นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่ประเทศไทย ได้ตกลงจัดทำเขตการค้าเสรีกับจีน ว่าการจัดทำเขตการค้าเสรีไทย-จีน มีผลให้ปรับลดภาษีผัก ผลไม้เป็น 0 % ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 ส่งผลให้การค้าผัก ผลไม้ ขยายตัวเพิ่มขึ้น จากสถิติเดือนตุลาคม 2546 ไทยส่งออกผัก ผลไม้ไปจีน มีมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 26.7 จากระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลดีต่อเกษตรกร รวมทั้งผู้บริโภคในไทยอย่างต่อเนื่องตลอดปี ทั้งด้านปริมาณ คุณภาพ ราคา และวัตถุดิบในการผลิตของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม
นางอภิรดี กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันเกษตรกรไทยยังไม่ค่อยตระหนักถึงผลจากการเปิดเสรีผัก ผลไม้ระหว่างไทย-จีน มากนัก เนื่องจาเกษตรกรส่วนใหญ่ ยังจำหน่ายสินค้าได้ในราคาที่อยู่ในเกณฑ์ดี และสินค้าที่มีโควตาให้ลดภาษีนำเข้าเหลือ 0 % ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรไทย เนื่องจากปริมาณการนำเข้าภายในโควตาไม่มากนัก เช่น โควตากระเทียมมี 65 ตัน มันฝรั่ง 302 ตัน หอมหัวใหญ่ 365 ตัน นอกจากนี้การนำเข้าพืชผักบางชนิดจากจีนที่เพิ่มขึ้น ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเกษตรไทย เช่น แครอท และมันฝรั่ง เป็นต้น
“แต่อย่างไรก็ตาม การผลิตในภาคเกษตรของไทย อาจได้รับผลกระทบในกรณีผู้ผลิตไม่สามารถปรับตัวเพื่อการพัฒนา หรือเพิ่มศักยภาพให้ผลผลิตมีคุณภาพได้มาตรฐาน เพื่อจะแข่งขันในตลาดที่เปิดกว้างขึ้น จากเขตการค้าเสรีไทย-จีน ซึ่งจากการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “แนวทางการปรับตัวของเกษตรกรเพื่อรองรับข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-จีน” เมื่อเร็วๆนี้ ได้มีการรวบรวมข้อคิดเห็นจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในการวางแผนปรับตัวรองรับของประเทศไทย ซึ่งเห็นพ้องว่า ต้องพยายามสร้างการได้เปรียบในการแข่งขันให้แก่ผู้ผลิตในภาคเกษตร เพื่อหาช่องทางและโอกาสในการขยายตลาดผัก-ผลไม้ของไทยเข้าไปในจีน การทำงานเป็นทีมแบบบูรณาการอย่างแท้จริง การเพิ่มประสิทธิภาพให้มีผลผลิตต่อไร่สูงเน้นคุณภาพมีมาตรฐานสม่ำเสมอ ส่งเสริมการวิจัยเพื่อนำวัตถุดิบมาใช้ในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ การจัดการด้านการตลาดในเชิงรุก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งเรื่องการสนับสนุนให้มีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนไทย-จีน เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน นอกจากนี้ ข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วและทันสมัยก็เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ที่จะช่วยให้เกษตรกรและผู้เกี่ยวข้องมีความพร้อมอยู่เสมอ สามารถปรับตัวรองรับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา” อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกล่าว
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (66) 2282-6171-9 แฟกซ์ (66) 2280-0775--จบ--
-พห-
นางอภิรดี กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันเกษตรกรไทยยังไม่ค่อยตระหนักถึงผลจากการเปิดเสรีผัก ผลไม้ระหว่างไทย-จีน มากนัก เนื่องจาเกษตรกรส่วนใหญ่ ยังจำหน่ายสินค้าได้ในราคาที่อยู่ในเกณฑ์ดี และสินค้าที่มีโควตาให้ลดภาษีนำเข้าเหลือ 0 % ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรไทย เนื่องจากปริมาณการนำเข้าภายในโควตาไม่มากนัก เช่น โควตากระเทียมมี 65 ตัน มันฝรั่ง 302 ตัน หอมหัวใหญ่ 365 ตัน นอกจากนี้การนำเข้าพืชผักบางชนิดจากจีนที่เพิ่มขึ้น ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเกษตรไทย เช่น แครอท และมันฝรั่ง เป็นต้น
“แต่อย่างไรก็ตาม การผลิตในภาคเกษตรของไทย อาจได้รับผลกระทบในกรณีผู้ผลิตไม่สามารถปรับตัวเพื่อการพัฒนา หรือเพิ่มศักยภาพให้ผลผลิตมีคุณภาพได้มาตรฐาน เพื่อจะแข่งขันในตลาดที่เปิดกว้างขึ้น จากเขตการค้าเสรีไทย-จีน ซึ่งจากการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “แนวทางการปรับตัวของเกษตรกรเพื่อรองรับข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-จีน” เมื่อเร็วๆนี้ ได้มีการรวบรวมข้อคิดเห็นจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในการวางแผนปรับตัวรองรับของประเทศไทย ซึ่งเห็นพ้องว่า ต้องพยายามสร้างการได้เปรียบในการแข่งขันให้แก่ผู้ผลิตในภาคเกษตร เพื่อหาช่องทางและโอกาสในการขยายตลาดผัก-ผลไม้ของไทยเข้าไปในจีน การทำงานเป็นทีมแบบบูรณาการอย่างแท้จริง การเพิ่มประสิทธิภาพให้มีผลผลิตต่อไร่สูงเน้นคุณภาพมีมาตรฐานสม่ำเสมอ ส่งเสริมการวิจัยเพื่อนำวัตถุดิบมาใช้ในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ การจัดการด้านการตลาดในเชิงรุก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งเรื่องการสนับสนุนให้มีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนไทย-จีน เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน นอกจากนี้ ข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วและทันสมัยก็เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ที่จะช่วยให้เกษตรกรและผู้เกี่ยวข้องมีความพร้อมอยู่เสมอ สามารถปรับตัวรองรับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา” อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกล่าว
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (66) 2282-6171-9 แฟกซ์ (66) 2280-0775--จบ--
-พห-