ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. จับตาเงินเฟ้อพื้นฐานที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน
ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. กำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งอยู่ในระดับ 0% มากว่า 5
เดือน นับตั้งแต่เดือน ส.ค.46 ถึงปัจจุบัน โดยมีสาเหตุมาจากอัตราค่าเช่าบ้านลดลง เพราะประชาชนหันมา
ซื้อบ้านแทนเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และอุปทานส่วนเกินในตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีอยู่เป็น
จำนวนมาก ซึ่งหากอุปทานลดลงค่าเช่าบ้านก็จะสูงขึ้น อันจะทำให้ทางการสามารถใช้อัตราดอกเบี้ยเข้ามา
ชะลอไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไปได้ ทั้งนี้ ธปท. ได้ติดตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อไม่ให้มีการขยายตัว
มากเกินไปจนกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ โดยได้รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้ทราบความเคลื่อนไหวของ
ธุรกิจได้ล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดปัญหาและสามารถควบคุมสถานการณ์ให้การซื้อและขายอยู่ในภาวะที่เหมาะสมทั้ง
ในส่วนของบ้าน อาคาร ที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ซึ่งได้ร่วมจัดทำกับผู้เกี่ยวข้องในธุรกิจนี้ (โลกวันนี้,
ข่าวสด)
2. ธปท. ปรับโครงสร้างหนี้ปี 46 กว่า 6.4 หมื่นล้านบาท สายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ธปท.
สรุปผลการดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของคณะกรรมการเพื่อส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (คปน.)
ในปี 46 ว่า มีลูกหนี้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำเร็จ 82 ราย มูลหนี้ 64,665 ล้านบาท และปรับปรุงไม่สำเร็จ
42 ราย มูลหนี้ 1,900 ล้านบาท โดยลูกหนี้ที่ปรับปรุงสำเร็จส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้รายใหญ่และมีย้อนกลับมาใหม่
เพียง 1-2 ราย ทั้งนี้ ผลการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตั้งแต่เริ่มดำเนินการในปี 2541-2546 มีลูกหนี้ที่
เข้าเจรจาตามกระบวนการ คปน. จำนวน 13,280 ราย มูลหนี้ 1,903,591 ล้านบาท ปรับปรุงสำเร็จ
10,920 ราย มูลหนี้ 1,443,622 ล้านบาท หรือคิดเป็น 85% ของลูกหนี้ที่เจรจาจนมีข้อสรุป ส่วนเอ็นพีแอล
ที่เหลือในระบบประมาณ 64,000 ล้านบาท อยู่ในระหว่างดำเนินการทั้งเรื่องการบังคับคดี การแก้กฎหมาย
บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) และกฎระเบียบของ ธปท. เป็นต้น หากมาตรการต่าง ๆ มี
ผลบังคับใช้จะทำให้เอ็นพีแอลลดลงได้เร็วมาก (กรุงเทพธุรกิจ)
3. คาดว่าปี 47 การลงทุนภาคเอกชนจะเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 75 รายงานข่าวจากสายนโยบาย
การเงิน ธปท. เปิดเผยว่า การลงทุนภาคเอกชนปี 47 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่ทำให้เศรษฐกิจไทยขยาย
ตัวได้ดีต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีการลงทุนเพิ่มมาจากการบริโภคภายในประเทศที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง เห็น
ได้จากปริมาณสินเชื่อในช่วงปี 46 ที่ผ่านมาเติบโตสูง โดยเฉพาะสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์
และสินเชื่อบัตรเครดิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินเชื่อการบริโภคส่วนบุคคลที่มีการขยายตัวสูงถึง 16.9% ขณะที่
ภาวะอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เริ่มเพิ่มมากขึ้นจะเป็นตัวสนับสนุน โดยคาด
ว่ากำลังการผลิตในปีนี้จะทะลุ 75% เพราะตอนนี้มีหลายภาคธุรกิจเริ่มขยายกำลังการผลิตขึ้น เช่น ภาค
อุตสาหกรรมรถยนต์ ภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ภาคอิเล็คทรอนิกส์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และโทรคมนาคม มีการ
ใช้กำลังการผลิตที่สูงเกิน 100% จนต้องมีการนำเข้าเครื่องจักรและซื้อเครื่องจักรใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังผลิตกัน
จำนวนมากแล้ว โดยในสิ้นปี 2546 มีการนำเข้าสินค้าทุนประเภทแผงวงจรไฟฟ้าถึง 245,411 ล้านบาท
เครื่องจักรไฟฟ้าและเครื่องจักรกลถึง 334,087 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2545 ที่นำเข้าแค่ 324,000 ล้าน
บาท นอกจากนี้ การที่ภาวะเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น ทำให้ความต้องการซื้อสินค้าจากประเทศไทยเพิ่มขึ้น
ซึ่งไทยสามารถส่งออกได้มากขึ้น ภาวะเช่นนี้ส่งผลให้นักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น โดย
ขณะนี้เริ่มเห็นการนำเงินเข้ามาลงทุนในภาคเศรษฐกิจโดยตรงมากขึ้น และการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นทำให้ต้น
ทุนในการผลิตสินค้าส่วนที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศลดลง (โพสต์ทูเดย์)
4. ธ.ทหารไทยไม่ขาย NPA ตามราคา ธปท. รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย
เปิดเผยถึงมาตรการการเร่งระบายสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPA) ของธนาคารพาณิชย์ โดยให้บรรษัท
บริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) เป็นผู้รับซื้อ ว่า ธนาคารจะดำเนินการนำทรัพย์สินในส่วนนี้มาบริหาร
และจำหน่ายเอง เนื่องจากราคากลางที่ ธปท. กำหนดไว้ค่อนข้างต่ำ โดย บบส. จะรับซื้อทรัพย์เกรดเอใน
ราคา 70% ของราคาประเมิน และต้องขายให้ได้ภายใน 1 ปี ทรัพย์เกรดบีราคา 60% ต้องขายให้ได้ภายใน
3 ปี และเกรดซีราคา 50% ขายให้ได้ในเวลา 5 ปี ตามเงื่อนไขสัญญา ซึ่งในสภาวะเศรษฐกิจดีอย่างนี้
ธนาคารขายสินทรัพย์เองจะได้ราคาสูงกว่า โดยในปีนี้ธนาคารได้ตั้งเป้าขายเอ็นพีเอทั้งที่มีอยู่และที่จะรับเข้า
มาใหม่ประมาณ 9 พันล้านบาท และเชื่อว่าจะสามารถระบายเอ็นพีเอทั้ง 1.7 หมื่นล้านบาท ได้ภายใน 3 ปี
(กรุงเทพธุรกิจ, แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1.ยอดสั่งซื้อสินค้าอุตสาหรรมของ สรอ.ในเดือน ธ.ค.46 เพิ่มมากเกินกว่าที่คาดไว้ รายงานจาก
วอชิงตัน เมื่อ 4 ก.พ.47 ก.พาณิชย์ของ สรอ.รายงานยอดสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของ สรอ.ในเดือน
ธ.ค.46 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 จากเดือนก่อน สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2 หลังจากที่ลดลง
ร้อยละ 0.9 ในเดือนก่อนหน้า โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของยอดสั่งซื้อสินค้าไม่คงทนซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0
ในขณะที่สินค้าคงทนราคาสูงซึ่งมีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.3 โดยเป็นผลมาจาก
การหักกลบกันระหว่างการเพิ่มขึ้นของยอดสั่งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการขนส่งซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 และ
1.9 ตามลำดับและการลดลงของยอดสั่งซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยในปี 46
ยอดสั่งซื้อสินค้าของ สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 1.9 ในปี 45 (รอยเตอร์)
2.ธุรกิจบริการใน สรอ. ขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือน ม.ค.47 แต่สร้างงานเพิ่มเพียง
เล็กน้อย รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 4 ก.พ.47 ดัชนีวัดความเชื่อมั่นของธุรกิจบริการใน สรอ.เพิ่มขึ้นอยู่ใน
ระดับ 65.7 ในเดือน ม.ค.47 จากระดับ 58.0 ในเดือน ธ.ค.46 สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ในระดับ 60.0
และอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการสำรวจครั้งแรกในเดือน ก.ค.40 โดยตัวเลขที่สูงกว่า 50 แสดงถึงการ
ขยายตัว ในขณะที่ตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 แสดงถึงการหดตัว ในขณะที่ผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ที่กำลังหางาน
ทำกลับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 53.4 ในเดือน ม.ค.47 จากระดับ 54.0 ในเดือนก่อน ตัวเลขการจ้างงานที่ยัง
ไม่ดีขึ้นแม้ว่ายอดสั่งซื้อจะเพิ่มขึ้นก็ตาม สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการยังระมัดระวังในการลงทุนและจ้างงาน
เพิ่ม ในขณะที่นักวิเคราะห์กำลังเฝ้ารอตัวเลขการจ้างงานเพิ่มในเดือน ม.ค.47 ซึ่ง ก.แรงงานจะประกาศ
ในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มสุทธิประมาณ 150,000 ตำแหน่งในเดือน ม.ค.47 หลังจากที่
เพิ่มขึ้นเพียง 1,000 ตำแหน่งในเดือน ธ.ค.46 (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางอังกฤษอาจจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รายงานจาก ลอนดอน เมื่อวันที่ 5
ก.พ. 47 จากการที่เศรษฐกิจอังกฤษขยายตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าธ.กลางอังกฤษจะพิจารณาปรับเพิ่มอัตรา
ดอกเบี้ยอ้างอิงอีกครั้งในวันพฤหัสนี้ นับเป็นธ.กลางแรกที่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระยะสั้นทั้งๆที่เป็น
ระยะที่ทั่วโลกต่างก็ปรับลดอัตราดอกเบี้ย และก่อนหน้านั้น ในเดือนพ.ย. 46 ธ.กลางอังกฤษได้ปรับเพิ่ม
อัตราดอกเบี้ยขึ้นร้อยละ 0.25 มาแล้ว และจากผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นักเศรษฐศาสตร์จำนวน 43 คนจาก 46 คนมีความเห็นว่าธ.กลางอังกฤษจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้าม
คืนเป็นร้อยละ 4.0 จากเดิมร้อยละ 3.75 นอกจากนั้นตลาดยังคาดการณ์กันว่าธ.กลางยุโรปจะยังคงไม่
เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นั่นหมายถึงต้นทุนเงินกู้ของอังกฤษจะเพิ่มเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับประเทศ
ในกลุ่มยูโรโซนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษ(รอยเตอร์)
4. จีนอาจจะยังไม่ปรับค่าเงินหยวนในปีนี้ รายงานจาก นิวยอร์ก เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 47 นัก
วิเคราะห์ สรอ.คาดว่าในปีนี้จีนอาจจะยังไม่ปรับค่าเงินหยวน แต่หากมีการปรับจะเป็นการจำกัดผลกระทบที่มี
ต่อเงินดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ผู้ส่งออกจำนวนมากของสรอ.ได้รับผลกระทบจากการที่จีนผูกค่าเงินหยวนไว้กับเงิน
ดอลลาร์ สรอ. โดยขึ้นลงในช่วงแคบๆที่ระดับ 8.28 หยวนต่อดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้จีนซึ่งมีเศรษฐกิจที่ใหญ่
เป็นอันดับที่ 6 ของโลก ได้เปรียบประเทศคู่ค้าซึ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากประเทศกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำ 7
ประเทศ (G7) รวมทั้งสรอ. คาดว่าประเด็นดังกล่าวจะถูกหยิบยกมาพิจารณาในการพบปะกันของระดับรมว.
คลังของกลุ่ม G7 ที่จะจัดขึ้นที่ฟลอริดาในช่วงวันศุกร์และวันเสาร์นี้ ทั้งนี้ในช่วง 11 เดือน (ม.ค. - พ.ย.
46) สรอ. ขาดดุลการค้ากับจีน เป็นจำนวนถึง 114.1 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เกินกว่าทั้งปี 45 ที่สรอ.เคย
ขาดดุลสูงสุดที่ระดับ 103 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ตามจีนยังคงเข้าแทรกแซงค่าเงินหยวนของตน
อย่างหนักเพื่อคงค่าเงินหยวนให้ต่ำลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ. ซึ่งนักวิเคราะห์จาก ING Bank คาด
ว่าปัจจุบันค่างินหยวนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.ยังคงมีค่าต่ำกว่าความเป็นจริง ประมาณร้อยละ 17 และ
เงินหยวนจำเป็นต้องมีค่าแข็งขึ้นอยู่ในระดับ 6.5 หรือ 7.0 หยวนต่อดอลลาร์ สรอ.หากต้องการลดยอดเกิน
ดุลการค้าจำนวนมหาศาลที่จีนมีกับ สรอ.(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 5/2/47 4/2/47 31/12/46 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.076 39.622 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.8829/39.1717 39.4435/39.7378 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.8750 - 1.2800 1.2800 - 1.3000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 718.06/38.10 772.15/41.74 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,350/7,450 7,350/7,450 7,700/7,800 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 27.42 27.98 28.66 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 17.29*/14.39 ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก
1. ธปท. จับตาเงินเฟ้อพื้นฐานที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน
ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. กำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งอยู่ในระดับ 0% มากว่า 5
เดือน นับตั้งแต่เดือน ส.ค.46 ถึงปัจจุบัน โดยมีสาเหตุมาจากอัตราค่าเช่าบ้านลดลง เพราะประชาชนหันมา
ซื้อบ้านแทนเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และอุปทานส่วนเกินในตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีอยู่เป็น
จำนวนมาก ซึ่งหากอุปทานลดลงค่าเช่าบ้านก็จะสูงขึ้น อันจะทำให้ทางการสามารถใช้อัตราดอกเบี้ยเข้ามา
ชะลอไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไปได้ ทั้งนี้ ธปท. ได้ติดตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อไม่ให้มีการขยายตัว
มากเกินไปจนกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ โดยได้รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้ทราบความเคลื่อนไหวของ
ธุรกิจได้ล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดปัญหาและสามารถควบคุมสถานการณ์ให้การซื้อและขายอยู่ในภาวะที่เหมาะสมทั้ง
ในส่วนของบ้าน อาคาร ที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ซึ่งได้ร่วมจัดทำกับผู้เกี่ยวข้องในธุรกิจนี้ (โลกวันนี้,
ข่าวสด)
2. ธปท. ปรับโครงสร้างหนี้ปี 46 กว่า 6.4 หมื่นล้านบาท สายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ธปท.
สรุปผลการดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของคณะกรรมการเพื่อส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (คปน.)
ในปี 46 ว่า มีลูกหนี้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำเร็จ 82 ราย มูลหนี้ 64,665 ล้านบาท และปรับปรุงไม่สำเร็จ
42 ราย มูลหนี้ 1,900 ล้านบาท โดยลูกหนี้ที่ปรับปรุงสำเร็จส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้รายใหญ่และมีย้อนกลับมาใหม่
เพียง 1-2 ราย ทั้งนี้ ผลการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตั้งแต่เริ่มดำเนินการในปี 2541-2546 มีลูกหนี้ที่
เข้าเจรจาตามกระบวนการ คปน. จำนวน 13,280 ราย มูลหนี้ 1,903,591 ล้านบาท ปรับปรุงสำเร็จ
10,920 ราย มูลหนี้ 1,443,622 ล้านบาท หรือคิดเป็น 85% ของลูกหนี้ที่เจรจาจนมีข้อสรุป ส่วนเอ็นพีแอล
ที่เหลือในระบบประมาณ 64,000 ล้านบาท อยู่ในระหว่างดำเนินการทั้งเรื่องการบังคับคดี การแก้กฎหมาย
บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) และกฎระเบียบของ ธปท. เป็นต้น หากมาตรการต่าง ๆ มี
ผลบังคับใช้จะทำให้เอ็นพีแอลลดลงได้เร็วมาก (กรุงเทพธุรกิจ)
3. คาดว่าปี 47 การลงทุนภาคเอกชนจะเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 75 รายงานข่าวจากสายนโยบาย
การเงิน ธปท. เปิดเผยว่า การลงทุนภาคเอกชนปี 47 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่ทำให้เศรษฐกิจไทยขยาย
ตัวได้ดีต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีการลงทุนเพิ่มมาจากการบริโภคภายในประเทศที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง เห็น
ได้จากปริมาณสินเชื่อในช่วงปี 46 ที่ผ่านมาเติบโตสูง โดยเฉพาะสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์
และสินเชื่อบัตรเครดิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินเชื่อการบริโภคส่วนบุคคลที่มีการขยายตัวสูงถึง 16.9% ขณะที่
ภาวะอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เริ่มเพิ่มมากขึ้นจะเป็นตัวสนับสนุน โดยคาด
ว่ากำลังการผลิตในปีนี้จะทะลุ 75% เพราะตอนนี้มีหลายภาคธุรกิจเริ่มขยายกำลังการผลิตขึ้น เช่น ภาค
อุตสาหกรรมรถยนต์ ภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ภาคอิเล็คทรอนิกส์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และโทรคมนาคม มีการ
ใช้กำลังการผลิตที่สูงเกิน 100% จนต้องมีการนำเข้าเครื่องจักรและซื้อเครื่องจักรใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังผลิตกัน
จำนวนมากแล้ว โดยในสิ้นปี 2546 มีการนำเข้าสินค้าทุนประเภทแผงวงจรไฟฟ้าถึง 245,411 ล้านบาท
เครื่องจักรไฟฟ้าและเครื่องจักรกลถึง 334,087 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2545 ที่นำเข้าแค่ 324,000 ล้าน
บาท นอกจากนี้ การที่ภาวะเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น ทำให้ความต้องการซื้อสินค้าจากประเทศไทยเพิ่มขึ้น
ซึ่งไทยสามารถส่งออกได้มากขึ้น ภาวะเช่นนี้ส่งผลให้นักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น โดย
ขณะนี้เริ่มเห็นการนำเงินเข้ามาลงทุนในภาคเศรษฐกิจโดยตรงมากขึ้น และการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นทำให้ต้น
ทุนในการผลิตสินค้าส่วนที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศลดลง (โพสต์ทูเดย์)
4. ธ.ทหารไทยไม่ขาย NPA ตามราคา ธปท. รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย
เปิดเผยถึงมาตรการการเร่งระบายสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPA) ของธนาคารพาณิชย์ โดยให้บรรษัท
บริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) เป็นผู้รับซื้อ ว่า ธนาคารจะดำเนินการนำทรัพย์สินในส่วนนี้มาบริหาร
และจำหน่ายเอง เนื่องจากราคากลางที่ ธปท. กำหนดไว้ค่อนข้างต่ำ โดย บบส. จะรับซื้อทรัพย์เกรดเอใน
ราคา 70% ของราคาประเมิน และต้องขายให้ได้ภายใน 1 ปี ทรัพย์เกรดบีราคา 60% ต้องขายให้ได้ภายใน
3 ปี และเกรดซีราคา 50% ขายให้ได้ในเวลา 5 ปี ตามเงื่อนไขสัญญา ซึ่งในสภาวะเศรษฐกิจดีอย่างนี้
ธนาคารขายสินทรัพย์เองจะได้ราคาสูงกว่า โดยในปีนี้ธนาคารได้ตั้งเป้าขายเอ็นพีเอทั้งที่มีอยู่และที่จะรับเข้า
มาใหม่ประมาณ 9 พันล้านบาท และเชื่อว่าจะสามารถระบายเอ็นพีเอทั้ง 1.7 หมื่นล้านบาท ได้ภายใน 3 ปี
(กรุงเทพธุรกิจ, แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1.ยอดสั่งซื้อสินค้าอุตสาหรรมของ สรอ.ในเดือน ธ.ค.46 เพิ่มมากเกินกว่าที่คาดไว้ รายงานจาก
วอชิงตัน เมื่อ 4 ก.พ.47 ก.พาณิชย์ของ สรอ.รายงานยอดสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของ สรอ.ในเดือน
ธ.ค.46 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 จากเดือนก่อน สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2 หลังจากที่ลดลง
ร้อยละ 0.9 ในเดือนก่อนหน้า โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของยอดสั่งซื้อสินค้าไม่คงทนซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0
ในขณะที่สินค้าคงทนราคาสูงซึ่งมีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.3 โดยเป็นผลมาจาก
การหักกลบกันระหว่างการเพิ่มขึ้นของยอดสั่งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการขนส่งซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 และ
1.9 ตามลำดับและการลดลงของยอดสั่งซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยในปี 46
ยอดสั่งซื้อสินค้าของ สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 1.9 ในปี 45 (รอยเตอร์)
2.ธุรกิจบริการใน สรอ. ขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือน ม.ค.47 แต่สร้างงานเพิ่มเพียง
เล็กน้อย รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 4 ก.พ.47 ดัชนีวัดความเชื่อมั่นของธุรกิจบริการใน สรอ.เพิ่มขึ้นอยู่ใน
ระดับ 65.7 ในเดือน ม.ค.47 จากระดับ 58.0 ในเดือน ธ.ค.46 สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ในระดับ 60.0
และอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการสำรวจครั้งแรกในเดือน ก.ค.40 โดยตัวเลขที่สูงกว่า 50 แสดงถึงการ
ขยายตัว ในขณะที่ตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 แสดงถึงการหดตัว ในขณะที่ผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ที่กำลังหางาน
ทำกลับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 53.4 ในเดือน ม.ค.47 จากระดับ 54.0 ในเดือนก่อน ตัวเลขการจ้างงานที่ยัง
ไม่ดีขึ้นแม้ว่ายอดสั่งซื้อจะเพิ่มขึ้นก็ตาม สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการยังระมัดระวังในการลงทุนและจ้างงาน
เพิ่ม ในขณะที่นักวิเคราะห์กำลังเฝ้ารอตัวเลขการจ้างงานเพิ่มในเดือน ม.ค.47 ซึ่ง ก.แรงงานจะประกาศ
ในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มสุทธิประมาณ 150,000 ตำแหน่งในเดือน ม.ค.47 หลังจากที่
เพิ่มขึ้นเพียง 1,000 ตำแหน่งในเดือน ธ.ค.46 (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางอังกฤษอาจจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รายงานจาก ลอนดอน เมื่อวันที่ 5
ก.พ. 47 จากการที่เศรษฐกิจอังกฤษขยายตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าธ.กลางอังกฤษจะพิจารณาปรับเพิ่มอัตรา
ดอกเบี้ยอ้างอิงอีกครั้งในวันพฤหัสนี้ นับเป็นธ.กลางแรกที่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระยะสั้นทั้งๆที่เป็น
ระยะที่ทั่วโลกต่างก็ปรับลดอัตราดอกเบี้ย และก่อนหน้านั้น ในเดือนพ.ย. 46 ธ.กลางอังกฤษได้ปรับเพิ่ม
อัตราดอกเบี้ยขึ้นร้อยละ 0.25 มาแล้ว และจากผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นักเศรษฐศาสตร์จำนวน 43 คนจาก 46 คนมีความเห็นว่าธ.กลางอังกฤษจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้าม
คืนเป็นร้อยละ 4.0 จากเดิมร้อยละ 3.75 นอกจากนั้นตลาดยังคาดการณ์กันว่าธ.กลางยุโรปจะยังคงไม่
เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นั่นหมายถึงต้นทุนเงินกู้ของอังกฤษจะเพิ่มเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับประเทศ
ในกลุ่มยูโรโซนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษ(รอยเตอร์)
4. จีนอาจจะยังไม่ปรับค่าเงินหยวนในปีนี้ รายงานจาก นิวยอร์ก เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 47 นัก
วิเคราะห์ สรอ.คาดว่าในปีนี้จีนอาจจะยังไม่ปรับค่าเงินหยวน แต่หากมีการปรับจะเป็นการจำกัดผลกระทบที่มี
ต่อเงินดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ผู้ส่งออกจำนวนมากของสรอ.ได้รับผลกระทบจากการที่จีนผูกค่าเงินหยวนไว้กับเงิน
ดอลลาร์ สรอ. โดยขึ้นลงในช่วงแคบๆที่ระดับ 8.28 หยวนต่อดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้จีนซึ่งมีเศรษฐกิจที่ใหญ่
เป็นอันดับที่ 6 ของโลก ได้เปรียบประเทศคู่ค้าซึ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากประเทศกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำ 7
ประเทศ (G7) รวมทั้งสรอ. คาดว่าประเด็นดังกล่าวจะถูกหยิบยกมาพิจารณาในการพบปะกันของระดับรมว.
คลังของกลุ่ม G7 ที่จะจัดขึ้นที่ฟลอริดาในช่วงวันศุกร์และวันเสาร์นี้ ทั้งนี้ในช่วง 11 เดือน (ม.ค. - พ.ย.
46) สรอ. ขาดดุลการค้ากับจีน เป็นจำนวนถึง 114.1 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เกินกว่าทั้งปี 45 ที่สรอ.เคย
ขาดดุลสูงสุดที่ระดับ 103 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ตามจีนยังคงเข้าแทรกแซงค่าเงินหยวนของตน
อย่างหนักเพื่อคงค่าเงินหยวนให้ต่ำลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ. ซึ่งนักวิเคราะห์จาก ING Bank คาด
ว่าปัจจุบันค่างินหยวนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.ยังคงมีค่าต่ำกว่าความเป็นจริง ประมาณร้อยละ 17 และ
เงินหยวนจำเป็นต้องมีค่าแข็งขึ้นอยู่ในระดับ 6.5 หรือ 7.0 หยวนต่อดอลลาร์ สรอ.หากต้องการลดยอดเกิน
ดุลการค้าจำนวนมหาศาลที่จีนมีกับ สรอ.(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 5/2/47 4/2/47 31/12/46 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.076 39.622 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.8829/39.1717 39.4435/39.7378 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.8750 - 1.2800 1.2800 - 1.3000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 718.06/38.10 772.15/41.74 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,350/7,450 7,350/7,450 7,700/7,800 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 27.42 27.98 28.66 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 17.29*/14.39 ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก