นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยถึงผลการดำเนินงานตามความ
ตกลงเร่งลดภาษี สินค้าผักและผลไม้ (FTA) ไทย — จีน ในช่วงระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา (ตุลาคม —
ธันวาคม 2546) ปรากฎว่า มีการออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Form C/O) ที่กรมการ
ค้าต่างประเทศได้ให้บริการ แก่ผู้ส่งออก เพื่อขอรับสิทธิลดภาษีจากจีน มีจำนวนทั้งสิ้น 2,225 ฉบับ คิด
เป็นมูลค่า 2,948.52 ล้านบาท โดยสินค้าผักผลไม้ส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ มันสำปะหลัง ลำไย
อบแห้ง ทุเรียนสด ลำไยสด มังคุดสด เป็นต้น
การค้ากับจีนในสินค้าผักผลไม้ในช่วง 3 เดือนแรกของความตกลงฯนั้น จากสถิติกรมศุลกากรพบ
ว่า มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น จากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2545 ร้อยละ 222 ขณะที่การส่งออกมี
มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 80 โดยไทยยังเป็นฝ่าย ได้ดุลการค้ากับจีนคิดเป็นมูลค่า 373.33 ล้านบาท ลด
ลงจากช่วงเดียวกันของปี 2545 ที่ได้ดุลการค้าจีน 696.19 ล้านบาท สำหรับการค้าสินค้าผักและผลไม้
กับจีนในปี 2546 ทั้งปี ไทยนำเข้าจากจีนมูลค่า 3,318.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2545 ร้อยละ
111 และไทยส่งออกไปจีน มูลค่า 8,230.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 โดยไทยเป็นฝ่ายได้
ดุลการค้ากับจีนในสินค้าผักผลไม้ 4,911.80 ล้านบาท หรือได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 13.51
การที่ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับจีนในสินค้าผักผลไม้ลดลง เนื่องจากช่วงแรกของการเปิดการ
ค้าเสรีฯ เป็นช่วงเทศกาลของไทย ทำให้มีความต้องการผักผลไม้เมืองหนาวปริมาณมาก โดยเฉพาะ
แอปเปิ้ล และ สาลี่ ขณะที่ผลไม้ของไทยยังไม่ได้อยู่ในช่วงฤดูกาล การส่งออกจึงไม่มากนัก นอกจากนี้
ภายหลังความตกลงฯ มีการนำเข้าผักและผลไม้จากจีนปริมาณมาก จนเกิดการแข่งขัน และตัดราคาขายสินค้า
มาก อย่างไรก็ตาม คาดว่าในระยะต่อไป มูลค่าการส่งออก โดยเฉพาะผลไม้ไทยไปจีนจะเพิ่มขึ้น อัน
จะส่งผลให้ราคาผลไม้ไทย ในช่วงฤดูกาลมีเสถียรภาพและเกษตรกรขายสินค้าได้ราคาสูงขึ้นด้วย ซึ่งกรมการ
ค้าต่างประเทศจะได้ เร่งดำเนินการ ให้ความรู้ และการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ส่งออกสินค้าผักและผลไม้
ไปจีนตามความตกลงดังกล่าวเพิ่มขึ้นต่อไป
สำหรับผลของ FTA ต่อการค้ากับจีนในภาพรวมของปี 2546 ปรากฎว่ามูลค่าการค้าไทย —
จีน มีอัตราการขยายตัวร้อยละ 33.7 สูงกว่าปี 2545 ซึ่งขยายตัวเพียงร้อยละ 24.6 และทำให้จีน
เป็นตลาดส่งออก ที่มีความสำคัญเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 4 รองจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสิงคโปร์
นอกจากนี้ทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าไปจีนมีอัตราการขยายต้วมากขึ้นจากร้อยละ 20.0 ในปี 2545
เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ
54.8 ในปี 2546 ขณะที่มูลค่าการนำเข้าสินค้าจากจีนมีการขยายตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับปี
ก่อน คือ ขยายตัวจากร้อยละ 28.3 ในปี 2545 เป็นร้อยละ 18.6 ในปี 2546
--กรมการค้าต่างประเทศ กุมภาพันธ์ 2547--
-สส-
ตกลงเร่งลดภาษี สินค้าผักและผลไม้ (FTA) ไทย — จีน ในช่วงระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา (ตุลาคม —
ธันวาคม 2546) ปรากฎว่า มีการออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Form C/O) ที่กรมการ
ค้าต่างประเทศได้ให้บริการ แก่ผู้ส่งออก เพื่อขอรับสิทธิลดภาษีจากจีน มีจำนวนทั้งสิ้น 2,225 ฉบับ คิด
เป็นมูลค่า 2,948.52 ล้านบาท โดยสินค้าผักผลไม้ส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ มันสำปะหลัง ลำไย
อบแห้ง ทุเรียนสด ลำไยสด มังคุดสด เป็นต้น
การค้ากับจีนในสินค้าผักผลไม้ในช่วง 3 เดือนแรกของความตกลงฯนั้น จากสถิติกรมศุลกากรพบ
ว่า มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น จากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2545 ร้อยละ 222 ขณะที่การส่งออกมี
มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 80 โดยไทยยังเป็นฝ่าย ได้ดุลการค้ากับจีนคิดเป็นมูลค่า 373.33 ล้านบาท ลด
ลงจากช่วงเดียวกันของปี 2545 ที่ได้ดุลการค้าจีน 696.19 ล้านบาท สำหรับการค้าสินค้าผักและผลไม้
กับจีนในปี 2546 ทั้งปี ไทยนำเข้าจากจีนมูลค่า 3,318.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2545 ร้อยละ
111 และไทยส่งออกไปจีน มูลค่า 8,230.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 โดยไทยเป็นฝ่ายได้
ดุลการค้ากับจีนในสินค้าผักผลไม้ 4,911.80 ล้านบาท หรือได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 13.51
การที่ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับจีนในสินค้าผักผลไม้ลดลง เนื่องจากช่วงแรกของการเปิดการ
ค้าเสรีฯ เป็นช่วงเทศกาลของไทย ทำให้มีความต้องการผักผลไม้เมืองหนาวปริมาณมาก โดยเฉพาะ
แอปเปิ้ล และ สาลี่ ขณะที่ผลไม้ของไทยยังไม่ได้อยู่ในช่วงฤดูกาล การส่งออกจึงไม่มากนัก นอกจากนี้
ภายหลังความตกลงฯ มีการนำเข้าผักและผลไม้จากจีนปริมาณมาก จนเกิดการแข่งขัน และตัดราคาขายสินค้า
มาก อย่างไรก็ตาม คาดว่าในระยะต่อไป มูลค่าการส่งออก โดยเฉพาะผลไม้ไทยไปจีนจะเพิ่มขึ้น อัน
จะส่งผลให้ราคาผลไม้ไทย ในช่วงฤดูกาลมีเสถียรภาพและเกษตรกรขายสินค้าได้ราคาสูงขึ้นด้วย ซึ่งกรมการ
ค้าต่างประเทศจะได้ เร่งดำเนินการ ให้ความรู้ และการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ส่งออกสินค้าผักและผลไม้
ไปจีนตามความตกลงดังกล่าวเพิ่มขึ้นต่อไป
สำหรับผลของ FTA ต่อการค้ากับจีนในภาพรวมของปี 2546 ปรากฎว่ามูลค่าการค้าไทย —
จีน มีอัตราการขยายตัวร้อยละ 33.7 สูงกว่าปี 2545 ซึ่งขยายตัวเพียงร้อยละ 24.6 และทำให้จีน
เป็นตลาดส่งออก ที่มีความสำคัญเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 4 รองจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสิงคโปร์
นอกจากนี้ทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าไปจีนมีอัตราการขยายต้วมากขึ้นจากร้อยละ 20.0 ในปี 2545
เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ
54.8 ในปี 2546 ขณะที่มูลค่าการนำเข้าสินค้าจากจีนมีการขยายตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับปี
ก่อน คือ ขยายตัวจากร้อยละ 28.3 ในปี 2545 เป็นร้อยละ 18.6 ในปี 2546
--กรมการค้าต่างประเทศ กุมภาพันธ์ 2547--
-สส-