ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. คุมเข้มบัตรเครดิต ระบุ NPL ก.ย.46 สูงถึง 6% รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพ
สถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ธปท. กำลังรวบรวมข้อมูลและแยกสินเชื่อใหม่
เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ปัญหาและออกมาตรการควบคุมบัตรเครดิต โดย ธปท. จะดูในส่วนของการคุ้มครอง
ผู้บริโภค เช่น การเปิดเผยข้อมูลของบริษัทผู้ออกบัตร การคิดอัตราดอกเบี้ย ภาระหนี้สินของประชาชน ฯลฯ
ทั้งนี้ หากสินเชื่อบัตรเครดิตโตเร็วเกินไปก็ต้องระวังและควบคุม เนื่องจาก ธปท. เป็นคนกลางรู้ข้อมูลจึงดูแล
ได้ แต่บริษัทผู้ออกบัตรมีข้อมูลเฉพาะของตัวเองจึงดูไม่ออกว่าสินเชื่อทั้งระบบมีมากหรือน้อยไป น่าเป็นห่วงหรือ
ไม่ อีกทั้งการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของประชาชนควบคุมยาก เพราะใช้ง่าย ไม่รู้ยอดใช้จ่ายจนกว่าใบเก็บ
เงินในแต่ละเดือนจะมา และผู้ใช้มีวินัยในการใช้เงินที่น่าห่วง อนึ่ง ในปี 2546 ธุรกิจบัตรเครดิตมีอัตราการ
เติบโตสูงถึง 16-17% จากปีก่อน และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ทั้งระบบ ณ เดือน ก.ย. อยู่ที่ 6%
ซึ่งปกติควรอยู่ที่ 3-4% (ผู้จัดการ)
2. ปี 47 แนวโน้มค่าเงินบาทแข็งขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย กรรมการผู้จัดการ
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เปิดเผยว่า ในปี 47 การส่งออกจะขยายตัวดี
เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มดีขึ้น แต่จะมีปัจจัยที่จะกระทบการส่งออกคือ ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงจะทำให้
ค่าเงินบาทแข็งขึ้น โดยอาจแข็งขึ้นถึงระดับ 38 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ. ผู้ส่งออกจึงต้องเร่งปรับตัวนำ
เทคโนโลยีมาใช้ และลดต้นทุนการผลิตลงเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ และในส่วนของ ธสน. นั้นก็จะช่วยผ่อนปรน
เรื่องดอกเบี้ยให้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ดำเนินการแล้วเป็นราย ๆ ไป ขณะนี้ถือว่าดอกเบี้ยที่ ธสน. ปล่อยที่ระดับ 5.75%
ต่อปี ต่ำมากแล้ว หากจะต้องปรับลดลงอีกคงต้องรอดูธนาคารพาณิชย์ให้มีการปรับลดดอกเบี้ยลงก่อน หลังจากนั้น ธสน.
จึงจะปรับลดดอกเบี้ยลงได้ (ข่าวสด, บ้านเมือง)
3. โรคไข้หวัดนกส่งผลกระทบเศรษฐกิจเดือนละกว่า 9 พันล้านบาท ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์
พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์ผลกระทบจากการระบาดของ
โรคไข้หวัดนกพบว่า หากโรคไข้หวัดนกระบาด 1 เดือน จะทำให้เกิดความสูญเสียต่อเศรษฐกิจโดยรวม 9,831
ล้านบาท โดยแยกเป็นธุรกิจเชื่อมโยง 5,486 ล้านบาท การบริโภคภายใน 1,536 ล้านบาท การส่งออก
1,806 ล้านบาท และอื่น ๆ 1,002.6 ล้านบาท และจะกระทบต่อ จีดีพี 0.15% (ข่าวสด)
4. ธปท. ระบุแผนตั้งแบงก์ของ บง.ทิสโก้ผิดเงื่อนไข รายงานข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย
เปิดเผยว่า เงื่อนไขในการควบรวมกิจการของบริษัทเงินทุน บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์
เพื่อยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ และธนาคารพาณิชย์ที่ประกอบธุรกิจเฉพาะทางหรือรายย่อยนั้น
ขณะนี้ยังมีความสับสนอยู่มาก แม้กรอบที่กระทรวงการคลังประกาศนั้นกำหนดไว้ชัดเจนว่า บง.ที่จะยกระดับเป็น
ธนาคารนั้นจะต้องมีการควบรวมกับสถาบันการเงินอื่นอย่างน้อย 1 ราย และต้องมีเงินทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า
5,000 ล้านบาท แต่ก็ยังมี บง.อีกหลายรายที่ไม่เข้าใจและพยายามเลี่ยง โดยเฉพาะทางบริษัทเงินทุนทิสโก้
ที่ผู้บริหารแจ้งว่าจะมีการควบรวมกิจการกับ บง.ไทยซากุระ หรือ บง.ไทยเพิ่มทรัพย์ ที่มีขนาดสินทรัพย์เพียง
100 ล้านบาท และไม่มีธุรกรรมใด ๆ เกิดขึ้น มีแต่ใบอนุญาตเท่านั้น จากการหารือกันในเบื้องต้นนั้นคงไม่
สามารถทำได้ เพราะสิ่งที่แบงก์ชาติและกระทรวงการคลังต้องการคือ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและ
เพิ่มขนาดในการทำธุรกิจ แต่หากปล่อยให้การควบรวมตามเงื่อนไขเป็นเพียงพิธีกรรมนั้นคงจะผิดวัตถุประสงค์
และจะได้แจ้งเรื่องไปยังคณะกรรมการพิจารณาคำขอจัดตั้งธนาคารพาณิชย์เพื่อตัดสินต่อไป (โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ธุรกิจใน สรอ.มีแผนที่จะปรับลดพนักงานกว่า 100,000 ตำแหน่งในเดือน ม.ค.47 รายงาน
จากนิวยอร์ค เมื่อ 3 ก.พ.47 ธุรกิจใน สรอ.มีแผนที่จะปรับลดพนักงานจำนวน 117,556 ตำแหน่งในเดือน
ม.ค.47 เกินกว่า 100,000 ตำแหน่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ต.ค.46 อันเป็นผลมาจากการที่ธุรกิจใน
สรอ.หันไปใช้บริการของผู้ให้บริการในประเทศอื่น ๆ เช่น อินเดีย จีน และฟิลิปปินส์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายถูกกว่า
การจ้างพนักงานเอง และจากการควบรวมกิจการที่เพิ่มขึ้นทำให้มีงานมากถึง 10,000 ตำแหน่งที่ต้องถูกปรับ
ลดเนื่องจากความซ้ำซ้อนของตำแหน่งงาน ในขณะที่ตลาดการเงินกำลังเฝ้ารอการประกาศตัวเลขการจ้างงาน
ของ ก.แรงงานในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ หลังจากที่ผิดหวังกับตัวเลขของเดือน ธ.ค.46 ที่มีการจ้างงานเพิ่มเพียง
1,000 ตำแหน่ง จากที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของ
สรอ.ยังไม่ยั่งยืน แต่อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์ยังคงคาดว่าตัวเลขการจ้างงานใหม่ในเดือน ม.ค.47 จะ
เพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่ง (รอยเตอร์)
2. อัตราการว่างงานของเขตเศรษฐกิจยุโรปในเดือน ธ.ค.46 ยังคงอยู่ที่ระดับร้อยละ 8.8
รายงานจากกรุงบรัสเซลล์ เมื่อ 3 ก.พ.47 สำนักงานสถิติแห่งชาติสหภาพยุโรป เปิดเผยว่า อัตราการว่าง
งานของเขตเศรษฐกิจยุโรปในเดือน ธ.ค.46 อยู่ที่ระดับร้อยละ 8.8 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 เช่นเดียวกับ
อัตราการว่างงานของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป 15 ชาติที่อยู่ที่ระดับร้อยละ 8.0 ในเดือน ธ.ค.46 ซึ่งเป็น
อัตราเดียวกับเดือน มี.ค.46 นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติคาดว่าเขตเศรษฐกิจยุโรปและสหภาพยุโรปจะ
มีผู้ว่างงานจำนวน 12.3 และ 14.2 ล้านคน ตามลำดับ ทั้งนี้ ประเทศที่มีอัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ
อย่างต่อเนื่อง คือ ประเทศลักเซมเบอร์ก และเนเธอร์แลนด์ โดยมีอัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.9
และ 4.1 ตามลำดับ ขณะที่สเปนมีอัตราการว่างงานสูงสุดที่ร้อยละ 11.2 อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงาน
ของเขตเศรษฐกิจยุโรปยังอยู่ในระดับสูงกว่า สรอ. และญี่ปุ่น ที่มีอัตราการว่างงานร้อยละ 5.7 และ 4.9
นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติยังได้รายงานเพิ่มเติมว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตของเขตเศรษฐกิจยุโรปในเดือน
ธ.ค.46 ลดลงร้อยละ 0.1 เทียบต่อเดือน แต่สำหรับทั้งปี 46 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 ซึ่งนักวิเคราะห์รอยเตอร์
ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีราคาผู้ผลิตในเดือน ธ.ค.46 จะไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน ส่วนทั้งปี 46
คาดว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.10 โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดัชนีดังกล่าวลดลงเนื่องจากราคาพลังงานลดลงถึงร้อยละ
0.4 ในเดือน ธ.ค.46 เทียบต่อเดือน แต่หากเทียบต่อปีราคาพลังงานกลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 ส่วนราคา
สินค้าคงทนในเดือน ธ.ค.46 ลดลงร้อยละ 0.2 (รอยเตอร์)
3. ยอดขายปลีกของอังกฤษในเดือน ม.ค.47 เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.45
รายงานจากลอนดอนเมื่อ 3 ก.พ.47 The Confederation of British Industry เปิดเผยผลการ
สำรวจความคิดเห็นจากผู้ค้าปลีกเกี่ยวกับสถานการณ์การขายปลีก ว่า ผู้ค้าปลีกร้อยละ 53 เห็นว่ายอดขายปลีก
จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ขณะที่ผู้ค้าปลีกร้อยละ 15 เห็นว่ายอดขายปลีกจะลดลง โดยยอดขายปลีกในเดือน ม.ค.47
อยู่ที่ระดับ +38 เพิ่มขึ้นจากระดับ +33 ในเดือน ธ.ค.46 และเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.45
สะท้อนมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มการค้าปลีกในเดือน ก.พ.47 ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์ต่างคาดหมายว่า
คณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธ.กลางอังกฤษ อาจจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นร้อยละ 4 ในการ
ประชุมซึ่งจะสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีนี้ สาเหตุจากดัชนีชี้เศรษฐกิจต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น ทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ซึ่งเติบโตสูงกว่าเป้าหมายในช่วงสิ้นปี 46 รวมถึงภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่ขยายตัวตามความต้องการของ
ตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น (รอยเตอร์)
4. การส่งออกของมาเลเซียในเดือนธ.ค. 46 อาจจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.9 จากปีก่อน รายงาน
จาก กัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 47 นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าในเดือนธ.ค. 46 การส่งออกของ
มาเลเซียจะขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึงร้อยละ 17.9 เนื่องจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากจีน และจากการสำรวจความเห็นของนัก
เศรษฐศาสตร์จำนวน 6 คนคาดว่าการส่งออกของมาเลเซียเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนไม่แข็งแกร่ง
อาทิสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน ที่การส่งออกสินค้าที่มิใช่น้ำมันในเดือนธ.ค. 46 ขยายตัวถึงร้อยละ
30.7 จากช่วงเดียวกันปีก่อนแม้แต่ไทยและเกาหลีใต้ก็มีอัตราการขยายตัวของการส่งออกอยู่ในระดับสูง
มากกว่าร้อยละ 30 คาดว่าตลอดทั้งปี 46 การส่งออกมาเลเซียจะขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 12 เป็นสัญญา
นว่าอุปสงค์โลกในเดือนต่อไปจะยังคงแข็งแกร่ง สำหรับการนำเข้าของมาเลเซียส่วนใหญ่ เป็นสินค้าที่นำเข้า
มาผลิตเพื่อการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ รมว.การค้าและอุตสาหกรรมของมาเลเซียจะเปิดเผยตัว
เลขอย่างเป็นทางการในวันนี้เวลา 12.01 น. ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าอุปสงค์จากจีนในช่วงตรุษจีนและ
ราคาน้ำมันปาล์มที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลกระตุ้นการส่งออกของมาเลเซียในเดือน ธ.ค. 46(รอยเตอร์)
5. ผู้ประกอบการของสิงคโปร์มองแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งแรกของปี 47 มีทิศทางสด
ใส รายงานจากสิงคโปร์เมื่อ 3 ก.พ.47 The Economic Development Board (EDB) เปิดเผยผล
การสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่อแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมสิงคโปร์ว่า ผู้ประกอบการ
ร้อยละ 31 เห็นว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 47 ภาคอุตสาหกรรมสิงคโปร์มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบ
การร้อยละ 11 เห็นว่าแนวโน้มจะชะลอลง อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการได้คาดการณ์สถานการณ์ในช่วงไตร
มาสแรกของปี 47 ว่าจะยังคงซบเซา สาเหตุจากมีวันหยุดจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระดับผลผลิต
อุตสาหกรรม อนึ่ง การสำรวจครั้งนี้ดำเนินการในช่วงเดือน ธ.ค.46 — ม.ค.47 ซึ่งผลการสำรวจสวนทาง
กับการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจของสิงคโปร์ อาทิเช่น ตัวเลขการจ้างงานที่ลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 17 ปี
ส่งผลให้นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์จะอยู่ที่ระดับเพียงร้อยละ 5.2 ในปี 47
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 4/2/47 3/2/47 31/12/46 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.164 39.622 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.0056/39.2924 39.4435/39.7378 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.8750 - 1.2800 1.2800 - 1.3000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 699.75/37.10 772.15/41.74 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,350/7,450 7,450/7,550 7,700/7,800 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 27.98 28.45 28.66 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 17.29*/14.39 ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท. คุมเข้มบัตรเครดิต ระบุ NPL ก.ย.46 สูงถึง 6% รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพ
สถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ธปท. กำลังรวบรวมข้อมูลและแยกสินเชื่อใหม่
เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ปัญหาและออกมาตรการควบคุมบัตรเครดิต โดย ธปท. จะดูในส่วนของการคุ้มครอง
ผู้บริโภค เช่น การเปิดเผยข้อมูลของบริษัทผู้ออกบัตร การคิดอัตราดอกเบี้ย ภาระหนี้สินของประชาชน ฯลฯ
ทั้งนี้ หากสินเชื่อบัตรเครดิตโตเร็วเกินไปก็ต้องระวังและควบคุม เนื่องจาก ธปท. เป็นคนกลางรู้ข้อมูลจึงดูแล
ได้ แต่บริษัทผู้ออกบัตรมีข้อมูลเฉพาะของตัวเองจึงดูไม่ออกว่าสินเชื่อทั้งระบบมีมากหรือน้อยไป น่าเป็นห่วงหรือ
ไม่ อีกทั้งการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของประชาชนควบคุมยาก เพราะใช้ง่าย ไม่รู้ยอดใช้จ่ายจนกว่าใบเก็บ
เงินในแต่ละเดือนจะมา และผู้ใช้มีวินัยในการใช้เงินที่น่าห่วง อนึ่ง ในปี 2546 ธุรกิจบัตรเครดิตมีอัตราการ
เติบโตสูงถึง 16-17% จากปีก่อน และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ทั้งระบบ ณ เดือน ก.ย. อยู่ที่ 6%
ซึ่งปกติควรอยู่ที่ 3-4% (ผู้จัดการ)
2. ปี 47 แนวโน้มค่าเงินบาทแข็งขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย กรรมการผู้จัดการ
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เปิดเผยว่า ในปี 47 การส่งออกจะขยายตัวดี
เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มดีขึ้น แต่จะมีปัจจัยที่จะกระทบการส่งออกคือ ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงจะทำให้
ค่าเงินบาทแข็งขึ้น โดยอาจแข็งขึ้นถึงระดับ 38 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ. ผู้ส่งออกจึงต้องเร่งปรับตัวนำ
เทคโนโลยีมาใช้ และลดต้นทุนการผลิตลงเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ และในส่วนของ ธสน. นั้นก็จะช่วยผ่อนปรน
เรื่องดอกเบี้ยให้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ดำเนินการแล้วเป็นราย ๆ ไป ขณะนี้ถือว่าดอกเบี้ยที่ ธสน. ปล่อยที่ระดับ 5.75%
ต่อปี ต่ำมากแล้ว หากจะต้องปรับลดลงอีกคงต้องรอดูธนาคารพาณิชย์ให้มีการปรับลดดอกเบี้ยลงก่อน หลังจากนั้น ธสน.
จึงจะปรับลดดอกเบี้ยลงได้ (ข่าวสด, บ้านเมือง)
3. โรคไข้หวัดนกส่งผลกระทบเศรษฐกิจเดือนละกว่า 9 พันล้านบาท ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์
พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์ผลกระทบจากการระบาดของ
โรคไข้หวัดนกพบว่า หากโรคไข้หวัดนกระบาด 1 เดือน จะทำให้เกิดความสูญเสียต่อเศรษฐกิจโดยรวม 9,831
ล้านบาท โดยแยกเป็นธุรกิจเชื่อมโยง 5,486 ล้านบาท การบริโภคภายใน 1,536 ล้านบาท การส่งออก
1,806 ล้านบาท และอื่น ๆ 1,002.6 ล้านบาท และจะกระทบต่อ จีดีพี 0.15% (ข่าวสด)
4. ธปท. ระบุแผนตั้งแบงก์ของ บง.ทิสโก้ผิดเงื่อนไข รายงานข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย
เปิดเผยว่า เงื่อนไขในการควบรวมกิจการของบริษัทเงินทุน บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์
เพื่อยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ และธนาคารพาณิชย์ที่ประกอบธุรกิจเฉพาะทางหรือรายย่อยนั้น
ขณะนี้ยังมีความสับสนอยู่มาก แม้กรอบที่กระทรวงการคลังประกาศนั้นกำหนดไว้ชัดเจนว่า บง.ที่จะยกระดับเป็น
ธนาคารนั้นจะต้องมีการควบรวมกับสถาบันการเงินอื่นอย่างน้อย 1 ราย และต้องมีเงินทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า
5,000 ล้านบาท แต่ก็ยังมี บง.อีกหลายรายที่ไม่เข้าใจและพยายามเลี่ยง โดยเฉพาะทางบริษัทเงินทุนทิสโก้
ที่ผู้บริหารแจ้งว่าจะมีการควบรวมกิจการกับ บง.ไทยซากุระ หรือ บง.ไทยเพิ่มทรัพย์ ที่มีขนาดสินทรัพย์เพียง
100 ล้านบาท และไม่มีธุรกรรมใด ๆ เกิดขึ้น มีแต่ใบอนุญาตเท่านั้น จากการหารือกันในเบื้องต้นนั้นคงไม่
สามารถทำได้ เพราะสิ่งที่แบงก์ชาติและกระทรวงการคลังต้องการคือ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและ
เพิ่มขนาดในการทำธุรกิจ แต่หากปล่อยให้การควบรวมตามเงื่อนไขเป็นเพียงพิธีกรรมนั้นคงจะผิดวัตถุประสงค์
และจะได้แจ้งเรื่องไปยังคณะกรรมการพิจารณาคำขอจัดตั้งธนาคารพาณิชย์เพื่อตัดสินต่อไป (โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ธุรกิจใน สรอ.มีแผนที่จะปรับลดพนักงานกว่า 100,000 ตำแหน่งในเดือน ม.ค.47 รายงาน
จากนิวยอร์ค เมื่อ 3 ก.พ.47 ธุรกิจใน สรอ.มีแผนที่จะปรับลดพนักงานจำนวน 117,556 ตำแหน่งในเดือน
ม.ค.47 เกินกว่า 100,000 ตำแหน่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ต.ค.46 อันเป็นผลมาจากการที่ธุรกิจใน
สรอ.หันไปใช้บริการของผู้ให้บริการในประเทศอื่น ๆ เช่น อินเดีย จีน และฟิลิปปินส์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายถูกกว่า
การจ้างพนักงานเอง และจากการควบรวมกิจการที่เพิ่มขึ้นทำให้มีงานมากถึง 10,000 ตำแหน่งที่ต้องถูกปรับ
ลดเนื่องจากความซ้ำซ้อนของตำแหน่งงาน ในขณะที่ตลาดการเงินกำลังเฝ้ารอการประกาศตัวเลขการจ้างงาน
ของ ก.แรงงานในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ หลังจากที่ผิดหวังกับตัวเลขของเดือน ธ.ค.46 ที่มีการจ้างงานเพิ่มเพียง
1,000 ตำแหน่ง จากที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของ
สรอ.ยังไม่ยั่งยืน แต่อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์ยังคงคาดว่าตัวเลขการจ้างงานใหม่ในเดือน ม.ค.47 จะ
เพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่ง (รอยเตอร์)
2. อัตราการว่างงานของเขตเศรษฐกิจยุโรปในเดือน ธ.ค.46 ยังคงอยู่ที่ระดับร้อยละ 8.8
รายงานจากกรุงบรัสเซลล์ เมื่อ 3 ก.พ.47 สำนักงานสถิติแห่งชาติสหภาพยุโรป เปิดเผยว่า อัตราการว่าง
งานของเขตเศรษฐกิจยุโรปในเดือน ธ.ค.46 อยู่ที่ระดับร้อยละ 8.8 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 เช่นเดียวกับ
อัตราการว่างงานของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป 15 ชาติที่อยู่ที่ระดับร้อยละ 8.0 ในเดือน ธ.ค.46 ซึ่งเป็น
อัตราเดียวกับเดือน มี.ค.46 นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติคาดว่าเขตเศรษฐกิจยุโรปและสหภาพยุโรปจะ
มีผู้ว่างงานจำนวน 12.3 และ 14.2 ล้านคน ตามลำดับ ทั้งนี้ ประเทศที่มีอัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ
อย่างต่อเนื่อง คือ ประเทศลักเซมเบอร์ก และเนเธอร์แลนด์ โดยมีอัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.9
และ 4.1 ตามลำดับ ขณะที่สเปนมีอัตราการว่างงานสูงสุดที่ร้อยละ 11.2 อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงาน
ของเขตเศรษฐกิจยุโรปยังอยู่ในระดับสูงกว่า สรอ. และญี่ปุ่น ที่มีอัตราการว่างงานร้อยละ 5.7 และ 4.9
นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติยังได้รายงานเพิ่มเติมว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตของเขตเศรษฐกิจยุโรปในเดือน
ธ.ค.46 ลดลงร้อยละ 0.1 เทียบต่อเดือน แต่สำหรับทั้งปี 46 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 ซึ่งนักวิเคราะห์รอยเตอร์
ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีราคาผู้ผลิตในเดือน ธ.ค.46 จะไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน ส่วนทั้งปี 46
คาดว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.10 โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดัชนีดังกล่าวลดลงเนื่องจากราคาพลังงานลดลงถึงร้อยละ
0.4 ในเดือน ธ.ค.46 เทียบต่อเดือน แต่หากเทียบต่อปีราคาพลังงานกลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 ส่วนราคา
สินค้าคงทนในเดือน ธ.ค.46 ลดลงร้อยละ 0.2 (รอยเตอร์)
3. ยอดขายปลีกของอังกฤษในเดือน ม.ค.47 เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.45
รายงานจากลอนดอนเมื่อ 3 ก.พ.47 The Confederation of British Industry เปิดเผยผลการ
สำรวจความคิดเห็นจากผู้ค้าปลีกเกี่ยวกับสถานการณ์การขายปลีก ว่า ผู้ค้าปลีกร้อยละ 53 เห็นว่ายอดขายปลีก
จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ขณะที่ผู้ค้าปลีกร้อยละ 15 เห็นว่ายอดขายปลีกจะลดลง โดยยอดขายปลีกในเดือน ม.ค.47
อยู่ที่ระดับ +38 เพิ่มขึ้นจากระดับ +33 ในเดือน ธ.ค.46 และเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.45
สะท้อนมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มการค้าปลีกในเดือน ก.พ.47 ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์ต่างคาดหมายว่า
คณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธ.กลางอังกฤษ อาจจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นร้อยละ 4 ในการ
ประชุมซึ่งจะสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีนี้ สาเหตุจากดัชนีชี้เศรษฐกิจต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น ทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ซึ่งเติบโตสูงกว่าเป้าหมายในช่วงสิ้นปี 46 รวมถึงภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่ขยายตัวตามความต้องการของ
ตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น (รอยเตอร์)
4. การส่งออกของมาเลเซียในเดือนธ.ค. 46 อาจจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.9 จากปีก่อน รายงาน
จาก กัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 47 นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าในเดือนธ.ค. 46 การส่งออกของ
มาเลเซียจะขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึงร้อยละ 17.9 เนื่องจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากจีน และจากการสำรวจความเห็นของนัก
เศรษฐศาสตร์จำนวน 6 คนคาดว่าการส่งออกของมาเลเซียเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนไม่แข็งแกร่ง
อาทิสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน ที่การส่งออกสินค้าที่มิใช่น้ำมันในเดือนธ.ค. 46 ขยายตัวถึงร้อยละ
30.7 จากช่วงเดียวกันปีก่อนแม้แต่ไทยและเกาหลีใต้ก็มีอัตราการขยายตัวของการส่งออกอยู่ในระดับสูง
มากกว่าร้อยละ 30 คาดว่าตลอดทั้งปี 46 การส่งออกมาเลเซียจะขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 12 เป็นสัญญา
นว่าอุปสงค์โลกในเดือนต่อไปจะยังคงแข็งแกร่ง สำหรับการนำเข้าของมาเลเซียส่วนใหญ่ เป็นสินค้าที่นำเข้า
มาผลิตเพื่อการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ รมว.การค้าและอุตสาหกรรมของมาเลเซียจะเปิดเผยตัว
เลขอย่างเป็นทางการในวันนี้เวลา 12.01 น. ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าอุปสงค์จากจีนในช่วงตรุษจีนและ
ราคาน้ำมันปาล์มที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลกระตุ้นการส่งออกของมาเลเซียในเดือน ธ.ค. 46(รอยเตอร์)
5. ผู้ประกอบการของสิงคโปร์มองแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งแรกของปี 47 มีทิศทางสด
ใส รายงานจากสิงคโปร์เมื่อ 3 ก.พ.47 The Economic Development Board (EDB) เปิดเผยผล
การสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่อแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมสิงคโปร์ว่า ผู้ประกอบการ
ร้อยละ 31 เห็นว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 47 ภาคอุตสาหกรรมสิงคโปร์มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบ
การร้อยละ 11 เห็นว่าแนวโน้มจะชะลอลง อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการได้คาดการณ์สถานการณ์ในช่วงไตร
มาสแรกของปี 47 ว่าจะยังคงซบเซา สาเหตุจากมีวันหยุดจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระดับผลผลิต
อุตสาหกรรม อนึ่ง การสำรวจครั้งนี้ดำเนินการในช่วงเดือน ธ.ค.46 — ม.ค.47 ซึ่งผลการสำรวจสวนทาง
กับการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจของสิงคโปร์ อาทิเช่น ตัวเลขการจ้างงานที่ลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 17 ปี
ส่งผลให้นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์จะอยู่ที่ระดับเพียงร้อยละ 5.2 ในปี 47
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 4/2/47 3/2/47 31/12/46 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.164 39.622 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.0056/39.2924 39.4435/39.7378 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.8750 - 1.2800 1.2800 - 1.3000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 699.75/37.10 772.15/41.74 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,350/7,450 7,450/7,550 7,700/7,800 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 27.98 28.45 28.66 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 17.29*/14.39 ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-