นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการจะทำเขตการค้าเสรีไทย-สหรัฐฯ ว่า จากการประชุมผู้นำเอเปค เมื่อเดือนตุลาคม 2546 ที่สหรัฐฯและไทยได้ประกาศว่าจะทำเขตการค้าเสรีระหว่างกัน ซึ่งตามขั้นตอนของสหรัฐฯ ก่อนเริ่มการเจรจา ฝ่ายบริหารจะต้องแจ้งรัฐสภาก่อนและให้เวลาแก่สมาชิกรัฐสภาเป็นเวลา 90 วัน ในการให้ข้อคิดเห็นในประเด็นต่างๆ และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายโรเบิร์ต โซลิค (Mr. Robert Zoellick) หัวหน้าคณะผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative : USTR) ได้มีหนังสือถึงรัฐสภาสหรัฐฯแสดงเจตจำนงที่จะทำเขตการค้าเสรี (Free Trade Area : FTA ) กับไทย ซึ่งคาดวจะเริ่มเจรจาได้ในช่วง เดือนมิถุนายน ศกนี้ โดย ประเด็นที่หัวหน้าคณะผู้แทนการค้าสหรัฐฯให้ความสำคัญที่จะเจรจากับไทย คือ เรื่องการลดภาษีสินค้า การจัดทำกฎแหล่งกำเนิดสินค้า มาตรการด้านสุขอนามัย อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า ทรัพย์สินทางปัญญา การค้าบริการ การลงทุน พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ นโยบายการแข่งขัน สิ่งแวดล้อม แรงงาน เป็นต้น
นางอภิรดี ได้กล่าวถึงความสำคัญของการทำเขตการค้าเสรีระหว่างไทย-สหรัฐฯว่า สหรัฐฯเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญอันดับ 2 ของไทยและเป็นประเทศที่ไทยส่งสินค้าไปขายเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งมีมูลค่าการค้าในแต่ละปีสูงเกือบ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยไทยส่งสินค้าไปสหรัฐฯเป็นมูลค่ากว่า 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีมูลค่าการนำเข้าจากสหรัฐฯประมาณ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนด้านการลงทุน สหรัฐฯมีการลงทุนโดยตรงในไทยประมาณ 16 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ดังนั้น การทำ FTA กับสหรัฐฯจะส่งผลให้มีการเปิดตลาดสินค้าส่งออกของไทยและมีการโยกย้ายฐานการลงทุนมาสู่ประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถเป็นศูนย์การลงทุนของภูมิภาคด้วย
“สำหรับการเตรียมการฝ่ายไทย ได้มีการเตรียมความพร้อมเรื่องท่าทีไทย ในเรื่องต่างๆ โดยได้มีการประชุมหารือกับภาครัฐฯ เอกชน อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้เปิดโอกาสให้สาธารณชนแสดงข้อคิดเห็น โดยสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีแบบฟอร์มแสดงความคิดเห็นที่จัดให้ไว้ หรือสามารถแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะผ่านทาง website ที่ www.dtn.moc.go.th ซึ่งในการเจรจา ไทยจะผลักดันให้สหรัฐฯลดภาษีให้กับสินค้าไทยทันที เช่น อัญมณี เครื่องประดับ เครื่องหนัง เกษตรแปรรูป อาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น รวมทั้งการแก้ปัญหาเรื่องมาตรการด้านสุขอนามัยสินค้าเกษตร เช่น เนื้อไก่แช่เย็นแช่แข็ง ผลไม้สด ถั่วลิสง เป็นต้น และมาตรฐานสินค้า เพื่อให้สินค้าของไทยสามารถเข้าตลาดสหรัฐฯได้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ หรือ กนศ. ได้แต่งตั้งให้นายนิตย์ พิบูลสงคราม เป็นหัวหน้าคณะเจรจาเขตการค้าเสรีไทย-สหรัฐฯ” อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกล่าว
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (66) 2282-6171-9 แฟกซ์ (66) 2280-0775--จบ--
-พห-
นางอภิรดี ได้กล่าวถึงความสำคัญของการทำเขตการค้าเสรีระหว่างไทย-สหรัฐฯว่า สหรัฐฯเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญอันดับ 2 ของไทยและเป็นประเทศที่ไทยส่งสินค้าไปขายเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งมีมูลค่าการค้าในแต่ละปีสูงเกือบ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยไทยส่งสินค้าไปสหรัฐฯเป็นมูลค่ากว่า 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีมูลค่าการนำเข้าจากสหรัฐฯประมาณ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนด้านการลงทุน สหรัฐฯมีการลงทุนโดยตรงในไทยประมาณ 16 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ดังนั้น การทำ FTA กับสหรัฐฯจะส่งผลให้มีการเปิดตลาดสินค้าส่งออกของไทยและมีการโยกย้ายฐานการลงทุนมาสู่ประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถเป็นศูนย์การลงทุนของภูมิภาคด้วย
“สำหรับการเตรียมการฝ่ายไทย ได้มีการเตรียมความพร้อมเรื่องท่าทีไทย ในเรื่องต่างๆ โดยได้มีการประชุมหารือกับภาครัฐฯ เอกชน อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้เปิดโอกาสให้สาธารณชนแสดงข้อคิดเห็น โดยสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีแบบฟอร์มแสดงความคิดเห็นที่จัดให้ไว้ หรือสามารถแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะผ่านทาง website ที่ www.dtn.moc.go.th ซึ่งในการเจรจา ไทยจะผลักดันให้สหรัฐฯลดภาษีให้กับสินค้าไทยทันที เช่น อัญมณี เครื่องประดับ เครื่องหนัง เกษตรแปรรูป อาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น รวมทั้งการแก้ปัญหาเรื่องมาตรการด้านสุขอนามัยสินค้าเกษตร เช่น เนื้อไก่แช่เย็นแช่แข็ง ผลไม้สด ถั่วลิสง เป็นต้น และมาตรฐานสินค้า เพื่อให้สินค้าของไทยสามารถเข้าตลาดสหรัฐฯได้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ หรือ กนศ. ได้แต่งตั้งให้นายนิตย์ พิบูลสงคราม เป็นหัวหน้าคณะเจรจาเขตการค้าเสรีไทย-สหรัฐฯ” อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกล่าว
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (66) 2282-6171-9 แฟกซ์ (66) 2280-0775--จบ--
-พห-