แท็ก
ตลาดหลักทรัพย์
ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ปี 46 บริษัทเอกชนระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 22.9% จากปีก่อน ธนาคารแห่ง
ประเทศไทย รายงานตัวเลขปริมาณการออกหลักทรัพย์ใหม่ระหว่างปี 2546 (ม.ค.-ธ.ค.) ว่า มีบริษัทผู้
ประกอบการจำนวนมากที่ระดมทุนด้วยการออกหลักทรัพย์ เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนและนักลงทุนทั่วไป แทน
การขอสินเชื่อจาก ธพ. โดยปริมาณการออกหลักทรัพย์ ณ สิ้นปี 46 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,055,000 ล.บาท เพิ่ม
ขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนถึง 22.9% โดยการออกหลักทรัพย์ของภาคเอกชนมีมูลค่าสูงสุด 672,300 ล.
บาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 45 ที่มีจำนวน 346,100 ล.บาท หรือเพิ่มขึ้น 94.2% (ผู้จัดการรายวัน)
2. ธพ.สนใจร่วมโครงการขยายบริการทางการเงินไปยังต่างจังหวัด ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่าย
กลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ ธปท.จัดสัมมนาเพื่อหารูป
แบบที่เหมาะสมในการขยายบริการทางการเงินของ ธพ.ไปยังต่างจังหวัดเมื่อปลายปี 46 และ ธปท.ได้เปิด
โอกาสให้ ธพ.ที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดย ธปท.จะให้ความช่วยเหลือทางด้านวิชาการนั้น
ล่าสุดมี ธพ.จำนวน 4-5 แห่ง แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการนำร่องกับ ธปท. โดยเรื่องที่ ธพ.
เสนอขอความช่วยเหลือจาก ธปท. ได้แก่ การจัดวิทยากรจากต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จในโครงการ
ดังกล่าวมาให้ความรู้ และการสร้างระบบฐานข้อมูล (ผู้จัดการรายวัน)
3. ก.คลังเชื่อมั่นว่ากองทุนรวมวายุภักษ์ 1 จะสามารถปันผลได้ประมาณ 9% ภายในปี 47 รม
ว.คลัง เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ติดตามผลการลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ทำให้มั่นใจว่าภายในปี 47
กองทุนรวมวายุภักษ์จะสามารถปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนได้ประมาณ 9% อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นอัตราผลตอบ
แทนที่สูงกว่าการฝากเงินกับ ธพ.ค่อนข้างมาก และเชื่อว่าจะสามารถปันผลในอัตราที่ค่อนข้างสูงไม่ต่ำกว่า 3 ปี
โดยในช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ได้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนที่เป็นรายย่อย (ประเภท ก) ไปแล้ว
30 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็น 3% ของมูลค่าหน่วยลงทุน สำหรับการจัดตั้งกองทุนรวมวายุภักษ์ 2 ขณะนี้
กำลังอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบ (โลกวันนี้, ไทยโพสต์)
4. รัฐบาลเตรียมตั้ง งปม.แบบสมดุลในปี48 แหล่งข่าวจากสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า สำนัก
งานงบประมาณจะเสนอกรอบ งปม.รายจ่ายประจำปี 48 วงเงิน 1,170,000 ล.บาท ต่อที่ประชุม ครม.
เพื่อพิจารณาในวันนี้ (17 ก.พ.47) โดยเป็นการจัดทำ งปม.แบบสมดุลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤติ
เศรษฐกิจปี 40 เร็วกว่ากำหนดเดิมที่รัฐบาลกำหนดเป้าหมายว่าจะจัดทำ งปม.แบบสมดุลในปี 51-52 เป็นผล
จากการขยายตัวของเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพอย่างต่อเนื่อง (กรุงเทพธุรกิจ)
5. การปรับเพิ่มของราคาวัสดุก่อสร้างส่งผลกระทบต่อต้นทุนราคาที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งหลังปี 47
กรรมการผู้จัดการบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟ็ค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การปรับราคาขายขึ้นของวัสดุ
ก่อสร้างหลัก เช่น เหล็ก ปูนซีเมนต์ ค่าถมดิน ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างโครงการบ้านจัดสรร ซึ่งคาด
ว่าราคาบ้านจัดสรรในครึ่งหลังของปี 47 จะปรับขึ้นประมาณ 5% ขณะที่คอนโดมิเนียมที่ใช้เหล็กเป็นวัสดุหลักใน
การก่อสร้าง จะปรับราคาขึ้นสูงกว่าราคาบ้านไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง
อนึ่ง รองเลขาธิการกลุ่มเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ล่าสุดราคาเหล็กปรับสูงขึ้นอีก 50%
เนื่องจากจีนยังมีความต้องการใช้เหล็กในปริมาณสูงมาก ทำให้ราคาเหล็กมีโอกาสจะปรับตัวสูงขึ้นได้อีก (ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ประธานาธิบดี สรอ. มีความเห็นว่า เศรษฐกิจยังเติบโตดี แม้จะมีปัญหาการว่างงานอยู่บ้าง
รายงานจากฟลอริดาเมื่อวันที่ 16 ก.พ.47 นายจอห์น เคอร์รี่ ผู้สมัครที่มีคะแนนนำคู่แข่งคนอื่นจากพรรคเด
โมแครตในการสมัครเป็นตัวแทนพรรคเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี สรอ. กล่าวหาประธานาธิบดี จอร์จ บุช
ของ สรอ. ว่า นับตั้งแต่ จอร์จ บุช เข้ารับตำแหน่ง เศรษฐกิจของประเทศเริ่มตกต่ำ มีคนตกงานในโรงงาน
เกือบ 2.8 ล้านคน ในขณะที่ จอร์จ บุช ยังคงตอกย้ำถึงความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของ สรอ. โดยกล่าว
ตอบโต้ว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตดี ยอดขายบ้านเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อและ
อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ มีคนได้งานทำเพิ่มขึ้น แต่ก็ยอมรับว่ายังคงมีปัญหาอยู่บ้าง อัตราเติบโตทาง
เศรษฐกิจหลายอย่างยังคงขึ้นอยู่กับจิตวิทยาในการตัดสินใจของประชาชน และไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าปัญหาใน
บางเรื่องยังคงไม่ชัดเจนนัก นอกจากนี้ ประธานาธิบดี จอร์จ บุช ยังเรียกร้องให้สภาคองเกรสลงมติให้
ความเห็นชอบนโยบายการตัดลดภาษีถาวรที่เขาเสนอไป แต่พรรคเดโมแครตกล่าวว่ามีแต่คนมีเงินเท่านั้นที่จะ
ได้ประโยชน์จากการตัดลดภาษีถาวร และจะทำให้ประเทศขาดดุลงบประมาณกว่า 500 พันล้านดอลลาร์
สรอ.(รอยเตอร์)
2. นักวิชาการประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปในปี 47 จะขยายตัวร้อยละ
2.0 รายงานจากกรุงบรัสเซลล์ เมื่อ 16 ก.พ.47 นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของยุโรป 8 คน ได้ประมาณการ
เติบโตทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปในปี 47 ว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.0 หลังจากที่ทรงตัวเมื่อปีก่อน
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์จาก The European Economic Advisory Group CESifo เห็นว่า การฟื้นตัว
ทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปในครั้งนี้ ค่อนข้างจะเปราะบาง ทั้งนี้เนื่องจากการฟื้นตัวดังกล่าวส่วน
ใหญ่ได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่เขตเศรษฐกิจยุโปรมีความเสี่ยงจากการแข่ง
ขันของค่าเงินยูโร ซึ่งนับเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ The European
Commission คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปในปี 47 จะขยายตัวร้อยละ 1.8 ขณะที่ ธ.
กลางยุโรปคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.6 โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาสำนักงานสถิติแห่งชาติยุโรปได้เปิดเผยว่า
เศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปในปี 46 ขยายตัวร้อยละ 0.4 นอกจากนี้ The Group CESifo ยังได้คาด
การณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อของยุโรปจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 1.8 ในปี 47 จากร้อยละ 2.1 ในปีก่อน รวมทั้งยังมี
ความเห็นเพิ่มเติมว่า การเพิ่มประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปจาก 15 ประเทศในปัจจุบันเป็น 25 ประเทศ
ในเดือน พ.ค.47 น่าจะก่อให้เกิดการลงทุนมากขึ้นในประเทศที่เป็นสมาชิกใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ปงระเทศ
ในกลุ่มยุโรปกลาง ซึ่งมีต้นทุนแรงงานที่ต่ำกว่า (รอยเตอร์)
3. ยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากส่งผลให้ยอดค้าปลีกในเดือน ธ.ค.46 ของสิงคโปร์ให้สูงขึ้น
รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 16 ก.พ.47 ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5.2 ในเดือน ธ.ค.46
จากเดือนก่อน อันเป็นผลจากการที่ชาวสิงคโปร์ตัดสินใจซื้อรถยนต์ก่อนที่ภาษีผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0
เป็นร้อยละ 5.0 ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.47 โดยยอดขายรถยนต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์จำนวน 81,259
คันในปี 46 สูงกว่ายอดขายสูงสุดในปี 44 ซึ่งมีจำนวน 67,158 คันหรือคิดเป็นร้อยละ 21 และส่งผลให้ยอด
ค้าปลีกในเดือน ธ.ค.46 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 9.7 เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่หากไม่รวมยอดขายรถยนต์แล้วยอดค้า
ปลีกในเดือน ธ.ค.46 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.9 จากเดือนก่อน และลดลงร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับปีก่อน
อย่างไรก็ตามการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนถึงร้อยละ 44 ของผลผลิตในประเทศ หรือ GDP ของสิงคโปร์
ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.8 ในปี 46 ขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดในบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้วในเอเชีย (รอยเตอร์)
4. รมต.คลังของเยอรมนีกล่าวว่าจีนควรใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเงินแบบยืดหยุ่น รายงานจา
กบราสซิลเลีย เมื่อ 16 ก.พ.47 รมต.คลังของเยอรมนีกล่าวในฐานะประธานของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม
และตลาดเปิดใหม่ 20 ประเทศ ซึ่งรวมจีนและ สรอ.ด้วยว่าจีนควรใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเงินแบบ
ยืดหยุ่นและ สรอ.ควรพยายามลดการขาดดุลการค้าและการขาดดุลงบประมาณให้ได้ในระยะกลาง รมต.คลัง
กล่าวหลังจากที่เงินยูโรแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.ซึ่งบรรดาผู้นำในเขตเศรษฐกิจ
ยุโรปรู้สึกว่าการใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ของจีนทำให้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศตนเลว
ลงเพราะทำให้สินค้าจากยุโรปมีราคาสูงกว่าประเทศอื่น ๆ ในตลาดโลก โดยล่าสุดเงินยูโรซื้อขายกันอยู่ที่
1.2765/70 ดอลลาร์ สรอ.ต่อยูโร ต่ำกว่าระดับสูงสุดที่ 1.29 ดอลลาร์ สรอ.ต่อยูโรเมื่อเดือนที่แล้วเพียง
เล็กน้อย (รอยเตอร์)
5. ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้ ณ กลางเดือน ก.พ.47 เพิ่มขึ้นจำนวน 5.1 พัน
ล.ดอลลาร์ สรอ. รายงานจากโซล เมื่อ 17 ก.พ.47 ธ.กลางเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตรา
ต่างประเทศของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นจำนวน 5.1 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ณ กลางเดือน ก.พ.47 โดยอยู่ที่จำนวน
162.6 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. จาก 157.5 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.เมื่อสิ้นเดือน ม.ค.47 ทั้งนี้ เนื่องจากค่า
เงินสกุลยูโรที่แข็งแกร่งส่งผลดีต่อมูลค่าสินทรัพย์สกุลยูโรที่เทียบค่าดอลลาร์ สรอ. รวมทั้งการลงทุนในเกาหลี
ใต้ที่ขยายตัวก็สนับสนุนให้ทุนสำรองเพิ่มขึ้นด้วย (รอยเตอร์)
6. น้ำมันดิบมีราคาสูงขึ้นหลังจาก OPEC ตกลงที่จะลดปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือนเม.ย.
รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 47 ราคาน้ำมันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากกลุ่ม
ประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (OPEC) ตัดสินใจลดปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือนเม.ย .47 ลงวันละ
ประมาณ 1 ล้านบาร์เรลอยู่ที่ระดับ 23.5 ล้านบาร์เรล เพื่อรักษาระดับราคาให้มีเสถียรภาพเนื่องจากปริมาณ
ความต้องการน้ำมันดิบในช่วงไตรมาสที่ 2 จะชะลอลง โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 1 เซนต์อยู่ที่ระดับ
30.58 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล หลังจากที่ปรับสูงขึ้นมากกว่า 1 ดอลลาร์ สรอ.ในสัปดาห์ก่อน OPEC ซึ่ง
ควบคุมน้ำมันถึงครึ่งหนึ่งของปริมาณการผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออกของโลก กล่าวว่าอาจจะลดปริมาณการผลิต
น้ำมันวันละ 1.5 ล้านบาร์เรลทันทีหากสมาชิกผลิตสูงกว่าที่กำหนดไว้ นอกจากนั้นประธานกลุ่ม OPEC ยังคง
เกรงว่าจะมีปริมาณน้ำมันส่วนเกินอีกและอาจจะพิจารณาลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีกทั้งนี้จะมีการประชุมกันอีก
ครั้งหนึ่งประมาณปลายเดือนมี.ค.นี้ และหากการลดปริมาณการผลิตในเดือนเม.ย. ไม่ได้ผลก็จะพิจารณาลด
ปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีกในเดือนพ.ค. ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบมีมูลค่าประมาณบาร์เรลละ 29.74 ดอลลาร์
สรอ. และสูงกว่าเป้าหมายมากที่สุดในรอบ 5 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้เมื่อเดือนที่แล้ว OPEC ผลิตน้ำมันวันละ
26.27 ล้านบาร์เรลสูงกว่าโควตาที่กำหนดไว้ และนำไปสู่การพิจารณาปรับลดปริมาณการผลิตในเดือนเม.ย.
47 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 16/2/47 13/2/47 31/12/46 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.925 39.622 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.7130/39.0057 39.4435/39.7378 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.8750 - 1.2800 1.2800 - 1.3000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 738.92/30.41 772.15/41.74 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,550/7,650 7,500/7,600 7,700/7,800 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 28.77 28.74 28.66 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 17.29*/14.39 ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ปี 46 บริษัทเอกชนระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 22.9% จากปีก่อน ธนาคารแห่ง
ประเทศไทย รายงานตัวเลขปริมาณการออกหลักทรัพย์ใหม่ระหว่างปี 2546 (ม.ค.-ธ.ค.) ว่า มีบริษัทผู้
ประกอบการจำนวนมากที่ระดมทุนด้วยการออกหลักทรัพย์ เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนและนักลงทุนทั่วไป แทน
การขอสินเชื่อจาก ธพ. โดยปริมาณการออกหลักทรัพย์ ณ สิ้นปี 46 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,055,000 ล.บาท เพิ่ม
ขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนถึง 22.9% โดยการออกหลักทรัพย์ของภาคเอกชนมีมูลค่าสูงสุด 672,300 ล.
บาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 45 ที่มีจำนวน 346,100 ล.บาท หรือเพิ่มขึ้น 94.2% (ผู้จัดการรายวัน)
2. ธพ.สนใจร่วมโครงการขยายบริการทางการเงินไปยังต่างจังหวัด ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่าย
กลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ ธปท.จัดสัมมนาเพื่อหารูป
แบบที่เหมาะสมในการขยายบริการทางการเงินของ ธพ.ไปยังต่างจังหวัดเมื่อปลายปี 46 และ ธปท.ได้เปิด
โอกาสให้ ธพ.ที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดย ธปท.จะให้ความช่วยเหลือทางด้านวิชาการนั้น
ล่าสุดมี ธพ.จำนวน 4-5 แห่ง แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการนำร่องกับ ธปท. โดยเรื่องที่ ธพ.
เสนอขอความช่วยเหลือจาก ธปท. ได้แก่ การจัดวิทยากรจากต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จในโครงการ
ดังกล่าวมาให้ความรู้ และการสร้างระบบฐานข้อมูล (ผู้จัดการรายวัน)
3. ก.คลังเชื่อมั่นว่ากองทุนรวมวายุภักษ์ 1 จะสามารถปันผลได้ประมาณ 9% ภายในปี 47 รม
ว.คลัง เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ติดตามผลการลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ทำให้มั่นใจว่าภายในปี 47
กองทุนรวมวายุภักษ์จะสามารถปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนได้ประมาณ 9% อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นอัตราผลตอบ
แทนที่สูงกว่าการฝากเงินกับ ธพ.ค่อนข้างมาก และเชื่อว่าจะสามารถปันผลในอัตราที่ค่อนข้างสูงไม่ต่ำกว่า 3 ปี
โดยในช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ได้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนที่เป็นรายย่อย (ประเภท ก) ไปแล้ว
30 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็น 3% ของมูลค่าหน่วยลงทุน สำหรับการจัดตั้งกองทุนรวมวายุภักษ์ 2 ขณะนี้
กำลังอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบ (โลกวันนี้, ไทยโพสต์)
4. รัฐบาลเตรียมตั้ง งปม.แบบสมดุลในปี48 แหล่งข่าวจากสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า สำนัก
งานงบประมาณจะเสนอกรอบ งปม.รายจ่ายประจำปี 48 วงเงิน 1,170,000 ล.บาท ต่อที่ประชุม ครม.
เพื่อพิจารณาในวันนี้ (17 ก.พ.47) โดยเป็นการจัดทำ งปม.แบบสมดุลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤติ
เศรษฐกิจปี 40 เร็วกว่ากำหนดเดิมที่รัฐบาลกำหนดเป้าหมายว่าจะจัดทำ งปม.แบบสมดุลในปี 51-52 เป็นผล
จากการขยายตัวของเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพอย่างต่อเนื่อง (กรุงเทพธุรกิจ)
5. การปรับเพิ่มของราคาวัสดุก่อสร้างส่งผลกระทบต่อต้นทุนราคาที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งหลังปี 47
กรรมการผู้จัดการบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟ็ค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การปรับราคาขายขึ้นของวัสดุ
ก่อสร้างหลัก เช่น เหล็ก ปูนซีเมนต์ ค่าถมดิน ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างโครงการบ้านจัดสรร ซึ่งคาด
ว่าราคาบ้านจัดสรรในครึ่งหลังของปี 47 จะปรับขึ้นประมาณ 5% ขณะที่คอนโดมิเนียมที่ใช้เหล็กเป็นวัสดุหลักใน
การก่อสร้าง จะปรับราคาขึ้นสูงกว่าราคาบ้านไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง
อนึ่ง รองเลขาธิการกลุ่มเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ล่าสุดราคาเหล็กปรับสูงขึ้นอีก 50%
เนื่องจากจีนยังมีความต้องการใช้เหล็กในปริมาณสูงมาก ทำให้ราคาเหล็กมีโอกาสจะปรับตัวสูงขึ้นได้อีก (ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ประธานาธิบดี สรอ. มีความเห็นว่า เศรษฐกิจยังเติบโตดี แม้จะมีปัญหาการว่างงานอยู่บ้าง
รายงานจากฟลอริดาเมื่อวันที่ 16 ก.พ.47 นายจอห์น เคอร์รี่ ผู้สมัครที่มีคะแนนนำคู่แข่งคนอื่นจากพรรคเด
โมแครตในการสมัครเป็นตัวแทนพรรคเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี สรอ. กล่าวหาประธานาธิบดี จอร์จ บุช
ของ สรอ. ว่า นับตั้งแต่ จอร์จ บุช เข้ารับตำแหน่ง เศรษฐกิจของประเทศเริ่มตกต่ำ มีคนตกงานในโรงงาน
เกือบ 2.8 ล้านคน ในขณะที่ จอร์จ บุช ยังคงตอกย้ำถึงความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของ สรอ. โดยกล่าว
ตอบโต้ว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตดี ยอดขายบ้านเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อและ
อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ มีคนได้งานทำเพิ่มขึ้น แต่ก็ยอมรับว่ายังคงมีปัญหาอยู่บ้าง อัตราเติบโตทาง
เศรษฐกิจหลายอย่างยังคงขึ้นอยู่กับจิตวิทยาในการตัดสินใจของประชาชน และไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าปัญหาใน
บางเรื่องยังคงไม่ชัดเจนนัก นอกจากนี้ ประธานาธิบดี จอร์จ บุช ยังเรียกร้องให้สภาคองเกรสลงมติให้
ความเห็นชอบนโยบายการตัดลดภาษีถาวรที่เขาเสนอไป แต่พรรคเดโมแครตกล่าวว่ามีแต่คนมีเงินเท่านั้นที่จะ
ได้ประโยชน์จากการตัดลดภาษีถาวร และจะทำให้ประเทศขาดดุลงบประมาณกว่า 500 พันล้านดอลลาร์
สรอ.(รอยเตอร์)
2. นักวิชาการประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปในปี 47 จะขยายตัวร้อยละ
2.0 รายงานจากกรุงบรัสเซลล์ เมื่อ 16 ก.พ.47 นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของยุโรป 8 คน ได้ประมาณการ
เติบโตทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปในปี 47 ว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.0 หลังจากที่ทรงตัวเมื่อปีก่อน
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์จาก The European Economic Advisory Group CESifo เห็นว่า การฟื้นตัว
ทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปในครั้งนี้ ค่อนข้างจะเปราะบาง ทั้งนี้เนื่องจากการฟื้นตัวดังกล่าวส่วน
ใหญ่ได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่เขตเศรษฐกิจยุโปรมีความเสี่ยงจากการแข่ง
ขันของค่าเงินยูโร ซึ่งนับเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ The European
Commission คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปในปี 47 จะขยายตัวร้อยละ 1.8 ขณะที่ ธ.
กลางยุโรปคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.6 โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาสำนักงานสถิติแห่งชาติยุโรปได้เปิดเผยว่า
เศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปในปี 46 ขยายตัวร้อยละ 0.4 นอกจากนี้ The Group CESifo ยังได้คาด
การณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อของยุโรปจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 1.8 ในปี 47 จากร้อยละ 2.1 ในปีก่อน รวมทั้งยังมี
ความเห็นเพิ่มเติมว่า การเพิ่มประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปจาก 15 ประเทศในปัจจุบันเป็น 25 ประเทศ
ในเดือน พ.ค.47 น่าจะก่อให้เกิดการลงทุนมากขึ้นในประเทศที่เป็นสมาชิกใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ปงระเทศ
ในกลุ่มยุโรปกลาง ซึ่งมีต้นทุนแรงงานที่ต่ำกว่า (รอยเตอร์)
3. ยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากส่งผลให้ยอดค้าปลีกในเดือน ธ.ค.46 ของสิงคโปร์ให้สูงขึ้น
รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 16 ก.พ.47 ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5.2 ในเดือน ธ.ค.46
จากเดือนก่อน อันเป็นผลจากการที่ชาวสิงคโปร์ตัดสินใจซื้อรถยนต์ก่อนที่ภาษีผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0
เป็นร้อยละ 5.0 ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.47 โดยยอดขายรถยนต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์จำนวน 81,259
คันในปี 46 สูงกว่ายอดขายสูงสุดในปี 44 ซึ่งมีจำนวน 67,158 คันหรือคิดเป็นร้อยละ 21 และส่งผลให้ยอด
ค้าปลีกในเดือน ธ.ค.46 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 9.7 เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่หากไม่รวมยอดขายรถยนต์แล้วยอดค้า
ปลีกในเดือน ธ.ค.46 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.9 จากเดือนก่อน และลดลงร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับปีก่อน
อย่างไรก็ตามการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนถึงร้อยละ 44 ของผลผลิตในประเทศ หรือ GDP ของสิงคโปร์
ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.8 ในปี 46 ขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดในบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้วในเอเชีย (รอยเตอร์)
4. รมต.คลังของเยอรมนีกล่าวว่าจีนควรใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเงินแบบยืดหยุ่น รายงานจา
กบราสซิลเลีย เมื่อ 16 ก.พ.47 รมต.คลังของเยอรมนีกล่าวในฐานะประธานของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม
และตลาดเปิดใหม่ 20 ประเทศ ซึ่งรวมจีนและ สรอ.ด้วยว่าจีนควรใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเงินแบบ
ยืดหยุ่นและ สรอ.ควรพยายามลดการขาดดุลการค้าและการขาดดุลงบประมาณให้ได้ในระยะกลาง รมต.คลัง
กล่าวหลังจากที่เงินยูโรแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.ซึ่งบรรดาผู้นำในเขตเศรษฐกิจ
ยุโรปรู้สึกว่าการใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ของจีนทำให้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศตนเลว
ลงเพราะทำให้สินค้าจากยุโรปมีราคาสูงกว่าประเทศอื่น ๆ ในตลาดโลก โดยล่าสุดเงินยูโรซื้อขายกันอยู่ที่
1.2765/70 ดอลลาร์ สรอ.ต่อยูโร ต่ำกว่าระดับสูงสุดที่ 1.29 ดอลลาร์ สรอ.ต่อยูโรเมื่อเดือนที่แล้วเพียง
เล็กน้อย (รอยเตอร์)
5. ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้ ณ กลางเดือน ก.พ.47 เพิ่มขึ้นจำนวน 5.1 พัน
ล.ดอลลาร์ สรอ. รายงานจากโซล เมื่อ 17 ก.พ.47 ธ.กลางเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตรา
ต่างประเทศของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นจำนวน 5.1 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ณ กลางเดือน ก.พ.47 โดยอยู่ที่จำนวน
162.6 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. จาก 157.5 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.เมื่อสิ้นเดือน ม.ค.47 ทั้งนี้ เนื่องจากค่า
เงินสกุลยูโรที่แข็งแกร่งส่งผลดีต่อมูลค่าสินทรัพย์สกุลยูโรที่เทียบค่าดอลลาร์ สรอ. รวมทั้งการลงทุนในเกาหลี
ใต้ที่ขยายตัวก็สนับสนุนให้ทุนสำรองเพิ่มขึ้นด้วย (รอยเตอร์)
6. น้ำมันดิบมีราคาสูงขึ้นหลังจาก OPEC ตกลงที่จะลดปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือนเม.ย.
รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 47 ราคาน้ำมันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากกลุ่ม
ประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (OPEC) ตัดสินใจลดปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือนเม.ย .47 ลงวันละ
ประมาณ 1 ล้านบาร์เรลอยู่ที่ระดับ 23.5 ล้านบาร์เรล เพื่อรักษาระดับราคาให้มีเสถียรภาพเนื่องจากปริมาณ
ความต้องการน้ำมันดิบในช่วงไตรมาสที่ 2 จะชะลอลง โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 1 เซนต์อยู่ที่ระดับ
30.58 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล หลังจากที่ปรับสูงขึ้นมากกว่า 1 ดอลลาร์ สรอ.ในสัปดาห์ก่อน OPEC ซึ่ง
ควบคุมน้ำมันถึงครึ่งหนึ่งของปริมาณการผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออกของโลก กล่าวว่าอาจจะลดปริมาณการผลิต
น้ำมันวันละ 1.5 ล้านบาร์เรลทันทีหากสมาชิกผลิตสูงกว่าที่กำหนดไว้ นอกจากนั้นประธานกลุ่ม OPEC ยังคง
เกรงว่าจะมีปริมาณน้ำมันส่วนเกินอีกและอาจจะพิจารณาลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีกทั้งนี้จะมีการประชุมกันอีก
ครั้งหนึ่งประมาณปลายเดือนมี.ค.นี้ และหากการลดปริมาณการผลิตในเดือนเม.ย. ไม่ได้ผลก็จะพิจารณาลด
ปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีกในเดือนพ.ค. ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบมีมูลค่าประมาณบาร์เรลละ 29.74 ดอลลาร์
สรอ. และสูงกว่าเป้าหมายมากที่สุดในรอบ 5 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้เมื่อเดือนที่แล้ว OPEC ผลิตน้ำมันวันละ
26.27 ล้านบาร์เรลสูงกว่าโควตาที่กำหนดไว้ และนำไปสู่การพิจารณาปรับลดปริมาณการผลิตในเดือนเม.ย.
47 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 16/2/47 13/2/47 31/12/46 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.925 39.622 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.7130/39.0057 39.4435/39.7378 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.8750 - 1.2800 1.2800 - 1.3000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 738.92/30.41 772.15/41.74 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,550/7,650 7,500/7,600 7,700/7,800 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 28.77 28.74 28.66 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 17.29*/14.39 ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-