กรุงเทพ--12 ก.พ.--กระทรวงการต่างประเทศ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้ออกข่าวสารนิเทศที่ 62/2547 เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2547 เรื่อง รัฐบาลไทยบริจาคข้าวแก่ประเทศอิรัก เพื่อช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนชาวอิรัก นั้น
บัดนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแบกแดดได้แจ้งว่า เรือบรรทุกข้าวบริจาคจากไทยเพื่อช่วยเหลือชาวอิรักจำนวน 936 ตัน ซึ่งจัดซื้อโดยเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยจำนวน 15 ล้านบาท ผ่านโครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ (WFP-the United Nations World Food Programme) เดินทางถึงท่าเรืออัคบา (Aqaba) ประเทศจอร์แดนแล้ว เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2547 โดยจะมีการจัดส่งต่อไปยังศูนย์กระจายความช่วยเหลือในอิรัก เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสบภาวะขาดแคลนอาหารแม้ว่าวิกฤตการณ์การสู้รบได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ประชาชนชาวอิรักยังคงได้รับผลกระทบที่รุนแรงและต่อเนื่องจากภาวะสงครามและความเสียหายทางเศรษฐกิจ รวมทั้ง ยังต้องการความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมอีกมากในการฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชน ให้พ้นวิกฤต ซึ่งความช่วยเหลือจากประเทศไทยในครั้งนี้มีความสำคัญยิ่งต่อการปฏิบัติงานของ WFP ในอิรัก โดยข้าวที่ได้รับจะถูกนำเข้าสู่ระบบปันส่วนอาหารรายเดือนเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนจำนวนประมาณ 309,000 คน ในกรุงแบกแดดและบริเวณใกล้เคียง
การช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ WFP ได้รับจากไทย เพื่อบรรเทาทุกข์ โดยในปี 2544 ไทยได้บริจาคข้าวจำนวน 3,000 ตัน ให้แก่ WFP เพื่อช่วยเหลือประชาชนชาวอัฟกานิสถานในเหตุการณ์สงครามเอเชียกลาง ทั้งนี้ นอกจากการช่วยเหลือจาก รัฐบาลไทยในช่วงวิกฤตการณ์สงครามอิรักแล้ว WFP ยังได้รับบริจาคข้าวจากองค์กรเอกชนใน ประเทศไทยอีกจำนวนหนึ่งด้วย ซึ่งนายทอร์เบน ดิว ผู้อำนวยการสำนักงาน WFP ประเทศอิรัก ได้กล่าวว่า นับเป็นนิมิตหมายอันดีที่องค์กรเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบรรเทาทุกข์ ในวิกฤตระดับโลก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากองค์กรเอกชน ทั้งใน ประเทศไทยและประเทศผู้บริจาครายใหม่ๆ ในภูมิภาคนี้ต่อไป
นอกจากการที่รัฐบาลไทยได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนชาวอิรักผ่าน WFP แล้ว รัฐบาลไทยยังได้ส่งความช่วยเหลือไปยังอิรักมาแล้วหลายครั้ง อาทิ การมอบเงินแก่คณะกรรมการกาชาดสากลเพื่อใช้ในการจัดหาบริการพื้นฐานที่จำเป็นด้านการแพทย์และช่วยเหลือผู้ป่วยและบาดเจ็บ รวมทั้งการจัดส่งกองกำลังเฉพาะกิจซึ่งเป็นกองกำลังทหารช่างและหน่วยทหารเสนารักษ์ไปยังอิรัก เป็นต้น ซึ่งจากการให้ความช่วยเหลืออิรักที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนั้น ถือเป็นการแสดงถึงจุดยืนที่มั่นคงและชัดเจนของประเทศไทยในบทบาทการเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือในระดับสากล
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้ออกข่าวสารนิเทศที่ 62/2547 เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2547 เรื่อง รัฐบาลไทยบริจาคข้าวแก่ประเทศอิรัก เพื่อช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนชาวอิรัก นั้น
บัดนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแบกแดดได้แจ้งว่า เรือบรรทุกข้าวบริจาคจากไทยเพื่อช่วยเหลือชาวอิรักจำนวน 936 ตัน ซึ่งจัดซื้อโดยเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยจำนวน 15 ล้านบาท ผ่านโครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ (WFP-the United Nations World Food Programme) เดินทางถึงท่าเรืออัคบา (Aqaba) ประเทศจอร์แดนแล้ว เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2547 โดยจะมีการจัดส่งต่อไปยังศูนย์กระจายความช่วยเหลือในอิรัก เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสบภาวะขาดแคลนอาหารแม้ว่าวิกฤตการณ์การสู้รบได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ประชาชนชาวอิรักยังคงได้รับผลกระทบที่รุนแรงและต่อเนื่องจากภาวะสงครามและความเสียหายทางเศรษฐกิจ รวมทั้ง ยังต้องการความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมอีกมากในการฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชน ให้พ้นวิกฤต ซึ่งความช่วยเหลือจากประเทศไทยในครั้งนี้มีความสำคัญยิ่งต่อการปฏิบัติงานของ WFP ในอิรัก โดยข้าวที่ได้รับจะถูกนำเข้าสู่ระบบปันส่วนอาหารรายเดือนเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนจำนวนประมาณ 309,000 คน ในกรุงแบกแดดและบริเวณใกล้เคียง
การช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ WFP ได้รับจากไทย เพื่อบรรเทาทุกข์ โดยในปี 2544 ไทยได้บริจาคข้าวจำนวน 3,000 ตัน ให้แก่ WFP เพื่อช่วยเหลือประชาชนชาวอัฟกานิสถานในเหตุการณ์สงครามเอเชียกลาง ทั้งนี้ นอกจากการช่วยเหลือจาก รัฐบาลไทยในช่วงวิกฤตการณ์สงครามอิรักแล้ว WFP ยังได้รับบริจาคข้าวจากองค์กรเอกชนใน ประเทศไทยอีกจำนวนหนึ่งด้วย ซึ่งนายทอร์เบน ดิว ผู้อำนวยการสำนักงาน WFP ประเทศอิรัก ได้กล่าวว่า นับเป็นนิมิตหมายอันดีที่องค์กรเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบรรเทาทุกข์ ในวิกฤตระดับโลก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากองค์กรเอกชน ทั้งใน ประเทศไทยและประเทศผู้บริจาครายใหม่ๆ ในภูมิภาคนี้ต่อไป
นอกจากการที่รัฐบาลไทยได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนชาวอิรักผ่าน WFP แล้ว รัฐบาลไทยยังได้ส่งความช่วยเหลือไปยังอิรักมาแล้วหลายครั้ง อาทิ การมอบเงินแก่คณะกรรมการกาชาดสากลเพื่อใช้ในการจัดหาบริการพื้นฐานที่จำเป็นด้านการแพทย์และช่วยเหลือผู้ป่วยและบาดเจ็บ รวมทั้งการจัดส่งกองกำลังเฉพาะกิจซึ่งเป็นกองกำลังทหารช่างและหน่วยทหารเสนารักษ์ไปยังอิรัก เป็นต้น ซึ่งจากการให้ความช่วยเหลืออิรักที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนั้น ถือเป็นการแสดงถึงจุดยืนที่มั่นคงและชัดเจนของประเทศไทยในบทบาทการเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือในระดับสากล
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-