แท็ก
ธปท.
ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. จะจัดการหนี้สินและภาระของกองทุนฟื้นฟูฯ ก่อนปิดตัว ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่า
การ ธปท. กล่าวว่า หากถึงเวลาที่จะต้องยุบกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จะต้องจัดการ
หนี้สินและภาระของกองทุนฯ ให้หมดก่อนที่จะปิดตัว ดังนั้น ผู้ที่ซื้อพันธบัตรกองทุนฯ ในอดีตจึงไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะไม่
ได้รับเงินคืนแต่อย่างใด เพราะเมื่อสถาบันประกันเงินฝากเกิดขึ้นแล้วจะรับหน้าที่ประกันเงินฝาก กองทุนฯ จะทำ
หน้าที่เพียงแค่งานด้านธุรการเท่านั้น ด้าน นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน
ธปท. กล่าวว่า เมื่อถึงระยะเวลาที่กองทุนฯ ต้องจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยให้กับผู้ซื้อพันธบัตร รัฐบาลสามารถใช้วิธี
ออกพันธบัตรเพื่อนำเงินมาจ่ายคืนได้ โดยยังมีวงเงินที่เหลืออยู่จากการขออนุมัติออกพันธบัตร 3 แสนล้านบาท เมื่อปี
ที่แล้ว แต่ยังเหลือวงเงินให้ออกพันธบัตรอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ภายหลังกองทุนฯ ปิดตัวไป หากสถาบันการเงิน
เกิดมีปัญหาจำเป็นที่จะต้องเข้าไปแทรกแซง ควรจะเป็นหน้าที่ของ ธปท. และ ก.คลังที่ต้องทำงานร่วมกันในการให้
ความช่วยเหลือ อย่างกรณี ธ.พาณิชย์จะล้มจากปัญหาความเชื่อมั่นของระบบ เช่น ข่าวลือหรือขาดสภาพคล่องชั่ว
คราว ธปท. ก็สามารถช่วยเหลือใส่เงินเข้าไปในระบบได้ แต่ต้องมีวิธีการที่ชัดเจนซึ่งจะต้องดูรายละเอียด และไม่
ใช่ต้องช่วยเหลือทุกครั้งไป (โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธปท. ขยายเวลาเริ่มเปิดดำเนินการของ ธ.พาณิชย์รายใหม่อีก 6 เดือน ดร.ธาริษา วัฒน
เกส รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า จะขยายช่วงเวลาในการเปิดดำเนินการของ
ธนาคารรายใหม่ที่เกิดขึ้นตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินออกไปอีก 6 เดือน หลังจากที่เคยกำหนดไว้ให้เปิด
ดำเนินการได้ภายใน 1 ปี หลังจากได้รับความเห็นชอบให้ดำเนินการได้จาก ก.คลัง ซึ่งสิ้นสุดภายในวันที่ 31 ม.
ค.48 และต้องเปิดดำเนินการภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าธนาคารส่วนใหญ่คงจะสามารถเปิดดำเนินการได้ทัน
ตามกำหนดการเดิม แต่ถ้าเปิดไม่ทันภายในปีนี้ก็ต้องดูเป็นราย ๆ ไป ส่วนสถาบันการเงินที่ยังไม่ได้เปิดดำเนินการ
นั้นไม่น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับเกณฑ์กำกับของ ธปท. เนื่องจากก่อนที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งจะได้รับใบอนุญาตให้
ดำเนินการนั้น ธปท. จะต้องพิจารณาก่อนแล้วว่าธนาคารแต่ละแห่งจะสามารถปฏิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดได้ในระดับ
หนึ่ง ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาธนาคารที่เกิดขึ้นใหม่ดังกล่าวก็มีการรายงานความคืบหน้าให้ ธปท. รับทราบเป็น
ประจำอยู่แล้ว (กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน)
3. กลต. เห็นชอบให้บริษัทต่างชาติออกหุ้นกู้ขายให้ธนาคารไทย รายงานข่าวจาก สนง.คณะ
กรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เปิดเผยผลการประชุมว่า เพื่อเพิ่มช่องทางในการลงทุนแก่
ธ.พาณิชย์ไทย คณะกรรมการ กลต. จึงมีมติเห็นชอบให้บริษัทต่างประเทศสามารถเสนอขายหุ้นกู้ที่ออกใหม่ต่อ ธ.
พาณิชย์ในประเทศไทยได้ ภายใต้เกณฑ์ที่ กลต. ได้หารือกับ ธปท. แล้ว คือ ผู้ออกหุ้นกู้จะต้องจดข้อจำกัดการโอน
หุ้นกู้ไว้เฉพาะผู้ลงทุนที่เป็น ธ.พาณิชย์ (ไม่รวม ธ.พาณิชย์เพื่อรายย่อย) หรือผู้ที่มีถิ่นฐานอยู่นอกประเทศ หุ้นกู้หรือ
บริษัทผู้ออกหุ้นกู้ หรือผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ ต้องได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ เว้นแต่จะเป็นการเสนอขายแก่ผู้ลงทุน
ในวงแคบ และผู้ออกหุ้นกู้ต้องเปิดเผยข้อมูลตามเกณฑ์ที่ กลต. กำหนด โดยสามารถยื่นแบบไฟล์ลิ่งเป็นภาษาอังกฤษ
ได้ แต่ต้องมีข้อมูลขั้นต่ำตามที่กำหนด และมีงบการเงินที่เป็นไปตามมาตรฐานบัญชีสากลของ IFRS หรือ FAS หรือ
US GAPP นอกจากนี้ กลต. ยังเห็นชอบในหลักการอนุญาตให้นิติบุคคลต่างประเทศ (Multinational
Corporations : MNCs) เสนอขายหุ้นกู้สกุลเงินบาทในไทย โดยจะอนุญาตเป็นการทั่วไปเมื่อ MNCs ได้รับ
อนุญาตจาก ก.คลังแล้ว และ MNCs จะต้องเปิดเผยข้อมูลตามเกณฑ์ของ กลต. (มติชน)
4. สหภาพยุโรปจะใช้ไทยเป็นฐานการลงทุนในเอเชีย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รอง นรม. และ
รมว.พาณิชย์ เปิดเผยในระหว่างการประชุม Asia Invest Forum Thailand 2005 ที่จัดขึ้นโดยหอการค้า
ยุโรปประจำประเทศไทยว่า สหภาพยุโรปต้องการใช้ไทยเป็นฐานการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย เพราะเห็นว่าไทยเป็น
ประตูสู่อาเซียน ซึ่งไทยก็พร้อมจะผลักดันนักลงทุนไทยไปลงทุนในสหภาพยุโรปด้วย โดยอุตสาหกรรมที่สหภาพยุโรป
สนใจจะเข้ามาลงทุนในไทย ได้แก่ รถยนต์ อาหาร และอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนอุตสาหกรรมที่ไทยต้องการไปลงทุนใน
สหภาพยุโรป ได้แก่ รถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีไฮเทค เป็นต้น ปัจจุบันค่ายรถยนต์เมอร์เซเดส
เบนส์ ของเยอรมนี ได้เลือกไทยเป็นประเทศแรกของเอเชียที่เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ เพราะไทยเป็น
ฮับรถยนต์ในภูมิภาคนี้ และแม้ไทยจะเปิดเขตการค้าเสรีกับญี่ปุ่น ซึ่งมีข้อตกลงลดภาษีรถยนต์ระหว่างกันก็ไม่เป็น
ปัญหา เพราะไทยพร้อมจะเปิดให้สหภาพยุโรปเข้ามาลงทุนแบบเท่าเทียมกันหมด แต่ที่ผ่านสหภาพยุโรปยังเข้ามาลง
ทุนในไทยน้อย แต่เชื่อว่าหลังความร่วมมือระหว่างกันจะทำให้การลงทุนระหว่างกันในปี 49 เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อย
ละ 30 อย่างแน่นอน (ไทยรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ผลสำรวจคาดว่าดัชนีราคาผู้ผลิตของ สรอ.ในเดือน ต.ค.48 จะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน
ก่อนในขณะที่คาดว่าดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐานจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ต่อเดือน รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 14 พ.
ย.48 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าดัชนีราคาผู้ผลิต ของ สรอ.ในเดือน ต.ค.48 จะคงที่ไม่
เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 ในเดือน ก.ย.48 ในขณะที่คาดว่าดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐานซึ่ง
ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ต่อเดือนหลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ต่อเดือนในเดือน ก.
ย.48 โดยดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากต้นทุนการผลิตรถยนต์ที่สูงขึ้น กรมแรงงานของ สรอ.มีกำหนด
จะประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 พ.ย.48 เวลา 13.30 น.ตามเวลากรีนนิช (รอย
เตอร์)
2. คณะกรรมาธิการนโยบายการเงิน ธ.กลางยุโรปบางคนเตือนภัยภาวะเงินเฟ้อในเขตยูโรโซน
รายงานจากเวียนนา เม็กซิโก เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 48 คณะกรรมาธิการนโยบายการเงินธ.กลางยุโรปบาง คน
กล่าวเตือนภัยภาวะเงินเฟ้อในเขตยูโรโซนโดยเห็นว่าธ.กลางยุโรปควรจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสกัด
ภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของยูโรโซนอยู่ที่ร้อยละ 2.0 มาเป็นเวลา 18 เดือนแล้ว ผวก.
ธ.กลางเยอรมนี ฝรั่งเศส และออสเตรีย แสดงความเห็นว่าธ.กลางจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนหน้า
หรือไม่ โดยผวก.ธ.กลางออสเตรีย และฝรั่งเศสเห็นว่าภาวะเงินเฟ้อยังไม่อันตรายเนื่องจากหากไม่นับรวมราคา
น้ำมันแล้วภาวะเงินเฟ้อยังสามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตามควรป้องกันไว้ก่อนดีกว่าจะมาแก้ไขในภายหลัง (รอย
เตอร์)
3. การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของจีนในช่วง 10 เดือนแรกของปี 48 ลดลงร้อยละ 2.1
เทียบต่อปี รายงานจากปักกิ่งเมื่อ 14 พ.ย.48 ก.พาณิชย์จีน เปิดเผยว่า ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
ของจีนในช่วง 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค.48) ลดลงร้อยละ 2.1 เทียบต่อปี สำหรับยอดการลงทุนฯ ในเดือน
ต.ค.48 มีจำนวน 5.16 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 1 เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนซึ่งมี
จำนวน 5.1 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์จะมองแนวโน้มในระยะยาว เนื่องจากตัวเลขรายเดือน
เป็นข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงได้ง่าย สำหรับการลงทุนที่มีการเซ็นสัญญาแล้ว (Contracted investment) ซึ่งเป็นตัว
เลขการลงทุนที่มีการเซ็นสัญญาโดยยังไม่มีการลงทุนจริง มีจำนวน 145.08 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ในช่วง 10
เดือน (ม.ค.-ต.ค.48) เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.5 เทียบต่อปี อนึ่ง การลงทุนจาก ตปท. ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการขับ
เคลื่อนประสิทธิภาพของภาคการส่งออก ได้ชะลอตัวลงในช่วง 1-2 เดือนนี้ หลังจากที่ขยายตัวถึงร้อยละ 14 ที่
ระดับ 61 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ในปี 47 (รอยเตอร์)
4. ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่ายอดค้าปลีกของสิงคโปร์ในเดือน ก.ย.48 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 จาก
เดือนก่อน รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 14 พ.ย.48 ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่ายอดค้าปลีกของสิงคโปร์ในเดือน ก.
ย.48 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ต่อเดือนและเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 ต่อปี จากยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นหลังจากรัฐบาลเพิ่ม
จำนวนใบอนุญาตซึ่งผู้ที่จะซื้อรถยนต์จะต้องมีก่อนซื้อรถยนต์ทำให้ใบอนุญาตมีราคาถูกลง โดยยอดขายรถยนต์มีสัดส่วน
มากที่สุดถึงร้อยละ 26 ของยอดค้าปลีก และยอดค้าปลีกและค้าส่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 16 ของเศรษฐกิจ
สิงคโปร์ซึ่งมี GDP จำนวน 110 พันล้านดอลลาร์ สรอ. หลังจากยอดค้าปลีกในเดือน ส.ค.48 ลดลงอย่างไม่คาด
มาก่อนร้อยละ 2.3 ต่อเดือน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 เมื่อเทียบต่อปี จากยอดขายที่ลดลงของเสื้อผ้าและรถยนต์ ใน
ขณะที่ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสิงคโปร์กลับชะลอตัวลงเล็กน้อยโดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ต่อปี
ในเดือน ก.ย.48 จากร้อยละ 9 ในเดือน ส.ค.48 รัฐบาลสิงคโปร์มีกำหนดจะประกาศตัวเลขยอดค้าปลีกอย่าง
เป็นทางการในวันที่ 15 พ.ย.48 เวลา 13.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 พ.ย. 48 14 พ.ย. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.126 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40. 9383/41.2313 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.80611 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 683.41/ 10.82 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 9,100/9,200 9,100/9,200 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 49.4 49.69 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด 50 สตางค์ เมื่อ 1 พ.ย. 48 25.64*/22.69** 25.64*/23.09** 16.99/14.59 ปตท.
** ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 14 พ.ย. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท. จะจัดการหนี้สินและภาระของกองทุนฟื้นฟูฯ ก่อนปิดตัว ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่า
การ ธปท. กล่าวว่า หากถึงเวลาที่จะต้องยุบกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จะต้องจัดการ
หนี้สินและภาระของกองทุนฯ ให้หมดก่อนที่จะปิดตัว ดังนั้น ผู้ที่ซื้อพันธบัตรกองทุนฯ ในอดีตจึงไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะไม่
ได้รับเงินคืนแต่อย่างใด เพราะเมื่อสถาบันประกันเงินฝากเกิดขึ้นแล้วจะรับหน้าที่ประกันเงินฝาก กองทุนฯ จะทำ
หน้าที่เพียงแค่งานด้านธุรการเท่านั้น ด้าน นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน
ธปท. กล่าวว่า เมื่อถึงระยะเวลาที่กองทุนฯ ต้องจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยให้กับผู้ซื้อพันธบัตร รัฐบาลสามารถใช้วิธี
ออกพันธบัตรเพื่อนำเงินมาจ่ายคืนได้ โดยยังมีวงเงินที่เหลืออยู่จากการขออนุมัติออกพันธบัตร 3 แสนล้านบาท เมื่อปี
ที่แล้ว แต่ยังเหลือวงเงินให้ออกพันธบัตรอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ภายหลังกองทุนฯ ปิดตัวไป หากสถาบันการเงิน
เกิดมีปัญหาจำเป็นที่จะต้องเข้าไปแทรกแซง ควรจะเป็นหน้าที่ของ ธปท. และ ก.คลังที่ต้องทำงานร่วมกันในการให้
ความช่วยเหลือ อย่างกรณี ธ.พาณิชย์จะล้มจากปัญหาความเชื่อมั่นของระบบ เช่น ข่าวลือหรือขาดสภาพคล่องชั่ว
คราว ธปท. ก็สามารถช่วยเหลือใส่เงินเข้าไปในระบบได้ แต่ต้องมีวิธีการที่ชัดเจนซึ่งจะต้องดูรายละเอียด และไม่
ใช่ต้องช่วยเหลือทุกครั้งไป (โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธปท. ขยายเวลาเริ่มเปิดดำเนินการของ ธ.พาณิชย์รายใหม่อีก 6 เดือน ดร.ธาริษา วัฒน
เกส รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า จะขยายช่วงเวลาในการเปิดดำเนินการของ
ธนาคารรายใหม่ที่เกิดขึ้นตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินออกไปอีก 6 เดือน หลังจากที่เคยกำหนดไว้ให้เปิด
ดำเนินการได้ภายใน 1 ปี หลังจากได้รับความเห็นชอบให้ดำเนินการได้จาก ก.คลัง ซึ่งสิ้นสุดภายในวันที่ 31 ม.
ค.48 และต้องเปิดดำเนินการภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าธนาคารส่วนใหญ่คงจะสามารถเปิดดำเนินการได้ทัน
ตามกำหนดการเดิม แต่ถ้าเปิดไม่ทันภายในปีนี้ก็ต้องดูเป็นราย ๆ ไป ส่วนสถาบันการเงินที่ยังไม่ได้เปิดดำเนินการ
นั้นไม่น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับเกณฑ์กำกับของ ธปท. เนื่องจากก่อนที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งจะได้รับใบอนุญาตให้
ดำเนินการนั้น ธปท. จะต้องพิจารณาก่อนแล้วว่าธนาคารแต่ละแห่งจะสามารถปฏิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดได้ในระดับ
หนึ่ง ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาธนาคารที่เกิดขึ้นใหม่ดังกล่าวก็มีการรายงานความคืบหน้าให้ ธปท. รับทราบเป็น
ประจำอยู่แล้ว (กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน)
3. กลต. เห็นชอบให้บริษัทต่างชาติออกหุ้นกู้ขายให้ธนาคารไทย รายงานข่าวจาก สนง.คณะ
กรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เปิดเผยผลการประชุมว่า เพื่อเพิ่มช่องทางในการลงทุนแก่
ธ.พาณิชย์ไทย คณะกรรมการ กลต. จึงมีมติเห็นชอบให้บริษัทต่างประเทศสามารถเสนอขายหุ้นกู้ที่ออกใหม่ต่อ ธ.
พาณิชย์ในประเทศไทยได้ ภายใต้เกณฑ์ที่ กลต. ได้หารือกับ ธปท. แล้ว คือ ผู้ออกหุ้นกู้จะต้องจดข้อจำกัดการโอน
หุ้นกู้ไว้เฉพาะผู้ลงทุนที่เป็น ธ.พาณิชย์ (ไม่รวม ธ.พาณิชย์เพื่อรายย่อย) หรือผู้ที่มีถิ่นฐานอยู่นอกประเทศ หุ้นกู้หรือ
บริษัทผู้ออกหุ้นกู้ หรือผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ ต้องได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ เว้นแต่จะเป็นการเสนอขายแก่ผู้ลงทุน
ในวงแคบ และผู้ออกหุ้นกู้ต้องเปิดเผยข้อมูลตามเกณฑ์ที่ กลต. กำหนด โดยสามารถยื่นแบบไฟล์ลิ่งเป็นภาษาอังกฤษ
ได้ แต่ต้องมีข้อมูลขั้นต่ำตามที่กำหนด และมีงบการเงินที่เป็นไปตามมาตรฐานบัญชีสากลของ IFRS หรือ FAS หรือ
US GAPP นอกจากนี้ กลต. ยังเห็นชอบในหลักการอนุญาตให้นิติบุคคลต่างประเทศ (Multinational
Corporations : MNCs) เสนอขายหุ้นกู้สกุลเงินบาทในไทย โดยจะอนุญาตเป็นการทั่วไปเมื่อ MNCs ได้รับ
อนุญาตจาก ก.คลังแล้ว และ MNCs จะต้องเปิดเผยข้อมูลตามเกณฑ์ของ กลต. (มติชน)
4. สหภาพยุโรปจะใช้ไทยเป็นฐานการลงทุนในเอเชีย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รอง นรม. และ
รมว.พาณิชย์ เปิดเผยในระหว่างการประชุม Asia Invest Forum Thailand 2005 ที่จัดขึ้นโดยหอการค้า
ยุโรปประจำประเทศไทยว่า สหภาพยุโรปต้องการใช้ไทยเป็นฐานการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย เพราะเห็นว่าไทยเป็น
ประตูสู่อาเซียน ซึ่งไทยก็พร้อมจะผลักดันนักลงทุนไทยไปลงทุนในสหภาพยุโรปด้วย โดยอุตสาหกรรมที่สหภาพยุโรป
สนใจจะเข้ามาลงทุนในไทย ได้แก่ รถยนต์ อาหาร และอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนอุตสาหกรรมที่ไทยต้องการไปลงทุนใน
สหภาพยุโรป ได้แก่ รถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีไฮเทค เป็นต้น ปัจจุบันค่ายรถยนต์เมอร์เซเดส
เบนส์ ของเยอรมนี ได้เลือกไทยเป็นประเทศแรกของเอเชียที่เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ เพราะไทยเป็น
ฮับรถยนต์ในภูมิภาคนี้ และแม้ไทยจะเปิดเขตการค้าเสรีกับญี่ปุ่น ซึ่งมีข้อตกลงลดภาษีรถยนต์ระหว่างกันก็ไม่เป็น
ปัญหา เพราะไทยพร้อมจะเปิดให้สหภาพยุโรปเข้ามาลงทุนแบบเท่าเทียมกันหมด แต่ที่ผ่านสหภาพยุโรปยังเข้ามาลง
ทุนในไทยน้อย แต่เชื่อว่าหลังความร่วมมือระหว่างกันจะทำให้การลงทุนระหว่างกันในปี 49 เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อย
ละ 30 อย่างแน่นอน (ไทยรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ผลสำรวจคาดว่าดัชนีราคาผู้ผลิตของ สรอ.ในเดือน ต.ค.48 จะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน
ก่อนในขณะที่คาดว่าดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐานจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ต่อเดือน รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 14 พ.
ย.48 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าดัชนีราคาผู้ผลิต ของ สรอ.ในเดือน ต.ค.48 จะคงที่ไม่
เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 ในเดือน ก.ย.48 ในขณะที่คาดว่าดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐานซึ่ง
ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ต่อเดือนหลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ต่อเดือนในเดือน ก.
ย.48 โดยดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากต้นทุนการผลิตรถยนต์ที่สูงขึ้น กรมแรงงานของ สรอ.มีกำหนด
จะประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 พ.ย.48 เวลา 13.30 น.ตามเวลากรีนนิช (รอย
เตอร์)
2. คณะกรรมาธิการนโยบายการเงิน ธ.กลางยุโรปบางคนเตือนภัยภาวะเงินเฟ้อในเขตยูโรโซน
รายงานจากเวียนนา เม็กซิโก เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 48 คณะกรรมาธิการนโยบายการเงินธ.กลางยุโรปบาง คน
กล่าวเตือนภัยภาวะเงินเฟ้อในเขตยูโรโซนโดยเห็นว่าธ.กลางยุโรปควรจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสกัด
ภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของยูโรโซนอยู่ที่ร้อยละ 2.0 มาเป็นเวลา 18 เดือนแล้ว ผวก.
ธ.กลางเยอรมนี ฝรั่งเศส และออสเตรีย แสดงความเห็นว่าธ.กลางจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนหน้า
หรือไม่ โดยผวก.ธ.กลางออสเตรีย และฝรั่งเศสเห็นว่าภาวะเงินเฟ้อยังไม่อันตรายเนื่องจากหากไม่นับรวมราคา
น้ำมันแล้วภาวะเงินเฟ้อยังสามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตามควรป้องกันไว้ก่อนดีกว่าจะมาแก้ไขในภายหลัง (รอย
เตอร์)
3. การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของจีนในช่วง 10 เดือนแรกของปี 48 ลดลงร้อยละ 2.1
เทียบต่อปี รายงานจากปักกิ่งเมื่อ 14 พ.ย.48 ก.พาณิชย์จีน เปิดเผยว่า ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
ของจีนในช่วง 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค.48) ลดลงร้อยละ 2.1 เทียบต่อปี สำหรับยอดการลงทุนฯ ในเดือน
ต.ค.48 มีจำนวน 5.16 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 1 เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนซึ่งมี
จำนวน 5.1 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์จะมองแนวโน้มในระยะยาว เนื่องจากตัวเลขรายเดือน
เป็นข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงได้ง่าย สำหรับการลงทุนที่มีการเซ็นสัญญาแล้ว (Contracted investment) ซึ่งเป็นตัว
เลขการลงทุนที่มีการเซ็นสัญญาโดยยังไม่มีการลงทุนจริง มีจำนวน 145.08 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ในช่วง 10
เดือน (ม.ค.-ต.ค.48) เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.5 เทียบต่อปี อนึ่ง การลงทุนจาก ตปท. ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการขับ
เคลื่อนประสิทธิภาพของภาคการส่งออก ได้ชะลอตัวลงในช่วง 1-2 เดือนนี้ หลังจากที่ขยายตัวถึงร้อยละ 14 ที่
ระดับ 61 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ในปี 47 (รอยเตอร์)
4. ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่ายอดค้าปลีกของสิงคโปร์ในเดือน ก.ย.48 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 จาก
เดือนก่อน รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 14 พ.ย.48 ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่ายอดค้าปลีกของสิงคโปร์ในเดือน ก.
ย.48 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ต่อเดือนและเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 ต่อปี จากยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นหลังจากรัฐบาลเพิ่ม
จำนวนใบอนุญาตซึ่งผู้ที่จะซื้อรถยนต์จะต้องมีก่อนซื้อรถยนต์ทำให้ใบอนุญาตมีราคาถูกลง โดยยอดขายรถยนต์มีสัดส่วน
มากที่สุดถึงร้อยละ 26 ของยอดค้าปลีก และยอดค้าปลีกและค้าส่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 16 ของเศรษฐกิจ
สิงคโปร์ซึ่งมี GDP จำนวน 110 พันล้านดอลลาร์ สรอ. หลังจากยอดค้าปลีกในเดือน ส.ค.48 ลดลงอย่างไม่คาด
มาก่อนร้อยละ 2.3 ต่อเดือน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 เมื่อเทียบต่อปี จากยอดขายที่ลดลงของเสื้อผ้าและรถยนต์ ใน
ขณะที่ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสิงคโปร์กลับชะลอตัวลงเล็กน้อยโดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ต่อปี
ในเดือน ก.ย.48 จากร้อยละ 9 ในเดือน ส.ค.48 รัฐบาลสิงคโปร์มีกำหนดจะประกาศตัวเลขยอดค้าปลีกอย่าง
เป็นทางการในวันที่ 15 พ.ย.48 เวลา 13.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 พ.ย. 48 14 พ.ย. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.126 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40. 9383/41.2313 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.80611 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 683.41/ 10.82 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 9,100/9,200 9,100/9,200 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 49.4 49.69 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด 50 สตางค์ เมื่อ 1 พ.ย. 48 25.64*/22.69** 25.64*/23.09** 16.99/14.59 ปตท.
** ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 14 พ.ย. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--