แท็ก
นักธุรกิจ
เศรษฐกิจโดยรวมในเดือนธันวาคมขยายตัวต่อเนื่อง ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักธุรกิจที่ดีต่อเนื่องเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้อุปสงค์ในประเทศขยายตัวดี โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนที่เร่งตัวทั้งด้านเครื่องมือเครื่องจักรและ การก่อสร้าง ขณะที่การใช้จ่ายของรัฐบาลก็เร่งขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน และอุปสงค์ต่างประเทศก็มีแนวโน้มดีจากมูลค่าการ ส่งออกที่ยังขยายตัวสูงตามการเพิ่มขึ้นของทั้งราคาและปริมาณการส่งออก
ในภาคการผลิต ผลผลิตอุตสาหกรรมที่ชะลอลงในเดือนพฤศจิกายนเนื่องจากมีการปิดซ่อมโรงงานได้กลับมาเร่งตัวขึ้นในเดือนนี้ รายได้เกษตรกรจากพืชผลหลักยังคงเพิ่มสูงขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรที่ยังคงสูง และในภาคบริการ จำนวน นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเพราะเป็นฤดูการท่องเที่ยวช่วงปลายปี เสถียรภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อทรงตัวในระดับต่ำ ดุลการค้าและดุลบัญชี เดินสะพัดยังคงเกินดุล และเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง ขณะที่หนี้ต่างประเทศอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก่อน
เศรษฐกิจไทยในปี 2546 ขยายตัวดีโดยมีการใช้จ่ายภาคเอกชนและการส่งออกเป็นแรงขับเคลื่อนหลักท่ามกลางความไม่แน่นอนจากต่างประเทศ เช่น สงครามอิรัก โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) และราคาน้ำมัน อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำและเสถียรภาพภายนอกอยู่ในเกณฑ์ดี
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนธันวาคม มีดังนี้
1. การผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 15.7 เทียบกับร้อยละ 6.1 ในเดือนพฤศจิกายน โดยเป็นผลจากการเร่งตัวของทั้งอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อส่งออกและอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ทั้งนี้สินค้าที่ขยายตัวสูง ได้แก่ แผงวงจรรวมและเครื่องรับโทรทัศน์ซึ่งขยายตัวดีตามการส่งออก ปูนซิเมนต์และผลิตภัณฑ์เหล็กซึ่งขยายตัวตามการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ และยานยนต์ที่ขยายตัวดีต่อเนื่องส่วนหนึ่งเพราะแรงกระตุ้นจากการจัดงาน Motor Expo ในเดือนนี้ ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 72.1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 66.3 ในเดือนก่อน
สำหรับปี 2546 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 12.3 เทียบกับร้อยละ 8.5 ในปี 2545 โดยเพิ่มขึ้นมากในหมวดอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าตามวัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และหมวดยานยนต์ตามความต้องการของตลาดในประเทศและการส่งออก ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ร้อยละ 66.2 สูงขึ้นจากร้อยละ 59.3 ในปี 2545
2. การใช้จ่ายภายในประเทศ ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 4.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้าอุปโภคบริโภคและปริมาณการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคก็ขยายตัวดีสอดคล้องกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นลำดับ อย่างไรก็ตาม ในเดือนนี้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของที่อยู่อาศัยลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน เพราะสภาพอากาศหนาวเย็นมีส่วน ทำให้การใช้ไฟฟ้าลดลง สำหรับดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 23.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการเร่งตัวทั้งการก่อสร้างและการลงทุนในเครื่องมือเครื่องจักร โดยเฉพาะปริมาณสินค้าทุนนำเข้าซึ่งขยายตัวสูงขึ้นสอดคล้องกับความต้องการขยายกำลังการผลิตของภาคธุรกิจ
สำหรับปี 2546 ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 5.1 เร่งตัวขึ้นจากร้อยละ 3.7 ในปี 2545 เพราะรายได้และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ตลอดจนอัตราดอกเบี้ยต่ำและสภาพแวดล้อมทางการเงินที่เอื้ออำนวย ส่วนดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 13.0 เทียบกับร้อยละ 23.4 ในปี 2545 โดยปัจจัยสนับสนุนการ ลงทุนได้แก่ อัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และสินเชื่ออุตสาหกรรมของธนาคารพาณิชย์ที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ
3. ภาคการคลัง รายได้รัฐบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยรายได้ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.2 และรายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 173.8 ส่วนหนึ่งเพราะการนำส่งเงินจากการขายหุ้นให้แก่กองทุนวายุภักษ์ 1 สำหรับรายจ่ายรัฐบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 75.7 เนื่องจากมีรายจ่ายพิเศษ ได้แก่ การจ่ายบำเหน็จดำรงชีพและเงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา ส่งผลให้ในเดือนนี้ดุลเงินในงบประมาณขาดดุล 24.7 พันล้านบาท ขณะที่ดุลเงินนอกงบประมาณเกินดุล 5.8 พันล้านบาท ดังนั้นรัฐบาลจึงขาดดุลเงินสด 18.9 พันล้านบาท
ในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ 2547 รายได้รัฐบาลขยายตัวร้อยละ 25.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนรายจ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.0 และรัฐบาลขาดดุลเงินสด 37.5 พันล้านบาท
4. ระดับราคา ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.8 โดยราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 ตามราคาข้าวสารหอมมะลิและราคาเครื่องประกอบอาหารเป็นสำคัญ ส่วนหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและการปรับราคาก๊าซหุงต้ม สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานไม่ เปลี่ยนแปลงจากระยะเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้แม้ว่าราคาเครื่องประกอบอาหารจะสูงขึ้น แต่ค่าเช่าบ้านที่ลดลงยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ ทำให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ในเกณฑ์ต่ำมากต่อเนื่อง
ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยหมวดผลผลิตเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นมากที่สุดร้อยละ 9.9 รองลงมาได้แก่ หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมืองและหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 และ 1.8 ตามลำดับ
สำหรับปี 2546 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน และดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มร้อยละ 1.8 0.2 และ 4.0 ตามลำดับ
5. ภาคต่างประเทศ มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 7,202 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือขยายตัวร้อยละ 31.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยสินค้าส่งออกที่ขยายตัวสูง ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ แผงวงจรไฟฟ้า และยานพาหนะและชิ้นส่วน ส่วนมูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 7,069 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือขยายตัวร้อยละ 39.9 จากการเร่งนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าทุนเป็นสำคัญ การขยายตัวสูงของการนำเข้าดังกล่าวส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุลเพียง 133 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือนนี้ ด้านดุลบริการ รายได้ และเงินโอน เกินดุล 599 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากรายได้จากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มดีต่อเนื่องเป็นสำคัญ ดุลบัญชีเดินสะพัดจึงเกินดุล 732 ล้านดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ตาม ดุลการชำระเงินขาดดุล 225 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการขาดดุลเงินทุนเคลื่อนย้ายสุทธิ
เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนธันวาคม อยู่ที่ระดับ 42.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 5.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
สำหรับปี 2546 มูลค่าการส่งออกรวมทั้งสิ้น 78,416 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือขยายตัวร้อยละ 17.4 ขณะที่มูลค่าการนำเข้ารวม 74,214 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือขยายตัวร้อยละ 17.1 ดุลการค้าเกินดุล 4,202 ล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนเกินดุล 3,773 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากปีก่อนที่เกินดุล 4,211 ล้านดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากรายได้จาก การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) ในไตรมาสที่ 2 และ 3 ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 7,975 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขณะที่ดุลการชำระเงินเกินดุลเพียง 143 ล้านดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากการชำระคืนหนี้ IMF Package ก่อนกำหนดโดย ธปท. เป็นสำคัญ
6. ภาวะการเงิน ปริมาณเงิน M2 M2A และ M3 ขยายตัวร้อยละ 4.9 5.1 และ 5.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามลำดับ เป็นผลจากการถือครองเงินสดของประชาชนที่เพิ่มขึ้นในช่วงสิ้นปีประกอบกับการเพิ่มขึ้นของเงินฝากที่สถาบันการเงิน ทั้งนี้ เงินฝากธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้นเดือนธันวาคมขยายตัวร้อยละ 4.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน สำหรับสินเชื่อภาคเอกชน (รวมการถือหลักทรัพย์ของเอกชน) ของธนาคารพาณิชย์ที่บวกกลับการตัดหนี้สูญและสินเชื่อที่โอนไปบริษัทบริหาร สินทรัพย์ แต่ไม่รวมสินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ ณ สิ้นเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยตลอดทั้งปี สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ขยายตัวต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อการส่งออก อสังหาริมทรัพย์ การพาณิชย์ การบริโภคส่วนบุคคล และที่อยู่อาศัย
อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินลดลงจากเดือนก่อนเพราะมีสภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ค่อนข้างมาก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเงินบำเหน็จดำรงชีพจากภาครัฐบาล ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร (Interbank) ระยะ 1 วันเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.01 และ 1.03 ต่อปี ตามลำดับ
สำหรับปี 2546 อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินโน้มต่ำลงเนื่องจากยังมีสภาพคล่องในระบบสูง ประกอบกับมี การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. ในเดือนมิถุนายนจากร้อยละ 1.75 ต่อปีเป็นร้อยละ 1.25 ต่อปี ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเฉลี่ยทั้งปี 2546 อยู่ที่ร้อยละ 1.33 และ 1.31 ต่อปี ตามลำดับ
7. เงินบาท ค่าเงินบาทในเดือนธันวาคม 2546 เฉลี่ยอยู่ที่ 39.71 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจาก 39.90 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในเดือนพฤศจิกายน เป็นผลจากการขายเงินดอลลาร์ สรอ. ของผู้ส่งออก การเพิ่มทุนของบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศที่มีนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก รวมทั้ง Sentiment ของค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ที่เปราะบางจากปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและการขาดดุลการคลังของสหรัฐฯ
สำหรับปี 2546 ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 39.57 | 43.15 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. และเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 41.50 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นร้อยละ 3.6 จากค่าเฉลี่ยของปี 2545 โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ได้แก่ แนวโน้มการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ. และภาวะเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งสะท้อนได้จากการปรับตัวสูงขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย รวมถึงการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของไทยจากสถาบันจัดอันดับในต่างประเทศหลายแห่ง ทั้งนี้ ธปท. ได้ออกมาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาทในวันที่ 11 กันยายนและ 14 ตุลาคม 2546 เพื่อดูแลการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไม่ให้เป็นไปในลักษณะการเก็งกำไร
สำหรับช่วง 1 | 27 มกราคม 2547 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 39.07 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากผู้ส่งออกเร่งทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ที่คาดว่าจะอ่อนตัวลงอีก ประกอบกับ Sentiment ค่าเงินบาทดีตามภาวะเศรษฐกิจ
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
ในภาคการผลิต ผลผลิตอุตสาหกรรมที่ชะลอลงในเดือนพฤศจิกายนเนื่องจากมีการปิดซ่อมโรงงานได้กลับมาเร่งตัวขึ้นในเดือนนี้ รายได้เกษตรกรจากพืชผลหลักยังคงเพิ่มสูงขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรที่ยังคงสูง และในภาคบริการ จำนวน นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเพราะเป็นฤดูการท่องเที่ยวช่วงปลายปี เสถียรภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อทรงตัวในระดับต่ำ ดุลการค้าและดุลบัญชี เดินสะพัดยังคงเกินดุล และเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง ขณะที่หนี้ต่างประเทศอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก่อน
เศรษฐกิจไทยในปี 2546 ขยายตัวดีโดยมีการใช้จ่ายภาคเอกชนและการส่งออกเป็นแรงขับเคลื่อนหลักท่ามกลางความไม่แน่นอนจากต่างประเทศ เช่น สงครามอิรัก โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) และราคาน้ำมัน อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำและเสถียรภาพภายนอกอยู่ในเกณฑ์ดี
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนธันวาคม มีดังนี้
1. การผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 15.7 เทียบกับร้อยละ 6.1 ในเดือนพฤศจิกายน โดยเป็นผลจากการเร่งตัวของทั้งอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อส่งออกและอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ทั้งนี้สินค้าที่ขยายตัวสูง ได้แก่ แผงวงจรรวมและเครื่องรับโทรทัศน์ซึ่งขยายตัวดีตามการส่งออก ปูนซิเมนต์และผลิตภัณฑ์เหล็กซึ่งขยายตัวตามการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ และยานยนต์ที่ขยายตัวดีต่อเนื่องส่วนหนึ่งเพราะแรงกระตุ้นจากการจัดงาน Motor Expo ในเดือนนี้ ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 72.1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 66.3 ในเดือนก่อน
สำหรับปี 2546 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 12.3 เทียบกับร้อยละ 8.5 ในปี 2545 โดยเพิ่มขึ้นมากในหมวดอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าตามวัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และหมวดยานยนต์ตามความต้องการของตลาดในประเทศและการส่งออก ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ร้อยละ 66.2 สูงขึ้นจากร้อยละ 59.3 ในปี 2545
2. การใช้จ่ายภายในประเทศ ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 4.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้าอุปโภคบริโภคและปริมาณการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคก็ขยายตัวดีสอดคล้องกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นลำดับ อย่างไรก็ตาม ในเดือนนี้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของที่อยู่อาศัยลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน เพราะสภาพอากาศหนาวเย็นมีส่วน ทำให้การใช้ไฟฟ้าลดลง สำหรับดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 23.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการเร่งตัวทั้งการก่อสร้างและการลงทุนในเครื่องมือเครื่องจักร โดยเฉพาะปริมาณสินค้าทุนนำเข้าซึ่งขยายตัวสูงขึ้นสอดคล้องกับความต้องการขยายกำลังการผลิตของภาคธุรกิจ
สำหรับปี 2546 ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 5.1 เร่งตัวขึ้นจากร้อยละ 3.7 ในปี 2545 เพราะรายได้และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ตลอดจนอัตราดอกเบี้ยต่ำและสภาพแวดล้อมทางการเงินที่เอื้ออำนวย ส่วนดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 13.0 เทียบกับร้อยละ 23.4 ในปี 2545 โดยปัจจัยสนับสนุนการ ลงทุนได้แก่ อัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และสินเชื่ออุตสาหกรรมของธนาคารพาณิชย์ที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ
3. ภาคการคลัง รายได้รัฐบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยรายได้ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.2 และรายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 173.8 ส่วนหนึ่งเพราะการนำส่งเงินจากการขายหุ้นให้แก่กองทุนวายุภักษ์ 1 สำหรับรายจ่ายรัฐบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 75.7 เนื่องจากมีรายจ่ายพิเศษ ได้แก่ การจ่ายบำเหน็จดำรงชีพและเงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา ส่งผลให้ในเดือนนี้ดุลเงินในงบประมาณขาดดุล 24.7 พันล้านบาท ขณะที่ดุลเงินนอกงบประมาณเกินดุล 5.8 พันล้านบาท ดังนั้นรัฐบาลจึงขาดดุลเงินสด 18.9 พันล้านบาท
ในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ 2547 รายได้รัฐบาลขยายตัวร้อยละ 25.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนรายจ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.0 และรัฐบาลขาดดุลเงินสด 37.5 พันล้านบาท
4. ระดับราคา ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.8 โดยราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 ตามราคาข้าวสารหอมมะลิและราคาเครื่องประกอบอาหารเป็นสำคัญ ส่วนหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและการปรับราคาก๊าซหุงต้ม สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานไม่ เปลี่ยนแปลงจากระยะเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้แม้ว่าราคาเครื่องประกอบอาหารจะสูงขึ้น แต่ค่าเช่าบ้านที่ลดลงยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ ทำให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ในเกณฑ์ต่ำมากต่อเนื่อง
ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยหมวดผลผลิตเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นมากที่สุดร้อยละ 9.9 รองลงมาได้แก่ หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมืองและหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 และ 1.8 ตามลำดับ
สำหรับปี 2546 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน และดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มร้อยละ 1.8 0.2 และ 4.0 ตามลำดับ
5. ภาคต่างประเทศ มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 7,202 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือขยายตัวร้อยละ 31.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยสินค้าส่งออกที่ขยายตัวสูง ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ แผงวงจรไฟฟ้า และยานพาหนะและชิ้นส่วน ส่วนมูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 7,069 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือขยายตัวร้อยละ 39.9 จากการเร่งนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าทุนเป็นสำคัญ การขยายตัวสูงของการนำเข้าดังกล่าวส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุลเพียง 133 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือนนี้ ด้านดุลบริการ รายได้ และเงินโอน เกินดุล 599 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากรายได้จากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มดีต่อเนื่องเป็นสำคัญ ดุลบัญชีเดินสะพัดจึงเกินดุล 732 ล้านดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ตาม ดุลการชำระเงินขาดดุล 225 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการขาดดุลเงินทุนเคลื่อนย้ายสุทธิ
เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนธันวาคม อยู่ที่ระดับ 42.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 5.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
สำหรับปี 2546 มูลค่าการส่งออกรวมทั้งสิ้น 78,416 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือขยายตัวร้อยละ 17.4 ขณะที่มูลค่าการนำเข้ารวม 74,214 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือขยายตัวร้อยละ 17.1 ดุลการค้าเกินดุล 4,202 ล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนเกินดุล 3,773 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากปีก่อนที่เกินดุล 4,211 ล้านดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากรายได้จาก การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) ในไตรมาสที่ 2 และ 3 ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 7,975 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขณะที่ดุลการชำระเงินเกินดุลเพียง 143 ล้านดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากการชำระคืนหนี้ IMF Package ก่อนกำหนดโดย ธปท. เป็นสำคัญ
6. ภาวะการเงิน ปริมาณเงิน M2 M2A และ M3 ขยายตัวร้อยละ 4.9 5.1 และ 5.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามลำดับ เป็นผลจากการถือครองเงินสดของประชาชนที่เพิ่มขึ้นในช่วงสิ้นปีประกอบกับการเพิ่มขึ้นของเงินฝากที่สถาบันการเงิน ทั้งนี้ เงินฝากธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้นเดือนธันวาคมขยายตัวร้อยละ 4.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน สำหรับสินเชื่อภาคเอกชน (รวมการถือหลักทรัพย์ของเอกชน) ของธนาคารพาณิชย์ที่บวกกลับการตัดหนี้สูญและสินเชื่อที่โอนไปบริษัทบริหาร สินทรัพย์ แต่ไม่รวมสินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ ณ สิ้นเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยตลอดทั้งปี สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ขยายตัวต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อการส่งออก อสังหาริมทรัพย์ การพาณิชย์ การบริโภคส่วนบุคคล และที่อยู่อาศัย
อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินลดลงจากเดือนก่อนเพราะมีสภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ค่อนข้างมาก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเงินบำเหน็จดำรงชีพจากภาครัฐบาล ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร (Interbank) ระยะ 1 วันเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.01 และ 1.03 ต่อปี ตามลำดับ
สำหรับปี 2546 อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินโน้มต่ำลงเนื่องจากยังมีสภาพคล่องในระบบสูง ประกอบกับมี การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. ในเดือนมิถุนายนจากร้อยละ 1.75 ต่อปีเป็นร้อยละ 1.25 ต่อปี ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเฉลี่ยทั้งปี 2546 อยู่ที่ร้อยละ 1.33 และ 1.31 ต่อปี ตามลำดับ
7. เงินบาท ค่าเงินบาทในเดือนธันวาคม 2546 เฉลี่ยอยู่ที่ 39.71 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจาก 39.90 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในเดือนพฤศจิกายน เป็นผลจากการขายเงินดอลลาร์ สรอ. ของผู้ส่งออก การเพิ่มทุนของบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศที่มีนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก รวมทั้ง Sentiment ของค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ที่เปราะบางจากปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและการขาดดุลการคลังของสหรัฐฯ
สำหรับปี 2546 ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 39.57 | 43.15 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. และเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 41.50 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นร้อยละ 3.6 จากค่าเฉลี่ยของปี 2545 โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ได้แก่ แนวโน้มการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ. และภาวะเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งสะท้อนได้จากการปรับตัวสูงขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย รวมถึงการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของไทยจากสถาบันจัดอันดับในต่างประเทศหลายแห่ง ทั้งนี้ ธปท. ได้ออกมาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาทในวันที่ 11 กันยายนและ 14 ตุลาคม 2546 เพื่อดูแลการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไม่ให้เป็นไปในลักษณะการเก็งกำไร
สำหรับช่วง 1 | 27 มกราคม 2547 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 39.07 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากผู้ส่งออกเร่งทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ที่คาดว่าจะอ่อนตัวลงอีก ประกอบกับ Sentiment ค่าเงินบาทดีตามภาวะเศรษฐกิจ
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-