเงินลงทุน 5,294.4 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 42.2 ขณะที่มีจำนวนโรงงานที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 54 โครงการ เงินลงทุน 7,063.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่าเท่าตัว เป็นการลงทุนในหมวดเกษตรกรรมและผลิตผลการเกษตร หมวดอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องไฟฟ้า หมวดผลิตภัณฑ์กระดาษ และพลาสติก และหมวดอุตสาหกรรมเบา
6. การคลัง ปี 2546 การใช้จ่ายภาครัฐผ่านคลังจังหวัดและคลังอำเภอในภาคเหนือลดลงจากปีก่อนร้อยละ 4.5 เหลือ 113,630.6 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 ตามการลดลงของรายจ่ายในหมวดงบลงทุนร้อยละ 13.3 เหลือ 35,064.3 ล้านบาท โดยรายจ่ายลงทุนในงบประมาณปี 2546 ลดลงร้อยละ 23.0 เหลือ 23,770.7 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการเบิกจ่ายเหลื่อมปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.0 เป็น 11,293.6 ล้านบาท ด้านรายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.1 เป็น 78,566.3 ล้านบาท สำหรับการจัดเก็บรายได้นำส่งคลังจังหวัดในภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.9 เป็น 14,577.3 ล้านบาท สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บของทางการ ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีหมวดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีธุรกิจเฉพาะ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 ร้อยละ16.9 และร้อยละ 7.3 ตามลำดับ ในปีนี้ดุลเงินในงบประมาณขาดดุล 99,053.3 ล้านบาท ขาดดุลลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ขาดดุล 105,930.8 ล้านบาท
7. การค้าต่างประเทศ ปี 2546 มูลค่าส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 20.9 เป็น 1,678.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.9 ปีก่อน เป็นผลจากความต้องการของตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ประกอบกับการส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านขยายตัวมาก เนื่องจากไม่มีอุปสรรคทางการค้าเช่นปีก่อน และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเปิดเสรีการค้าผัก-ผลไม้กับจีน ทั้งนี้การส่งออกผ่านด่านศุลกากรนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.4 เป็น 1,266.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามอุปสงค์ตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกขยายตัวมาก ได้แก่ อุปกรณ์เกี่ยวกับสายตา เกมของเล่นและอุปกรณ์กีฬา ทรานฟอร์เมอร์และมอเตอร์ อัญมณี และอุปกรณ์ถ่ายภาพ ตลาดสำคัญที่ขยายตัวมาก ได้แก่ ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน และมาเลเซีย ด้านการส่งออกผ่านด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 เป็น 143.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกขยายตัวมาก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปและแช่แข็ง เครื่องตัดต่อวงจรไฟฟ้า และเกมและของเล่น ส่วนการส่งออกผ่านด่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 59.7 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.0 ปีก่อน
ด้านการนำเข้าผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.4 เป็น 1,115.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 1.4 ปีก่อน ขยายตัวตามการนำเข้าผ่านด่านศุลกากรนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ เป็นสำคัญ โดยส่วนใหญ่นำเข้าสินค้าประเภทเครื่องจักรและวัตถุดิบ
รายละเอียดการค้าผ่านด่านศุลกากรชายแดนมีดังนี้ มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 59.7 เป็น 268.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามมูลค่าส่งออกไปพม่าที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว เป็น 181.1 ล้านดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากไม่มีอุปสรรคทางการค้าเช่นปีก่อน ส่วนใหญ่ส่งออกสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์สิ่งทอ น้ำมันพืช เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และผลิตภัณฑ์ยาง ขณะที่การส่งออกไปจีนตอนใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.0 เป็น 74.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนหนึ่งเป็นผลจากในการเปิดเสรีทางการค้าผัก-ผลไม้กับจีนช่วงปลายปี ทำให้การค้ามีเพิ่มขึ้น ประกอบกับการส่งออกสินค้าประเภทลำไยอบแห้งที่เพิ่มขึ้น ด้านการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.5 เป็น 57.1 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการนำเข้าสินค้าจากจีนตอนใต้ที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ส่วนใหญ่นำเข้าสินค้าประเภทแอปเปิล สาลี่ และกระทียม
ดุลการค้าผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือในปี 2546 เกินดุล 563.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เกินดุล 438.4 ล้านดอลลาร์ สรอ.
8. ระดับราคา ปี 2546 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ต่ำแต่เร่งตัวขึ้นโดยเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.9 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ปีก่อน ทั้งนี้ราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 ตามราคาผักและผลไม้ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2 ซึ่งเป็นผลจากมาตรการแก้ไขปัญหาราคาผลไม้ของภาครัฐ ขณะที่ราคาข้าวสารเจ้าหอมมะลิปรับตัวสูงขึ้นจากความต้องการของตลาดในประเทศและความต้องการของผู้ส่งออกเพื่อส่งมอบแก่ต่างประเทศ ขณะที่ราคาสินค้าหมวดอื่นๆ ที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลกเป็นสำคัญ สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเพียงร้อยละ 0.4 เนื่องจากค่าเช่าที่พักอาศัยลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี
9. การจ้างงาน จากข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร เดือนพฤศจิกายน 2546 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติภาคเหนือ มีกำลังแรงงานรวม 6.5 ล้านคน อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.6 ต่ำกว่าร้อยละ 1.9 ระยะเดียวกันปีก่อน ตามการลดลงของจำนวนผู้ว่างงานในภาคเกษตร ภาคก่อสร้าง และภาคการขายส่งขายปลีก
10. ภาวะการเงิน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2546 เงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 2.8 ปีก่อน ตามภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่สินเชื่อขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่องโดยเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.8 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 ปีก่อน จากการให้สินเชื่อของสาขาธนาคารของรัฐและเอกชนขนาดใหญ่ โดยยังคงขยายตัวมากในหมวดสินเชื่อพาณิชยกรรมที่ให้กับธุรกิจค้าส่งค้าปลีก การนำเข้าและส่งออก ภาคอุตสาหกรรรม และสินเชื่อการอุปโภคบริโภค ทั้งนี้สินเชื่อเพิ่มขึ้นในทุกจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดนครสวรรค์ เชียงใหม่ นครสวรรค์ พิจิตร ลำปางและเชียงราย สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ระดับร้อยละ 70.5 เทียบกับร้อยละ 65.7 ระยะเดียวกันปีก่อน
แนวโน้มเศรษฐกิจภาคเหนือปี 2547 เศรษฐกิจภาคเหนือจะขยายตัวในเกณฑ์ดีตามการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศ และจากภาวะแวดล้อมที่เอื้ออำนวย ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักธุรกิจอยู่ในเกณฑ์ดีช่วยสนับสนุนการบริโภคและการลงทุน นอกจากนั้นเศรษฐกิจภาคเหนือก็จะได้รับประโยชน์จากโครงการของรัฐบาลที่ลงทุนในภาคเหนือหลายโครงการ เช่น การพัฒนาให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการบิน โครงการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน สำหรับสถานการณ์โรคระบาดสัตว์ปีกในหลายจังหวัดของภาคเหนือซึ่งยังไม่สิ้นสุดจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของภาคเหนือบ้าง แต่ความพร้อมของภาครัฐบาลทั้งการควบคุมสถานการณ์และทางด้านการคลังที่จะใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อฟื้นฟูการผลิตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจะช่วยบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง
--ส่วนวิชาการ/ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ--
-ยก-
รายละเอียดภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือปี 2546 มีดังนี้
1. ภาคเกษตร ผลผลิตพืชสำคัญของภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 4.6 จากภาวะอากาศที่เอื้ออำนวยและราคาจูงใจ อีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปลูกข้าว นาปรังเพื่อทดแทนข้าวนาปีที่เสียหายจากน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2545 โดยผลผลิตข้าวนาปีและข้าวนาปรังเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.0 และ 11.1 ส่วนผลผลิตพืชไร่สำคัญอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ อ้อยโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามพืชผักประเภทกระเทียม หอมแดง และหอมหัวใหญ่ ผลผลิตลดลงเนื่องจากกระทบฝนช่วงเก็บเกี่ยวทำให้ผลผลิตบางส่วนเสียหาย ด้านผลไม้สำคัญปรากฏว่าผลผลิตลำไยและลิ้นจี่ลดลงร้อยละ 28.9 และร้อยละ 8.0 จากสภาพอากาศที่ไม่หนาวเย็นพอและวัฏจักรการผลิตที่มักจะให้ผลผลิตมากปีเว้นปี ทางด้านราคาผลผลิตพืชสำคัญที่เกษตรกรขายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 5.7 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 ปีก่อน โดยราคาข้าวเปลือกเจ้านาปี 5% ข้าวเปลือกเจ้านาปรังความชื้น 14-15% และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.7 ร้อยละ 3.7 และร้อยละ 4.8 ตามลำดับ ตามแนวโน้มราคาในตลาดโลกเป็นสำคัญ ด้านราคาพืชผักและผลไม้เพิ่มขึ้นตามปริมาณผลผลิตที่ลดลง โดยราคากระเทียมแห้งใหญ่ หอมหัวใหญ่ ลำไย และลิ้นจี่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 ร้อยละ 193.1 ร้อยละ 31.7 และร้อยละ 55.0 ตามลำดับ จากปริมาณผลผลิตและราคาพืชสำคัญของภาคเหนือที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้เกษตรกรจากการจำหน่ายพืชสำคัญดังกล่าวในเขตภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3
2. ภาคอุตสาหกรรม ปี 2546 ภาวะการผลิตภาคอุตสาหกรรมในภาคเหนือขยายตัวจากปีก่อน ทั้งการผลิตเพื่อส่งออกและบริโภคในประเทศ มูลค่าส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านด่านศุลกากรนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 16.4 เป็น 1,266.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. เร่งตัวจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 15.0 ตามอุปสงค์ต่างประเทศที่ขยายตัวจากเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น การส่งออกที่เพิ่มขึ้นทำให้ผู้ผลิตนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องจักรและวัตถุดิบเพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี อุตสาหกรรมส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปและแช่แข็งขยายตัวจากอุปสงค์ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้ผลิตในจีนประสบปัญหาสารตกค้างในวัตถุดิบและการระบาดของ SARS อุตสาหกรรมเซรามิกสามารถขยายตลาดส่งออกใหม่เพิ่มขึ้น และได้รับผลดีจากการที่ผู้ผลิตในจีนถูกจำกัดโควตานำเข้าในประเทศแถบยุโรป หัตถอุตสาหกรรมเน้นทำการตลาดในระดับสูงและขยายช่องทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมน้ำตาลผลผลิตเพิ่มขึ้นมากร้อยละ 30.1 เป็น 1,804.1 พันเมตริกตัน ตามปริมาณผลผลิตอ้อยที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ประกอบกับความเสียหายจากศัตรูพืชและโรคลดลงจากปีก่อน ผลผลิตสังกะสีเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 เป็น 113,685 เมตริกตัน ตามความต้องการใช้ภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น
3. ภาคบริการ ภาวะการท่องเที่ยวปี 2546 ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส 2 และ 3 ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ได้แก่ สงครามอิรัก การก่อวินาศกรรมในต่างประเทศ และการแพร่ระบาดของโรค SARS ในประเทศเพื่อนบ้าน แต่เริ่มมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2546 จากการสนับสนุนการจัดประชุม สัมมนา ของภาครัฐและภาคเอกชน ทำให้นักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยภายในประเทศมากขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจของประเทศไทยปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเพิ่มขึ้น และธุรกิจส่วนใหญ่ปรับราคาให้เข้าสู่เกณฑ์ปกติ สำหรับในเดือนสุดท้ายของปียังได้รับแรงสนับสนุนจากการเพิ่มช่องทางการคมนาคมทางอากาศของสายการบินราคาถูก ซึ่งจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังภาคเหนือมากยิ่งขึ้น กิจกรรมภาคบริการที่สำคัญได้แก่ ยอดจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทโรงแรมและภัตตาคาร 11 เดือนปี 2546 ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 1.3 จำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยาน ลดลงร้อยละ 4.2 อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 51.8 ต่ำกว่าร้อยละ 54.7 ปีก่อน สำหรับราคาห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 ตามการเพิ่มขึ้นของราคาห้องพักในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาสสุดท้ายของปี
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวเนื่องจากได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ภาวะภาคเกษตรที่อยู่ในเกณฑ์ดี การท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นหลังสถานการณ์ในต่างประเทศคลี่คลาย ประกอบกับราคาสินค้าและเงื่อนไขการผ่อนชำระจูงใจ การส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ ตลอดจนมีช่องทางในการเข้าถึงสินเชื่อสะดวกขึ้น ในเดือนมกราคม - พฤศจิกายน ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บจากธุรกิจประเภทการขายส่ง ขายปลีก เร่งตัวโดยเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 24.0 ตามการขยายตัวในจังหวัดที่มีความสำคัญด้านการท่องเที่ยว การผลิตและการค้าข้าวเป็นสำคัญ เช่น เชียงใหม่ พิษณุโลก เชียงราย ขณะที่การใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนเร่งตัวโดยเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.4 ตามการเร่งตัวในเกือบทุกจังหวัดภาคเหนือ สำหรับการใช้จ่ายเพื่อซื้อยานยนต์ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากปีก่อนแต่จัดว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดีเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ เงื่อนไขการผ่อนชำระและราคาสินค้าที่จูงใจ และการแนะนำยานยนต์รุ่นใหม่ โดยยอดจดทะเบียนรถยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.7 ชะลอลงเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.0 ระยะเดียวกันปีก่อน ตามการชะลอตัวของรถยนต์ประเภทเชิงพาณิชย์ ขณะที่ยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.4 ชะลอลงเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.8 ระยะเดียวกันปีก่อนเนื่องจากกำลังซื้อผู้บริโภคอ่อนตัวลงประกอบกับผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ไม่มีการนำรถรุ่นใหม่ที่มีราคาต่ำออกจำหน่ายเช่นในช่วงครึ่งหลังปี 2545
5. การลงทุนภาคเอกชน ปี 2546 การลงทุนของภาคเอกชนด้านก่อสร้างขยายตัวในเกณฑ์สูง โดยพื้นที่ก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตในเขตเทศบาลเพิ่มขึ้นมากต่อเนื่องจากปีก่อน ค่าธรรมเนียมขายและขายฝากที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 46.4 ทางด้านการลงทุนเพื่อการผลิต มีโรงงานจดทะเบียนตั้งใหม่จำนวนโรงงาน 602 แห่ง มีเงินลงทุน 5,294.4 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 42.2 ขณะที่มีจำนวนโรงงานที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 54 โครงการ เงินลงทุน 7,063.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่าเท่าตัว เป็นการลงทุนในหมวดเกษตรกรรมและผลิตผลการเกษตร หมวดอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องไฟฟ้า หมวดผลิตภัณฑ์กระดาษ และพลาสติก และหมวดอุตสาหกรรมเบา
6. การคลัง ปี 2546 การใช้จ่ายภาครัฐผ่านคลังจังหวัดและคลังอำเภอในภาคเหนือลดลงจากปีก่อนร้อยละ 4.5 เหลือ 113,630.6 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 ตามการลดลงของรายจ่ายในหมวดงบลงทุนร้อยละ 13.3 เหลือ 35,064.3 ล้านบาท โดยรายจ่ายลงทุนในงบประมาณปี 2546 ลดลงร้อยละ 23.0 เหลือ 23,770.7 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการเบิกจ่ายเหลื่อมปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.0 เป็น 11,293.6 ล้านบาท ด้านรายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.1 เป็น 78,566.3 ล้านบาท สำหรับการจัดเก็บรายได้นำส่งคลังจังหวัดในภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.9 เป็น 14,577.3 ล้านบาท สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บของทางการ ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีหมวดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีธุรกิจเฉพาะ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 ร้อยละ16.9 และร้อยละ 7.3 ตามลำดับ ในปีนี้ดุลเงินในงบประมาณขาดดุล 99,053.3 ล้านบาท ขาดดุลลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ขาดดุล 105,930.8 ล้านบาท
7. การค้าต่างประเทศ ปี 2546 มูลค่าส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 20.9 เป็น 1,678.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.9 ปีก่อน เป็นผลจากความต้องการของตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ประกอบกับการส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านขยายตัวมาก เนื่องจากไม่มีอุปสรรคทางการค้าเช่นปีก่อน และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเปิดเสรีการค้าผัก-ผลไม้กับจีน ทั้งนี้การส่งออกผ่านด่านศุลกากรนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.4 เป็น 1,266.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามอุปสงค์ตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกขยายตัวมาก ได้แก่ อุปกรณ์เกี่ยวกับสายตา เกมของเล่นและอุปกรณ์กีฬา ทรานฟอร์เมอร์และมอเตอร์ อัญมณี และอุปกรณ์ถ่ายภาพ ตลาดสำคัญที่ขยายตัวมาก ได้แก่ ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน และมาเลเซีย ด้านการส่งออกผ่านด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 เป็น 143.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกขยายตัวมาก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปและแช่แข็ง เครื่องตัดต่อวงจรไฟฟ้า และเกมและของเล่น ส่วนการส่งออกผ่านด่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 59.7 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.0 ปีก่อน
ด้านการนำเข้าผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.4 เป็น 1,115.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 1.4 ปีก่อน ขยายตัวตามการนำเข้าผ่านด่านศุลกากรนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ เป็นสำคัญ โดยส่วนใหญ่นำเข้าสินค้าประเภทเครื่องจักรและวัตถุดิบ
รายละเอียดการค้าผ่านด่านศุลกากรชายแดนมีดังนี้ มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 59.7 เป็น 268.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามมูลค่าส่งออกไปพม่าที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว เป็น 181.1 ล้านดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากไม่มีอุปสรรคทางการค้าเช่นปีก่อน ส่วนใหญ่ส่งออกสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์สิ่งทอ น้ำมันพืช เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และผลิตภัณฑ์ยาง ขณะที่การส่งออกไปจีนตอนใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.0 เป็น 74.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนหนึ่งเป็นผลจากในการเปิดเสรีทางการค้าผัก-ผลไม้กับจีนช่วงปลายปี ทำให้การค้ามีเพิ่มขึ้น ประกอบกับการส่งออกสินค้าประเภทลำไยอบแห้งที่เพิ่มขึ้น ด้านการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.5 เป็น 57.1 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการนำเข้าสินค้าจากจีนตอนใต้ที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ส่วนใหญ่นำเข้าสินค้าประเภทแอปเปิล สาลี่ และกระทียม
ดุลการค้าผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือในปี 2546 เกินดุล 563.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เกินดุล 438.4 ล้านดอลลาร์ สรอ.
8. ระดับราคา ปี 2546 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ต่ำแต่เร่งตัวขึ้นโดยเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.9 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ปีก่อน ทั้งนี้ราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 ตามราคาผักและผลไม้ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2 ซึ่งเป็นผลจากมาตรการแก้ไขปัญหาราคาผลไม้ของภาครัฐ ขณะที่ราคาข้าวสารเจ้าหอมมะลิปรับตัวสูงขึ้นจากความต้องการของตลาดในประเทศและความต้องการของผู้ส่งออกเพื่อส่งมอบแก่ต่างประเทศ ขณะที่ราคาสินค้าหมวดอื่นๆ ที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลกเป็นสำคัญ สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเพียงร้อยละ 0.4 เนื่องจากค่าเช่าที่พักอาศัยลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี
9. การจ้างงาน จากข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร เดือนพฤศจิกายน 2546 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติภาคเหนือ มีกำลังแรงงานรวม 6.5 ล้านคน อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.6 ต่ำกว่าร้อยละ 1.9 ระยะเดียวกันปีก่อน ตามการลดลงของจำนวนผู้ว่างงานในภาคเกษตร ภาคก่อสร้าง และภาคการขายส่งขายปลีก
10. ภาวะการเงิน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2546 เงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 2.8 ปีก่อน ตามภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่สินเชื่อขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่องโดยเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.8 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 ปีก่อน จากการให้สินเชื่อของสาขาธนาคารของรัฐและเอกชนขนาดใหญ่ โดยยังคงขยายตัวมากในหมวดสินเชื่อพาณิชยกรรมที่ให้กับธุรกิจค้าส่งค้าปลีก การนำเข้าและส่งออก ภาคอุตสาหกรรรม และสินเชื่อการอุปโภคบริโภค ทั้งนี้สินเชื่อเพิ่มขึ้นในทุกจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดนครสวรรค์ เชียงใหม่ นครสวรรค์ พิจิตร ลำปางและเชียงราย สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ระดับร้อยละ 70.5 เทียบกับร้อยละ 65.7 ระยะเดียวกันปีก่อน
แนวโน้มเศรษฐกิจภาคเหนือปี 2547 เศรษฐกิจภาคเหนือจะขยายตัวในเกณฑ์ดีตามการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศ และจากภาวะแวดล้อมที่เอื้ออำนวย ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักธุรกิจอยู่ในเกณฑ์ดีช่วยสนับสนุนการบริโภคและการลงทุน นอกจากนั้นเศรษฐกิจภาคเหนือก็จะได้รับประโยชน์จากโครงการของรัฐบาลที่ลงทุนในภาคเหนือหลายโครงการ เช่น การพัฒนาให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการบิน โครงการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน สำหรับสถานการณ์โรคระบาดสัตว์ปีกในหลายจังหวัดของภาคเหนือซึ่งยังไม่สิ้นสุดจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของภาคเหนือบ้าง แต่ความพร้อมของภาครัฐบาลทั้งการควบคุมสถานการณ์และทางด้านการคลังที่จะใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อฟื้นฟูการผลิตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจะช่วยบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง
--ส่วนวิชาการ/ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ--
-ยก-