นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่จะให้โครงการกรุงเทพเมืองแฟชั่น เป็นโครงการที่จะทำให้แบรนด์เนมของประเทศติดตลาดโลก และจะให้ต่างประเทศการยอมรับ แบรนด์เนมของไทย มีความเป็นไปได้น้อยมาก ตราบใดที่ประเทศยังไม่มีการบังคับใช้ กฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์ และยังสินค้าลอกเลียนแบบขายอยู่เกลื่อนในตลาดขณะนี้ ยอมรับว่าคนไทยมีฝีมือในการผลิตวัตถุดิบ แต่ต้องอย่าลืมว่าการออกแบบนั้นต้องตรงกับความต้องการตามสภาพภูมิประเทศ ของผู้บริโภคของนานาประเทศด้วย และที่สำคัญที่สุด การสร้างชื่อแบรนด์เนม มีหลายองค์ประกอบ แต่ปัจจัยหลักอยู่ที่ตัวเอกชน ผู้ประกอบการเอง ที่จะต้องเป็นหลัก ทั้งฝีมือ และดีไซน์ ให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค ตัวภาครัฐ เป็นปัจจัยเสริมในการที่จะจัด แนะนำให้ชาวโลกรู้จักสินค้าของเราเท่านั้น อย่าเผลอคิดว่าเราเป็นหลัก จึงใช้เงินลงทุนมหาศาล เฉพาะครั้งนี้ ใช้เงิน 1800 ล้านบาท และถ้าจะให้ตรงตามเป้าที่ตั้งไว้ ต้องใช้จ่ายเม็ดเงินจำนวนมาก ในอีกหลายภาระกิจ จะทำได้หรือไม่ จะคุมค่าเงินลงทุน ซึ่งเป็นภาษีของประชาชนอย่างไร และที่สำคัญงบประมาณในส่วนนี้ใครได้ประโยชน์ ในการจัดงานครั้งนี้ และได้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายสาธิต กล่าวว่าตนในฐานฝ่ายค้านจะเข้าไปดำเนินการตรวจสอบ อย่างถึงที่สุด การทำลายภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว ทางศิลปวัฒนธรรม โดยใช้พระบรมมหาราชวังซึ่งเป็นศิลปวัฒนธรรมที่หาค่าไม่ได้ และไม่มีที่ใดในโลกนำมาเป็นฉากหลัง ประดับการเดินแฟชั่น ของบรรดานางแบบต่างๆ ทั่วโลก “โชว์เพียงเสื้อผ้า และสัดส่วนของบรรดานางแบบ ซึ่งเป็นอะไรที่ฉาบฉวย สร้างภาพเพียงระยะสั้นๆ เปรียบไม่ได้กับความเป็นมา ของพระบรมมหาราชวัง ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้เราพยายามสร้างภาพลักษณ์เมืองไทย เป็นเมืองท่องเที่ยว ในศิลปวัฒนธรรมประเพณี เช่นวัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง ต่างมีความวิจิตร สวยงาม หาดูได้อยาก เป็นที่ยอมรับทั้งประเทศ เป็นของมีค่าทางประวัติศาสตร์ ประเมินค่ามิได้ ทั้งเป็นสิ่งที่จะแข่งขันกับนานาประเทศได้ ไม่ต้องลงทุนเพียงสร้างภาพลักษ์ให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งประวัติศ่าสตร์ ศิลปวัฒนธรรม ก็จะมีรายได้จากการท่องเที่ยว โดยไม่ต้องลงทุนแต่รัฐบาลทำอะไรที่กลับหัวกลับหางกัน ถ้าจะเดินแฟชั่นริมน้ำก็ดูสวยดี แต่ไม่ควรมีฉากแฝงเป็นพระบรมมหาราชวัง เป็นการคิดที่กลับหัวอย่างไม่น่าให้อภัยของรัฐบาลชุดนี้” นายสาธิต กล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยและชื่นชมในการจัดการประชุมเอเปก แล้วให้ผู้นำประเทศ และสื่อมวลชน พร้อมชาวโลก ได้เห็นสิ่งที่มีค่าทางประวัติศาสตร์ของเรา ในการจัดขบวนพระยุหยาตราทางชลมารค แต่ไม่ใช่ใช้ในทุกสถานการณ์ ตนจึงขอฝากถึงนายกฯว่าทรัพย์สินมีค่าของประเทศ จงใช้อย่างประหยัดและเห็นคุณค่าของสิ่งเหล่านั้นอย่าใช้ฟุ่มเฟื่อย เพราะอนาคตของลูกหลาน จะไม่มีโอกาสเห็นคุณค่าของมัน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 13/02/47--จบ--
-สส-
นายสาธิต กล่าวว่าตนในฐานฝ่ายค้านจะเข้าไปดำเนินการตรวจสอบ อย่างถึงที่สุด การทำลายภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว ทางศิลปวัฒนธรรม โดยใช้พระบรมมหาราชวังซึ่งเป็นศิลปวัฒนธรรมที่หาค่าไม่ได้ และไม่มีที่ใดในโลกนำมาเป็นฉากหลัง ประดับการเดินแฟชั่น ของบรรดานางแบบต่างๆ ทั่วโลก “โชว์เพียงเสื้อผ้า และสัดส่วนของบรรดานางแบบ ซึ่งเป็นอะไรที่ฉาบฉวย สร้างภาพเพียงระยะสั้นๆ เปรียบไม่ได้กับความเป็นมา ของพระบรมมหาราชวัง ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้เราพยายามสร้างภาพลักษณ์เมืองไทย เป็นเมืองท่องเที่ยว ในศิลปวัฒนธรรมประเพณี เช่นวัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง ต่างมีความวิจิตร สวยงาม หาดูได้อยาก เป็นที่ยอมรับทั้งประเทศ เป็นของมีค่าทางประวัติศาสตร์ ประเมินค่ามิได้ ทั้งเป็นสิ่งที่จะแข่งขันกับนานาประเทศได้ ไม่ต้องลงทุนเพียงสร้างภาพลักษ์ให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งประวัติศ่าสตร์ ศิลปวัฒนธรรม ก็จะมีรายได้จากการท่องเที่ยว โดยไม่ต้องลงทุนแต่รัฐบาลทำอะไรที่กลับหัวกลับหางกัน ถ้าจะเดินแฟชั่นริมน้ำก็ดูสวยดี แต่ไม่ควรมีฉากแฝงเป็นพระบรมมหาราชวัง เป็นการคิดที่กลับหัวอย่างไม่น่าให้อภัยของรัฐบาลชุดนี้” นายสาธิต กล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยและชื่นชมในการจัดการประชุมเอเปก แล้วให้ผู้นำประเทศ และสื่อมวลชน พร้อมชาวโลก ได้เห็นสิ่งที่มีค่าทางประวัติศาสตร์ของเรา ในการจัดขบวนพระยุหยาตราทางชลมารค แต่ไม่ใช่ใช้ในทุกสถานการณ์ ตนจึงขอฝากถึงนายกฯว่าทรัพย์สินมีค่าของประเทศ จงใช้อย่างประหยัดและเห็นคุณค่าของสิ่งเหล่านั้นอย่าใช้ฟุ่มเฟื่อย เพราะอนาคตของลูกหลาน จะไม่มีโอกาสเห็นคุณค่าของมัน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 13/02/47--จบ--
-สส-