ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ยืนยันไม่ควบกิจการธนาคารที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้นภายในปีนี้ ผู้ว่าการ ธปท. ในฐานะ
ประธานกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน กล่าวยืนยันว่า ภายในปี 2547 ธนาคารพาณิชย์ที่
กองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้นอยู่ทั้งหมดจะไม่มีแผนการควบรวมกิจการแม้แต่รายเดียว เนื่องจากธนาคารพาณิชย์เหล่านั้น
สามารถดำเนินการต่อไปได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องควบรวมกิจการกับธนาคารพาณิชย์แห่งใด เพื่อเสริมความ
แข็งแกร่งหรือเพิ่มความสามารถในการแข่งขันตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งตามแผนพัฒนาดังกล่าว
ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการกับสถาบันการเงินขนาดเล็กที่เป็นบริษัทเงินทุนและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ให้มี
ความเข็มแข็งมากกว่า รวมถึงจัดระบบธนาคารต่างประเทศ ไม่ได้เน้นมาที่สถาบันการเงินที่เป็นธนาคารพาณิชย์
เพราะธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายมีการดำเนินงานที่ดีอยู่แล้ว (โพสต์ทูเดย์, ไทยโพสต์)
2. ธปท. สนับสนุน ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ควบรวม ธ.สแตนดาร์ดนครธน ผู้ว่าการ ธปท.
กล่าวว่า การที่ ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ตัดสินใจโอนทรัพย์สินมูลค่า 52,000 ล้านบาท ไปขายให้ ธ.
สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน เพื่อควบรวมเป็นธนาคารพาณิชย์เพียงแห่งเดียวถือว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่ผิด
หลักเกณฑ์การควบรวมของสถาบันการเงิน ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินของ ธปท. และไม่ถือเป็นการ
เพิ่มทุน ซึ่งเป็นเรื่องดีเพราะต่อไปการดำเนินธุรกิจจะเหลือเพียง 1 สถานะ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของธนาคาร
ต่างประเทศที่ให้ความร่วมมือกับรัฐ (โพสต์ทูเดย์, ไทยโพสต์)
3. ธ.ไทยธนาคารแนะไม่ควรเร่งรีบเปิดเสรีทางการเงิน นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการ
สำนักวิจัยและวางแผน ธ.ไทยธนาคาร กล่าวว่า การเปิดเสรีทางการเงินไม่ควรเร่งรีบมากเกินไป เพื่อให้
ธนาคารของไทยมีความพร้อมและปรับตัวสำหรับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อลด
ความซ้ำซ้อนในการดำเนินธุรกิจให้มีความประหยัด ต้องเร่งปรับตัวให้มีประสิทธิภาพและมีความหลากหลายใน
การให้บริการทางการเงิน เพื่อให้สามารถแข่งขันกับธนาคารต่างประเทศได้ เนื่องจากการเปิดเสรีทางการ
เงินทำให้ธนาคารต่างประเทศสามารถดำเนินธุรกิจธนาคารได้ทุกประเภทเช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์ไทย ทั้งนี้
การเปิดเสรีทางการเงินเป็นนโยบายระยะยาวของรัฐบาล แต่จะส่งผลกระทบในระยะสั้นหากประเทศยังไม่มี
ความพร้อมทั้งด้านบุคลากร กฎหมาย และเทคโนโลยี (โลกวันนี้)
4. ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เตรียมขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ๆ นี้ ข่าวจากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่
เปิดเผยว่า แนวโน้มดอกเบี้ยมีทิศทางปรับขึ้นในเร็ว ๆ นี้ เพื่อปรับฐานเงินฝากให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจรอง
รับเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลายอย่าง เช่น ธปท. ระบุว่าเศรษฐกิจไทยในไตร
มาส 3 ปี 2546 ขยายตัว 6.5% เพิ่มขึ้นจาก 5.8% ในไตรมาส 2 และคาดว่าไตรมาส 4 จะขยายตัวได้ต่อ
เนื่อง ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ว่าจะเพิ่มจาก 1.8% ในปี 2546 เป็น 2.0% ในปี 2547 ประกอบ
กับการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสูงขึ้น ราคาน้ำมันในตลาดโลกเฉลี่ยสูงขึ้น และต้นทุนทางการเงิน
มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งในตลาดการเงินระยะสั้นและตลาดเงินกู้ยืมระหว่างธนาคาร รวมถึงการรับฝากเงิน จึงทำ
ให้อาจต้องปรับดอกเบี้ยเงินกู้ให้สอดคล้องกับต้นทุน (ประชาชาติธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สรอ. สิ้นสุดวันที่ 8 ก.พ.47 ลดลงเป็นครั้งแรก หลังจากคงอยู่
ในระดับเดิมเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 10 ก.พ.47 The ABC News/Money
Magazine เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ. ณ สิ้นสุดวันที่ 8 ก.พ.47 ลดลงอยู่ที่ระดับ —6
จากสัปดาห์ก่อนที่อยู่ที่ระดับ —5 ซึ่งลดลงเป็นครั้งแรก หลังจากที่ที่คงอยู่ในระดับเดิมเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ทั้งนี้
ปัจจัยด้านการซื้อสินค้าตามฤดูกาล ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดความรู้สึกของผู้บริโภคที่ต้องการจับจ่ายสินค้า ลดลงร้อยละ
1 อยู่ที่ระดับร้อยละ 42 อย่างไรก็ตาม มุมมองทางเศรษฐกิจและด้านการเงินส่วนบุคคลของผู้บริโภค สรอ.
ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อน โดยยังคงอยู่ที่ระดับร้อยละ 41 และ 58 ตามลำดับ (รอยเตอร์)
2. เศรษฐกิจของอังกฤษเริ่มมีความสมดุลมากขึ้นหลังการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รายงาน
จากลอนดอนเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 47 นาย Gordon Brown รมว.คลังอังกฤษกล่าวว่าการที่มีการปรับเพิ่ม
อัตราดอกเบี้ยนโยบายของอังกฤษเป็นร้อยละ 4.0 นั้นเพื่อให้แน่ใจว่าเงินเฟ้อและหนี้จะอยู่ในระดับต่ำ นอก
จากนั้น ก.คลังจะสามารถตัดลดการใช้จ่ายลง เพื่อให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของก.คลัง ซึ่งกำหนดว่ารัฐบาลจะกู้
ยืมได้เฉพาะเพื่อการลงทุนตามวงจรเศรษฐกิจ และเพื่อให้ระดับหนี้มีเสถียรภาพและอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนั้น
รมว.คลังยังได้ให้ความเห็นว่าแนวโน้มในภาคอุตสาหกรรมการผลิตในเดือน ธ.ค. 46 ได้หดตัวอย่างผิดคาด
ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ว่าเป็นครั้งแรกที่ลดลงนับตั้งแต่เดือนต.ค. 45 ซึ่งก่อนหน้านั้นตัวเลขอุตสาหกรรมการ
ผลิตได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ในช่วง 3 เดือนสิ้นสุดธ.ค. 46 เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตามการบริโภคใน
ช่วง 2 —3 เดือนที่ผ่านมาอ่อนตัวลง ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกแข็งแกร่งนักวิเคราะห์วิตกว่าการฟื้นตัวของภาค
อุตสาหกรรมการผลิตของอังกฤษจากการตกต่ำมาเป็นเวลาถึง 7 ปีอาจจะไม่แข็งแกร่งดังที่คาดไว้ในตอนแรก
(รอยเตอร์)
3. แนวโน้มผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษฟื้นตัวขึ้นขณะที่การจ้างงานลดลง รายงาน
จากลอนดอนเมื่อ 11 ก.พ.47 The Confederation of British Industry เปิดเผยว่า จากการ
สำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 47 พบว่า ผู้ประกอบการในพื้นที่
ส่วนใหญ่ของประเทศเห็นว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นการมองในแง่ดี
เป็นครั้งแรกในรอบมากกว่า 6 ปี สาเหตุจากความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมในตลาดโลกขยายตัวเพิ่มขึ้น
อย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ความเห็นต่อการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมยังคงซบเซา โดยผู้ประกอบการในทุกพื้นที่
มีแผนที่จะลดการจ้างงานลง ยกเว้นไอร์แลนด์เหนือเป็นเพียงเขตเดียวที่ผู้ตอบแบบสอบถามคาดหวังว่าจะ
สามารถเพิ่มการจ้างงานมากกว่าจะลดการจ้างงานลง อนึ่ง ผลการสำรวจในครั้งนี้ไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่เปิด
เผยโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่พบว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของอังกฤษในเดือน ธ.ค.46 ลด
ลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 (รอยเตอร์)
4. ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกาหลีใต้ในเดือน ม.ค.47 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 16 เดือน
รายงานจากกรุงโซล เมื่อ 10 ก.พ.47สำนักงานสถิติแห่งชาติของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่น
ของผู้บริโภคเกาหลีใต้ในเดือน ม.ค.47 เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือน แม้ว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่จะ
มีมุมมองทางเศรษฐกิจในด้านลบเล็กน้อย แต่นักวิเคราะห์เห็นว่าอาจมีแนวโน้มเป็นบวก เนื่องจากดัชนีดังกล่าว
เพิ่มขึ้นต่อเนื่องกันถึง 4 เดือน ขณะเดียวกัน ได้มีการติดตามข้อมูลการบริโภคในประเทศอย่างใกล้ชิด เนื่อง
จากการใช้จ่ายภาคเอกชนที่ซบเซาอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ขณะนี้เกาหลีใต้
มีขนาดของเศรษฐกิจประเทศใหญ่เป็นอันดับที่ 12 ของโลก อันมีปัจจัยสำคัญจากการขยายตัวด้านการส่ง
ออกอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะการส่งออกไปยังประเทศจีน นอกจากนี้ ดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภค ซึ่ง
สะท้อนถึงความรู้สึกของผู้บริโภคเกี่ยวกับความคาดหวังทางเศรษฐกิจและการวางแผนการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ในอนาคต ในเดือน ม.ค.47 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 98 จากระดับ 96 ในเดือนก่อน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวหากอยู่ต่ำ
กว่าระดับ 100 หมายถึงจำนวนผู้บริโภคที่มีความคาดหวังทางเศรษฐกิจของผู้บริโภคและมาตรฐานการครองชีพ
จะทรุดลงใน 6 เดือนข้างหน้ามีมากกว่าผู้บริโภคที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น (รอยเตอร์)
5.คาดว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในปี 47 ของมาเลเซียจะเท่ากับปี 46 รายงานจาก
กัวลาลัมเปอร์ เมื่อ 10 ก.พ.47 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมของมาเลเซียเพิ่มขึ้นร้อย
ละ 33 ในปี 46 โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมผลิตโลหะ การขนส่ง และอิเล็กทรอนิกส์และคาดว่าการลงทุน
ในปีนี้จะอยู่ในระดับเดียวกับปี 46 อันเป็นผลจากการผ่อนคลายกฏการถือหุ้นของชาวต่างชาติและกฎการอนุญาต
ให้ชาวต่างชาติทำงานในประเทศ โดยในปี 46 มาเลเซียอนุมัติโครงการลงทุนจากต่างประเทศคิดเป็นมูลค่า
15.6 พันล้านริงกิต หรือประมาณ 4.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 จากปี 45 ซึ่งเป็นปีที่การ
ลงทุนจากต่างประเทศลดลงร้อยละ 41 เมื่อประเทศต่าง ๆ หันไปลงทุนในจีนซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่า โดยการลงทุน
จากต่างประเทศคิดเป็นร้อยละ 54 ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมดในมาเลเซีย โดยเม็ดเงินส่วนใหญ่มาจาก
ประเทศสหรัฐอาหรับอามิเรต อังกฤษ สรอ.ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ คาดว่าเศรษฐกิจของมาเลเซียซึ่งขึ้นอยู่กับการ
ส่งออกเป็นส่วนใหญ่จะขยายตัวร้อยละ 5.5 ถึง 6.0 ในปีนี้ โดยภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีสัดส่วนถึง 1 ใน 3
ของผลผลิตในประเทศ หรือ GDP และส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
ขยายตัวร้อยละ 7 ในปี 46 เทียบกับร้อยละ 4 ในปี 45 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 11/2/47 10/2/47 31/12/46 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.992 39.622 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.8146/39.1005 39.4435/39.7378 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.8750 - 1.2800 1.2800 - 1.3000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 739.64/29.74 772.15/41.74 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,450/7,550 7,450/7,550 7,700/7,800 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 28.51 27.74 28.66 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 17.29*/14.39 ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท.ยืนยันไม่ควบกิจการธนาคารที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้นภายในปีนี้ ผู้ว่าการ ธปท. ในฐานะ
ประธานกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน กล่าวยืนยันว่า ภายในปี 2547 ธนาคารพาณิชย์ที่
กองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้นอยู่ทั้งหมดจะไม่มีแผนการควบรวมกิจการแม้แต่รายเดียว เนื่องจากธนาคารพาณิชย์เหล่านั้น
สามารถดำเนินการต่อไปได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องควบรวมกิจการกับธนาคารพาณิชย์แห่งใด เพื่อเสริมความ
แข็งแกร่งหรือเพิ่มความสามารถในการแข่งขันตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งตามแผนพัฒนาดังกล่าว
ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการกับสถาบันการเงินขนาดเล็กที่เป็นบริษัทเงินทุนและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ให้มี
ความเข็มแข็งมากกว่า รวมถึงจัดระบบธนาคารต่างประเทศ ไม่ได้เน้นมาที่สถาบันการเงินที่เป็นธนาคารพาณิชย์
เพราะธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายมีการดำเนินงานที่ดีอยู่แล้ว (โพสต์ทูเดย์, ไทยโพสต์)
2. ธปท. สนับสนุน ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ควบรวม ธ.สแตนดาร์ดนครธน ผู้ว่าการ ธปท.
กล่าวว่า การที่ ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ตัดสินใจโอนทรัพย์สินมูลค่า 52,000 ล้านบาท ไปขายให้ ธ.
สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน เพื่อควบรวมเป็นธนาคารพาณิชย์เพียงแห่งเดียวถือว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่ผิด
หลักเกณฑ์การควบรวมของสถาบันการเงิน ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินของ ธปท. และไม่ถือเป็นการ
เพิ่มทุน ซึ่งเป็นเรื่องดีเพราะต่อไปการดำเนินธุรกิจจะเหลือเพียง 1 สถานะ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของธนาคาร
ต่างประเทศที่ให้ความร่วมมือกับรัฐ (โพสต์ทูเดย์, ไทยโพสต์)
3. ธ.ไทยธนาคารแนะไม่ควรเร่งรีบเปิดเสรีทางการเงิน นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการ
สำนักวิจัยและวางแผน ธ.ไทยธนาคาร กล่าวว่า การเปิดเสรีทางการเงินไม่ควรเร่งรีบมากเกินไป เพื่อให้
ธนาคารของไทยมีความพร้อมและปรับตัวสำหรับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อลด
ความซ้ำซ้อนในการดำเนินธุรกิจให้มีความประหยัด ต้องเร่งปรับตัวให้มีประสิทธิภาพและมีความหลากหลายใน
การให้บริการทางการเงิน เพื่อให้สามารถแข่งขันกับธนาคารต่างประเทศได้ เนื่องจากการเปิดเสรีทางการ
เงินทำให้ธนาคารต่างประเทศสามารถดำเนินธุรกิจธนาคารได้ทุกประเภทเช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์ไทย ทั้งนี้
การเปิดเสรีทางการเงินเป็นนโยบายระยะยาวของรัฐบาล แต่จะส่งผลกระทบในระยะสั้นหากประเทศยังไม่มี
ความพร้อมทั้งด้านบุคลากร กฎหมาย และเทคโนโลยี (โลกวันนี้)
4. ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เตรียมขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ๆ นี้ ข่าวจากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่
เปิดเผยว่า แนวโน้มดอกเบี้ยมีทิศทางปรับขึ้นในเร็ว ๆ นี้ เพื่อปรับฐานเงินฝากให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจรอง
รับเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลายอย่าง เช่น ธปท. ระบุว่าเศรษฐกิจไทยในไตร
มาส 3 ปี 2546 ขยายตัว 6.5% เพิ่มขึ้นจาก 5.8% ในไตรมาส 2 และคาดว่าไตรมาส 4 จะขยายตัวได้ต่อ
เนื่อง ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ว่าจะเพิ่มจาก 1.8% ในปี 2546 เป็น 2.0% ในปี 2547 ประกอบ
กับการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสูงขึ้น ราคาน้ำมันในตลาดโลกเฉลี่ยสูงขึ้น และต้นทุนทางการเงิน
มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งในตลาดการเงินระยะสั้นและตลาดเงินกู้ยืมระหว่างธนาคาร รวมถึงการรับฝากเงิน จึงทำ
ให้อาจต้องปรับดอกเบี้ยเงินกู้ให้สอดคล้องกับต้นทุน (ประชาชาติธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สรอ. สิ้นสุดวันที่ 8 ก.พ.47 ลดลงเป็นครั้งแรก หลังจากคงอยู่
ในระดับเดิมเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 10 ก.พ.47 The ABC News/Money
Magazine เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ. ณ สิ้นสุดวันที่ 8 ก.พ.47 ลดลงอยู่ที่ระดับ —6
จากสัปดาห์ก่อนที่อยู่ที่ระดับ —5 ซึ่งลดลงเป็นครั้งแรก หลังจากที่ที่คงอยู่ในระดับเดิมเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ทั้งนี้
ปัจจัยด้านการซื้อสินค้าตามฤดูกาล ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดความรู้สึกของผู้บริโภคที่ต้องการจับจ่ายสินค้า ลดลงร้อยละ
1 อยู่ที่ระดับร้อยละ 42 อย่างไรก็ตาม มุมมองทางเศรษฐกิจและด้านการเงินส่วนบุคคลของผู้บริโภค สรอ.
ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อน โดยยังคงอยู่ที่ระดับร้อยละ 41 และ 58 ตามลำดับ (รอยเตอร์)
2. เศรษฐกิจของอังกฤษเริ่มมีความสมดุลมากขึ้นหลังการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รายงาน
จากลอนดอนเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 47 นาย Gordon Brown รมว.คลังอังกฤษกล่าวว่าการที่มีการปรับเพิ่ม
อัตราดอกเบี้ยนโยบายของอังกฤษเป็นร้อยละ 4.0 นั้นเพื่อให้แน่ใจว่าเงินเฟ้อและหนี้จะอยู่ในระดับต่ำ นอก
จากนั้น ก.คลังจะสามารถตัดลดการใช้จ่ายลง เพื่อให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของก.คลัง ซึ่งกำหนดว่ารัฐบาลจะกู้
ยืมได้เฉพาะเพื่อการลงทุนตามวงจรเศรษฐกิจ และเพื่อให้ระดับหนี้มีเสถียรภาพและอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนั้น
รมว.คลังยังได้ให้ความเห็นว่าแนวโน้มในภาคอุตสาหกรรมการผลิตในเดือน ธ.ค. 46 ได้หดตัวอย่างผิดคาด
ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ว่าเป็นครั้งแรกที่ลดลงนับตั้งแต่เดือนต.ค. 45 ซึ่งก่อนหน้านั้นตัวเลขอุตสาหกรรมการ
ผลิตได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ในช่วง 3 เดือนสิ้นสุดธ.ค. 46 เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตามการบริโภคใน
ช่วง 2 —3 เดือนที่ผ่านมาอ่อนตัวลง ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกแข็งแกร่งนักวิเคราะห์วิตกว่าการฟื้นตัวของภาค
อุตสาหกรรมการผลิตของอังกฤษจากการตกต่ำมาเป็นเวลาถึง 7 ปีอาจจะไม่แข็งแกร่งดังที่คาดไว้ในตอนแรก
(รอยเตอร์)
3. แนวโน้มผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษฟื้นตัวขึ้นขณะที่การจ้างงานลดลง รายงาน
จากลอนดอนเมื่อ 11 ก.พ.47 The Confederation of British Industry เปิดเผยว่า จากการ
สำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 47 พบว่า ผู้ประกอบการในพื้นที่
ส่วนใหญ่ของประเทศเห็นว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นการมองในแง่ดี
เป็นครั้งแรกในรอบมากกว่า 6 ปี สาเหตุจากความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมในตลาดโลกขยายตัวเพิ่มขึ้น
อย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ความเห็นต่อการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมยังคงซบเซา โดยผู้ประกอบการในทุกพื้นที่
มีแผนที่จะลดการจ้างงานลง ยกเว้นไอร์แลนด์เหนือเป็นเพียงเขตเดียวที่ผู้ตอบแบบสอบถามคาดหวังว่าจะ
สามารถเพิ่มการจ้างงานมากกว่าจะลดการจ้างงานลง อนึ่ง ผลการสำรวจในครั้งนี้ไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่เปิด
เผยโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่พบว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของอังกฤษในเดือน ธ.ค.46 ลด
ลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 (รอยเตอร์)
4. ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกาหลีใต้ในเดือน ม.ค.47 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 16 เดือน
รายงานจากกรุงโซล เมื่อ 10 ก.พ.47สำนักงานสถิติแห่งชาติของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่น
ของผู้บริโภคเกาหลีใต้ในเดือน ม.ค.47 เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือน แม้ว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่จะ
มีมุมมองทางเศรษฐกิจในด้านลบเล็กน้อย แต่นักวิเคราะห์เห็นว่าอาจมีแนวโน้มเป็นบวก เนื่องจากดัชนีดังกล่าว
เพิ่มขึ้นต่อเนื่องกันถึง 4 เดือน ขณะเดียวกัน ได้มีการติดตามข้อมูลการบริโภคในประเทศอย่างใกล้ชิด เนื่อง
จากการใช้จ่ายภาคเอกชนที่ซบเซาอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ขณะนี้เกาหลีใต้
มีขนาดของเศรษฐกิจประเทศใหญ่เป็นอันดับที่ 12 ของโลก อันมีปัจจัยสำคัญจากการขยายตัวด้านการส่ง
ออกอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะการส่งออกไปยังประเทศจีน นอกจากนี้ ดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภค ซึ่ง
สะท้อนถึงความรู้สึกของผู้บริโภคเกี่ยวกับความคาดหวังทางเศรษฐกิจและการวางแผนการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ในอนาคต ในเดือน ม.ค.47 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 98 จากระดับ 96 ในเดือนก่อน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวหากอยู่ต่ำ
กว่าระดับ 100 หมายถึงจำนวนผู้บริโภคที่มีความคาดหวังทางเศรษฐกิจของผู้บริโภคและมาตรฐานการครองชีพ
จะทรุดลงใน 6 เดือนข้างหน้ามีมากกว่าผู้บริโภคที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น (รอยเตอร์)
5.คาดว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในปี 47 ของมาเลเซียจะเท่ากับปี 46 รายงานจาก
กัวลาลัมเปอร์ เมื่อ 10 ก.พ.47 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมของมาเลเซียเพิ่มขึ้นร้อย
ละ 33 ในปี 46 โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมผลิตโลหะ การขนส่ง และอิเล็กทรอนิกส์และคาดว่าการลงทุน
ในปีนี้จะอยู่ในระดับเดียวกับปี 46 อันเป็นผลจากการผ่อนคลายกฏการถือหุ้นของชาวต่างชาติและกฎการอนุญาต
ให้ชาวต่างชาติทำงานในประเทศ โดยในปี 46 มาเลเซียอนุมัติโครงการลงทุนจากต่างประเทศคิดเป็นมูลค่า
15.6 พันล้านริงกิต หรือประมาณ 4.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 จากปี 45 ซึ่งเป็นปีที่การ
ลงทุนจากต่างประเทศลดลงร้อยละ 41 เมื่อประเทศต่าง ๆ หันไปลงทุนในจีนซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่า โดยการลงทุน
จากต่างประเทศคิดเป็นร้อยละ 54 ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมดในมาเลเซีย โดยเม็ดเงินส่วนใหญ่มาจาก
ประเทศสหรัฐอาหรับอามิเรต อังกฤษ สรอ.ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ คาดว่าเศรษฐกิจของมาเลเซียซึ่งขึ้นอยู่กับการ
ส่งออกเป็นส่วนใหญ่จะขยายตัวร้อยละ 5.5 ถึง 6.0 ในปีนี้ โดยภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีสัดส่วนถึง 1 ใน 3
ของผลผลิตในประเทศ หรือ GDP และส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
ขยายตัวร้อยละ 7 ในปี 46 เทียบกับร้อยละ 4 ในปี 45 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 11/2/47 10/2/47 31/12/46 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.992 39.622 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.8146/39.1005 39.4435/39.7378 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.8750 - 1.2800 1.2800 - 1.3000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 739.64/29.74 772.15/41.74 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,450/7,550 7,450/7,550 7,700/7,800 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 28.51 27.74 28.66 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 17.29*/14.39 ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-