นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวบรรยายในหัวข้อ ’กลยุทธการสื่อสารกับประชาชน’ ในการสัมมนาประชาธิปัตย์นวัตกรรมครั้งที่ 2 ว่า แนวทางการสื่อสารมี 3 ประเด็น ที่ต้องเร่งชี้แจงกับประชาชนคือ…
ประเด็นที่1 รัฐบาลที่เป็นเผด็จการจะสร้างอันตรายให้กับอนาคตของประเทศอย่างไร คือจะต้องชี้แจงว่ารัฐบาลชุดนี้ เป็นเผด็จการในทุกรูปแบบ ทั้งตัวผู้นำและพฤติกรรม การบริหารราชการแผ่นดินในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ แม้ว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าพูดบ่อยพูดซ้ำ หรือเป็นแผ่นเสียงตกร่อง แต่อย่างไรก็ต้องพูด เพราะถ้าไม่พูดรัฐบาลก็จะทำผิดแบบซ้ำๆ อย่างไรก็ตาม ชาวประชาธิปัตย์ต้องชี้ให้ประชาชนเห็นว่าคำพูดของพรรคประชาธิปัตย์ คือจิกซอว์ ที่เมื่อนำมารวมกันแล้ว จะชี้ให้เห็นถึงภาพใหญ่ว่าความล้มเหลวที่เกิดจากรัฐบาลชุดนี้มีอย่างไร
ทั้งนี้นายจุรินทร์ได้ยกตัวอย่างความเป็นเผด็จการของรัฐบาลชุดนี้ คือ 1. การกำจัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งการแสดงความคิดเห็นและการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ถึงเป็นพฤติกรรม ปิดปาก ปิดหู ปิดตาประชาชนใครที่มีความเห็นไม่ตรงกับรัฐบาลก็จะถูกตอบโต้เสมอ 2. เผด็จการรัฐสภาที่มีความพยายามใช้เสียงข้างมากของรัฐบาลกีดกันเสียงของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่ให้มีปากเสียงในสภา 3.เผด็จการซีอีโอ ซึ่งจะเห็นได้ว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่สนับสนุนการกระจายอำนาจ เช่น แนวคิดการยุบองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ.เป็นต้น
ประเด็นที่ 2ต้องชี้แจงให้ประชาชนเห็นถึงการทุจริตของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งเท่าที่ตนได้รวบรวมพฤติโกงของรัฐบาล พบว่ามีการทุจริตไม่ต่ำกว่า 25 เรื่อง เช่น หุ้นปตท. การทุจริตชุดนักเรียน ทุจริตเครื่องฉายดาว ทุจริตงบซ่อมเฮลิคอปเตอร์ ปัญหาที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ หรือการแก้สัมปทานมือถือ บริษัทเครือญาตินายกฯ กับองค์การโทรศัพท์เป็นต้น
ประเด็นที่ 3 ต้องชี้ให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลบริหารงานล้มเหลวอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาคิดว่ารัฐบาลประสบความสำเร็จใน 2 เรื่องคือ ตัวเลขทางเศรษฐกิจและการประชาสัมพันธ์ ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวถือว่าเป็นความสำเร็จแต่เพียงเปลือกนอกเท่านั้น เพราะปัจจุบันพบว่าคนจนยิ่งจนลง ในขณะเดียวกันคนที่แวดล้อมนายกฯกลับมีฐานะดีขึ้น
นายจุรินทร์กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ รัฐบาลกำลังจะก่อหนี้ครั้งใหญ่ให้กับประเทศ โดยออกเป็นกฎหมายบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งเป็นการแปลงหนี้ของรัฐบาลให้เป็นหนี้สาธารณะซึ่งหมายความว่า ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่ต้องชดใช้หนี้ที่รัฐบาลก่อคือประชาชนนั่นเอง และขณะนี้กฎหมายฉบับดังกล่าว ก็กำลังอยู่ในสภาเพื่อรอการพิจารณา
ในตอนท้ายนายจุรินทร์กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์จะยังทำงานหนักใน 3 เรื่อง คือ 1.ทำหน้าที่ฝ่ายค้านที่จะตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง 2.การหาเสียงในการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็นนายกฯ อบจ. หรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นต้น 3. การเตรียมการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ทั้งนี้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด จะต้องได้รับความร่วมมือจาก 3 ประสานคือ ในส่วนของพรรค สมาชิกพรรค และสาขาพรรค เพื่อนำพาพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นที่ยอมรับจากประชาชนให้มากขึ้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 2/02/47--จบ--
-สส-
ประเด็นที่1 รัฐบาลที่เป็นเผด็จการจะสร้างอันตรายให้กับอนาคตของประเทศอย่างไร คือจะต้องชี้แจงว่ารัฐบาลชุดนี้ เป็นเผด็จการในทุกรูปแบบ ทั้งตัวผู้นำและพฤติกรรม การบริหารราชการแผ่นดินในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ แม้ว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าพูดบ่อยพูดซ้ำ หรือเป็นแผ่นเสียงตกร่อง แต่อย่างไรก็ต้องพูด เพราะถ้าไม่พูดรัฐบาลก็จะทำผิดแบบซ้ำๆ อย่างไรก็ตาม ชาวประชาธิปัตย์ต้องชี้ให้ประชาชนเห็นว่าคำพูดของพรรคประชาธิปัตย์ คือจิกซอว์ ที่เมื่อนำมารวมกันแล้ว จะชี้ให้เห็นถึงภาพใหญ่ว่าความล้มเหลวที่เกิดจากรัฐบาลชุดนี้มีอย่างไร
ทั้งนี้นายจุรินทร์ได้ยกตัวอย่างความเป็นเผด็จการของรัฐบาลชุดนี้ คือ 1. การกำจัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งการแสดงความคิดเห็นและการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ถึงเป็นพฤติกรรม ปิดปาก ปิดหู ปิดตาประชาชนใครที่มีความเห็นไม่ตรงกับรัฐบาลก็จะถูกตอบโต้เสมอ 2. เผด็จการรัฐสภาที่มีความพยายามใช้เสียงข้างมากของรัฐบาลกีดกันเสียงของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่ให้มีปากเสียงในสภา 3.เผด็จการซีอีโอ ซึ่งจะเห็นได้ว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่สนับสนุนการกระจายอำนาจ เช่น แนวคิดการยุบองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ.เป็นต้น
ประเด็นที่ 2ต้องชี้แจงให้ประชาชนเห็นถึงการทุจริตของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งเท่าที่ตนได้รวบรวมพฤติโกงของรัฐบาล พบว่ามีการทุจริตไม่ต่ำกว่า 25 เรื่อง เช่น หุ้นปตท. การทุจริตชุดนักเรียน ทุจริตเครื่องฉายดาว ทุจริตงบซ่อมเฮลิคอปเตอร์ ปัญหาที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ หรือการแก้สัมปทานมือถือ บริษัทเครือญาตินายกฯ กับองค์การโทรศัพท์เป็นต้น
ประเด็นที่ 3 ต้องชี้ให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลบริหารงานล้มเหลวอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาคิดว่ารัฐบาลประสบความสำเร็จใน 2 เรื่องคือ ตัวเลขทางเศรษฐกิจและการประชาสัมพันธ์ ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวถือว่าเป็นความสำเร็จแต่เพียงเปลือกนอกเท่านั้น เพราะปัจจุบันพบว่าคนจนยิ่งจนลง ในขณะเดียวกันคนที่แวดล้อมนายกฯกลับมีฐานะดีขึ้น
นายจุรินทร์กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ รัฐบาลกำลังจะก่อหนี้ครั้งใหญ่ให้กับประเทศ โดยออกเป็นกฎหมายบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งเป็นการแปลงหนี้ของรัฐบาลให้เป็นหนี้สาธารณะซึ่งหมายความว่า ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่ต้องชดใช้หนี้ที่รัฐบาลก่อคือประชาชนนั่นเอง และขณะนี้กฎหมายฉบับดังกล่าว ก็กำลังอยู่ในสภาเพื่อรอการพิจารณา
ในตอนท้ายนายจุรินทร์กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์จะยังทำงานหนักใน 3 เรื่อง คือ 1.ทำหน้าที่ฝ่ายค้านที่จะตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง 2.การหาเสียงในการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็นนายกฯ อบจ. หรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นต้น 3. การเตรียมการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ทั้งนี้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด จะต้องได้รับความร่วมมือจาก 3 ประสานคือ ในส่วนของพรรค สมาชิกพรรค และสาขาพรรค เพื่อนำพาพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นที่ยอมรับจากประชาชนให้มากขึ้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 2/02/47--จบ--
-สส-