ส่วนที่ 1: สรุปภาวะเศรษฐกิจในประเทศ
เศรษฐกิจโดยรวมในเดือนมากราคมยังขยายตัวต่อเนื่อง แม้ว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักธุรกิจจะลดลงบ้างจากข่าวเรื่องการระบาดของโรคไข้หวัดนกในไก่ แต่อุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวได้ดีและอุปสงค์ต่างประเทศก็อยู่ในระดับสูง สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวดีตามการเพิ่มขึ้นของราคา
ในภาคการผลิต ผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวดีตามอุปสงค์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รายได้เกษตรกรจากพืชผลหลักยังคงเพิ่มสูงขึ้นตามราคาสินค้าเกษตรที่สูงต่อเนื่อง สำหรับในภาคบริการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวสูง ส่วนหนึ่งเพราะเป็นช่วงเทศการตรุษจีน
เสถียนภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานทรงตัวอยู่ในระดับต่ำดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดเกิดดุลต่อเนื่อง และเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง ขณะที่หนี้ต่างประเทศลดลงจากเดือนก่อน
รายละเอียดของสภาวะเศรษฐกิจในเดือน มกราคม มีดังนี้
1.การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 11.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะหมวดอิเล็คทรอนิกส์ที่มีการส่งออกแผงวงจรรวมไปตลาดสหรัฐฯเพิ่มขึ้นมาก หมวดวัสดุก่อสร้างและหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์จากเหล็กที่ขยายตัวดีตามอุปสงค์ของธุรกิจก่อสร้างในประเทศจูงใจให้มีการผลิตเพิ่ม และหมวดยานยนต์ที่เพิ่มขึ้นจากการผลิตเพื่อทยอยส่งมอบรถให้กับผู้สั่งจองสินค้าในงาน Motor Expo
อัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ร้อยละ 74.6 เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 73.0 ในเดือนก่อนซึ่งนอกจากจะเป็นผลจากอุปสงค์ที่ขยายตัวดีแล้วส่วนหนึ่งยังเป็นเพราะปัจจัยชั่วคราว ได้แก่ การผลิตที่ขยายตัวดีในอุตสาหกรรมน้ำตาลเนื่องจากผลิตอ้อยเอื้ออำนวย และการสต็อกสินค้าไว้ก่อนการปิดซ่อมบำรุงโรงงานในหมวดยาสูบ
2.การใช้จ่ายภายในประเทศ ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (เบื้องต้น) อยู่ในระดับเดียวกันกับเดือนก่อน แต่เนื่องจากฐานที่สูงในเดือนมากราคมปีก่อนอัตราการขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนจึงชะลอลงจากร้อยละ 4.2 ในเดือนธันวาคม 2546 มาอยู่ที่ร้อยละ 2.8 ส่วนดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น)ขยายตัวร้อยละ 17.4 ชะลอลงจากร้อยละ 26.0 ในเดือนก่อนเนื่องจากการชะลอตัวของเครื่องชี้ด้านการก่อสร้างจักรและอุปกรณ์ ในขณะที่เครื่องชี้ด้านการก่อสร้างยังคงแสดงแนวโน้มการขยายตัวในเกณฑ์สูง
3.ภาคการคลัง รายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.0 ที่สำคัญคือรายได้ภาษีบนฐานรายได้และฐานการบริโภค ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.3 และ 20.2 ตามลำดับ สำหรับรายจ่ายรัฐาลเพิ่มขึ้น ร้อยละ26.0ทำให้ดุลเงินในงบประมาณขาดดุล 1.6 พันบ้านบาท ขณะที่ดุลเงินสด 11.6 พันล้านบาทในเดือนนี้
4.ระดับราคาดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.2 โดยราคาในหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 ตามราคาข้าสารหอมมะลิที่ความต้องการสูงขึ้น ขณระที่ราคาในหมวดอื่น ๆที่ไม่ใช่อาหาร ไม่เปลี่ยนแปลงจากระยะเดียวกันปีก่อน สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานลดลงร้อยละ 0.1 เป็นผลจากค่าเช่สาบ้านที่ลดลงต่อเนื่องสำคัญ
ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.8 โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าทุกหมวด ทั้งนี้ หมวดผลผลิตเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นมากที่สุดร้อยละ 10.1 รองลงมาได้แก่ หมวดผลิตภัณฑ์จากเมืองและหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 และ 1.7 ตามลำดับ
5.ภาคต่างประเทศ มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.9 เป็น 6,897 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยสินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้นมาก ได้แก่ สินค้าเกษตร ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาข้าวและยางพาราที่สูงขึ้น และสินค้าอุสสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตสุง โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็คทอนิกส์ที่ขยายตัวเนื่องตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โลก ส่วนมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.0 เป็น 6,863 ล้านดอลลาร์สรอ.จากการนำเข้าวัตถุดิบ เหล็ก และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รวมทั้งสินค้าทุนประเภทเครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรมเป็นสำคัญ ดุลการค้าจึงเกินดุลลดลงมากเหลือเพียง 34 ล้านดอลลาร์ สรอ. แต่เนื่องจากดุลบริการ รายได้ และเงินโอนเกินดุลสูงถึง 788 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากรายได้ท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีนดุลบัญชีเดินสะพัดจึงเกินดุล 812 ล้านดอลลาร์ สรอ.ใกล้เคียงกับเดือนก่อน และดุลจาการชำระเงินเกินดุล 147 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือนนี้
เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมกราคมอยู่ที่ระดับ 42.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ.โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 7.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
6.ภาวะการเงิน ปริมาณเงิน M2 M2A และ M3ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.7 5.8 และ 4.7ตามลำดับ โดย มีปัจจัยหลักจากเงินฝากธนาคารพาณิชย์ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 ส่วนหนึ่งเนื่องจากธนาคารพาณิชย์ที่มีการไถ่ถอน SLIPS ก่อนกำหนดได้โอนเงินค่าไถ่ถอนเข้าบัญชีเงินฝากของลูกค้า สำหรับสินเชื่อที่บวกกลับการตัดหนี้สูญและสินเชื่อที่โอนไปบริษัทบริหารสินทรัพย์แต่ไม่รวมสินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ ณ สิ้นเดือนมกราคม ขยายตัวร้อยละ 5.1 เร่งขึ้นจากร้อยละ 4.8 ในเดือนก่อน
อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงิน โน้มลดลงจากเดือนธันวาคม 2546 เนื่องจากมีสภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ค่อนข้างสูง ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันลดลงจากร้อยละ 1.01 ต่อปีในเดือนก่อนมาเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 0.95 ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วัน ลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 1.03 ต่อปีมาอยู่ที่ร้อยละ 1.02 ต่อปี
7.เงินบาท ค่าเงินบาทในเดือนมากราคมเฉลี่ยอยู่ที่ 39.09 บาทต่อดอลลาร์ สรอ.แข็งค่าขึ้นจาก 39.71 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในเดือนก่อน โดยในช่วงครึ่งแรกของเดือนเงินบาทแข็งค่าขึ้นค่อนข้างมากจากการขายเงินดอลลาร์ สรอ. ของผู้ส่งออกและกองทุนต่างประเทศเนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจในพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยก่อนจะอ่อนค่าลงในช่วงครึ่งหลังของเดือน
สำหรับค่าเงินบาทในช่วงวันที่ 1-25 กุมพาพันธ์เฉลี่ยอยู่ที่ 39.07 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นอีกเล็กน้อย โดยในช่วงครึ่งเดือนแรกเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากการลงทุนเพิ่มขึ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหลักทรัพย์ไทย อย่างไรก็ดีในช่วงครึ่งหลังของเดือนเงินบาทได้อ่อนค่าลง
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ชพ-
เศรษฐกิจโดยรวมในเดือนมากราคมยังขยายตัวต่อเนื่อง แม้ว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักธุรกิจจะลดลงบ้างจากข่าวเรื่องการระบาดของโรคไข้หวัดนกในไก่ แต่อุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวได้ดีและอุปสงค์ต่างประเทศก็อยู่ในระดับสูง สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวดีตามการเพิ่มขึ้นของราคา
ในภาคการผลิต ผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวดีตามอุปสงค์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รายได้เกษตรกรจากพืชผลหลักยังคงเพิ่มสูงขึ้นตามราคาสินค้าเกษตรที่สูงต่อเนื่อง สำหรับในภาคบริการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวสูง ส่วนหนึ่งเพราะเป็นช่วงเทศการตรุษจีน
เสถียนภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานทรงตัวอยู่ในระดับต่ำดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดเกิดดุลต่อเนื่อง และเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง ขณะที่หนี้ต่างประเทศลดลงจากเดือนก่อน
รายละเอียดของสภาวะเศรษฐกิจในเดือน มกราคม มีดังนี้
1.การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 11.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะหมวดอิเล็คทรอนิกส์ที่มีการส่งออกแผงวงจรรวมไปตลาดสหรัฐฯเพิ่มขึ้นมาก หมวดวัสดุก่อสร้างและหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์จากเหล็กที่ขยายตัวดีตามอุปสงค์ของธุรกิจก่อสร้างในประเทศจูงใจให้มีการผลิตเพิ่ม และหมวดยานยนต์ที่เพิ่มขึ้นจากการผลิตเพื่อทยอยส่งมอบรถให้กับผู้สั่งจองสินค้าในงาน Motor Expo
อัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ร้อยละ 74.6 เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 73.0 ในเดือนก่อนซึ่งนอกจากจะเป็นผลจากอุปสงค์ที่ขยายตัวดีแล้วส่วนหนึ่งยังเป็นเพราะปัจจัยชั่วคราว ได้แก่ การผลิตที่ขยายตัวดีในอุตสาหกรรมน้ำตาลเนื่องจากผลิตอ้อยเอื้ออำนวย และการสต็อกสินค้าไว้ก่อนการปิดซ่อมบำรุงโรงงานในหมวดยาสูบ
2.การใช้จ่ายภายในประเทศ ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (เบื้องต้น) อยู่ในระดับเดียวกันกับเดือนก่อน แต่เนื่องจากฐานที่สูงในเดือนมากราคมปีก่อนอัตราการขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนจึงชะลอลงจากร้อยละ 4.2 ในเดือนธันวาคม 2546 มาอยู่ที่ร้อยละ 2.8 ส่วนดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น)ขยายตัวร้อยละ 17.4 ชะลอลงจากร้อยละ 26.0 ในเดือนก่อนเนื่องจากการชะลอตัวของเครื่องชี้ด้านการก่อสร้างจักรและอุปกรณ์ ในขณะที่เครื่องชี้ด้านการก่อสร้างยังคงแสดงแนวโน้มการขยายตัวในเกณฑ์สูง
3.ภาคการคลัง รายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.0 ที่สำคัญคือรายได้ภาษีบนฐานรายได้และฐานการบริโภค ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.3 และ 20.2 ตามลำดับ สำหรับรายจ่ายรัฐาลเพิ่มขึ้น ร้อยละ26.0ทำให้ดุลเงินในงบประมาณขาดดุล 1.6 พันบ้านบาท ขณะที่ดุลเงินสด 11.6 พันล้านบาทในเดือนนี้
4.ระดับราคาดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.2 โดยราคาในหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 ตามราคาข้าสารหอมมะลิที่ความต้องการสูงขึ้น ขณระที่ราคาในหมวดอื่น ๆที่ไม่ใช่อาหาร ไม่เปลี่ยนแปลงจากระยะเดียวกันปีก่อน สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานลดลงร้อยละ 0.1 เป็นผลจากค่าเช่สาบ้านที่ลดลงต่อเนื่องสำคัญ
ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.8 โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าทุกหมวด ทั้งนี้ หมวดผลผลิตเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นมากที่สุดร้อยละ 10.1 รองลงมาได้แก่ หมวดผลิตภัณฑ์จากเมืองและหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 และ 1.7 ตามลำดับ
5.ภาคต่างประเทศ มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.9 เป็น 6,897 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยสินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้นมาก ได้แก่ สินค้าเกษตร ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาข้าวและยางพาราที่สูงขึ้น และสินค้าอุสสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตสุง โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็คทอนิกส์ที่ขยายตัวเนื่องตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โลก ส่วนมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.0 เป็น 6,863 ล้านดอลลาร์สรอ.จากการนำเข้าวัตถุดิบ เหล็ก และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รวมทั้งสินค้าทุนประเภทเครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรมเป็นสำคัญ ดุลการค้าจึงเกินดุลลดลงมากเหลือเพียง 34 ล้านดอลลาร์ สรอ. แต่เนื่องจากดุลบริการ รายได้ และเงินโอนเกินดุลสูงถึง 788 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากรายได้ท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีนดุลบัญชีเดินสะพัดจึงเกินดุล 812 ล้านดอลลาร์ สรอ.ใกล้เคียงกับเดือนก่อน และดุลจาการชำระเงินเกินดุล 147 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือนนี้
เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมกราคมอยู่ที่ระดับ 42.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ.โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 7.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
6.ภาวะการเงิน ปริมาณเงิน M2 M2A และ M3ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.7 5.8 และ 4.7ตามลำดับ โดย มีปัจจัยหลักจากเงินฝากธนาคารพาณิชย์ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 ส่วนหนึ่งเนื่องจากธนาคารพาณิชย์ที่มีการไถ่ถอน SLIPS ก่อนกำหนดได้โอนเงินค่าไถ่ถอนเข้าบัญชีเงินฝากของลูกค้า สำหรับสินเชื่อที่บวกกลับการตัดหนี้สูญและสินเชื่อที่โอนไปบริษัทบริหารสินทรัพย์แต่ไม่รวมสินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ ณ สิ้นเดือนมกราคม ขยายตัวร้อยละ 5.1 เร่งขึ้นจากร้อยละ 4.8 ในเดือนก่อน
อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงิน โน้มลดลงจากเดือนธันวาคม 2546 เนื่องจากมีสภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ค่อนข้างสูง ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันลดลงจากร้อยละ 1.01 ต่อปีในเดือนก่อนมาเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 0.95 ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วัน ลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 1.03 ต่อปีมาอยู่ที่ร้อยละ 1.02 ต่อปี
7.เงินบาท ค่าเงินบาทในเดือนมากราคมเฉลี่ยอยู่ที่ 39.09 บาทต่อดอลลาร์ สรอ.แข็งค่าขึ้นจาก 39.71 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในเดือนก่อน โดยในช่วงครึ่งแรกของเดือนเงินบาทแข็งค่าขึ้นค่อนข้างมากจากการขายเงินดอลลาร์ สรอ. ของผู้ส่งออกและกองทุนต่างประเทศเนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจในพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยก่อนจะอ่อนค่าลงในช่วงครึ่งหลังของเดือน
สำหรับค่าเงินบาทในช่วงวันที่ 1-25 กุมพาพันธ์เฉลี่ยอยู่ที่ 39.07 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นอีกเล็กน้อย โดยในช่วงครึ่งเดือนแรกเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากการลงทุนเพิ่มขึ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหลักทรัพย์ไทย อย่างไรก็ดีในช่วงครึ่งหลังของเดือนเงินบาทได้อ่อนค่าลง
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ชพ-