กรุงเทพ--20 ก.พ.--กระทรวงการต่างประเทศ
คำแปลคำกล่าวของ ดร. สรจักร เกษมสุวรรณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ในโอกาสการฉายภาพยนตร์รอบพิเศษ เรื่อง “โหมโรง” วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2547 ณ โรงภาพยนตร์เฉลิมกรุง
ฯพณฯ ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและคุณหญิงฯพณฯ นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมฯพณฯ เอกอัครราชทูต ท่านกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ท่านผู้แทนองค์การระหว่างประเทศผู้มีเกียรติทุกท่าน
ในนามของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงวัฒนธรรม ผมขอต้อนรับท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะทูตานุทูตที่ได้มาร่วมชมการฉายภาพยนตร์รอบพิเศษเรื่อง “โหมโรง” ในค่ำคืนนี้ และเป็นครั้งแรกที่กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงวัฒนธรรมได้ร่วมมือกันจัดงานในลักษณะนี้ขึ้น เราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจากการสนับสนุนที่อบอุนจากทุกท่านเช่นคืนนี้ ทั้งสองกระทรวงฯ จะได้ร่วมมือกันจัดกิจกรรมอื่น ๆ ในโอกาสต่อไปอีก
บางท่านอาจจะมีคำถามว่าทำไมเราถึงเลือกภาพยนตร์เรื่อง “โหมโรง” ให้เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างสองกระทรวงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่าง ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและ ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยข้าราชการระดับสูงของทั้งสองกระทรวงฯ เพื่อที่จะกำหนดทิศทางในการจัดทำแผนปฏิบัติการในการดำเนินนโยบาย “การทูตวัฒนธรรม” ซึ่งในคืนก่อนหน้าที่จะมีการประชุม ผมได้มีโอกาสไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ และมีความประทับใจอย่างล้นเหลือ จนอาจกล่าวได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานชิ้นเอก
เรื่องหนึ่งของวงการภาพยนตร์ไทย ซึ่งมีความสมบูรณ์แบบทั้งในด้านการจัดสร้าง และสามารถสะท้อนศิลปวัฒนธรรมไทยทางด้านดนตรีที่ชาวไทยมีความภาคภูมิใจในศิลปะแขนงนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงทำหน้าที่สื่อความหมายและแสดงให้เห็นถึงมรดกทางวัฒนธรรมไทยได้อย่างดีเยี่ยม
ในโลกแห่งยุคโลกาภิวัตน์ผมจึงได้ถ่ายทอดความรู้สึกประทับใจอย่างเต็มเปี่ยมนี้ให้ผู้บังคับบัญชาของผมดร. สุรเกียรติ์ฯ ทราบโดยทันที และท่านก็ได้กรุณาให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในวิจารณญาณของผมในการเลือกชมภาพยนตร์ ดังนั้น ในการประชุมร่วมกันระหว่างกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงวัฒนธรรมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ฯพณฯ ดร. สุรเกียรติ์ฯ จึงไม่รีรอที่จะเสนอการฉายภาพยนตร์รอบพิเศษในวันนี้กับ ฯพณฯ รัฐมนตรี อนุรักษ์ฯ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับด้วยดี เนื่องจาก ฯพณฯ รัฐมนตรี อนุรักษ์ฯ ได้ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้มาแล้วเช่นกัน และเห็นพ้องกับข้อเสนอดังกล่าว ผมจึงใคร่ขอขอบคุณ ฯพณฯ รัฐมนตรีทั้งสองท่านที่เห็นคุณค่าของภาพยนตร์ที่ทำหน้าที่สื่อความหมายของ “การทูตวัฒนธรรม” พร้อมทั้งใคร่ขอขอบคุณ ฯพณฯ รัฐมนตรีทั้งสองและคุณหญิงสุธาวัลย์ เสถียรไทย ที่ได้กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในการชมภาพยนตร์ในค่ำคืนนี้ด้วย
ฯพณฯ สุภาพบุรุษ และสุภาพสตรีทุกท่านในฐานะที่ผมมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อภาพยนตร์ไทยมาเกือบ 40 ปีผมจึงอยากกล่าวอะไรสักเล็กน้อยเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันของภาพยนตร์ไทย แต่เพื่อมิให้เป็นการรบกวนเวลาของท่าน เพราะหลังจาก 103 นาทีจากนี้ไป ซึ่งจะผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก ผมมั่นใจอย่างยิ่งว่าท่านจะทราบด้วยตนเองถึงสถานะของภาพยนตร์ไทยมากไปกว่าคำพูดใด ๆ ของผมอย่างไรก็ตาม ผมใคร่ขอกล่าวสักเล็กน้อยเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งเป็นเรื่องของชายหนุ่มคนหนึ่งในยุคปลายคริสต์ศตวรรษที่ 1800 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 1900 ผู้ซึ่งมีความหลงไหลในดนตรีไทยและมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นนักดนตรีเอก โดยการเล่นเครื่องดนตรีไทยที่เรียกว่า “ระนาด” ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิตของ “หลวงประดิษฐ์ไพเราะ” ซึ่งเป็นนักดนตรีไทยที่มีความสามารถที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่แล้ว หลวงประดิษฐ์ไพเราะมีชีวิตระหว่างปี ค.ศ. 1881 ถึง ค.ศ. 1954 ท่านได้รับราชการเป็นนักดนตรีในราชสำนักถึง 3 รัชกาล คือ รัชสมัยของรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และรัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวท่านไม่เพียงแต่จะเป็นนักดนตรีระนาดเท่านั้น แต่ยังสามารถเล่นเครื่องดนตรีไทยชนิดอื่น ๆ ได้ดีอีกด้วย ท่านหลวงประดิษฐ์ไพเราะจึงถือว่าเป็นตำนานฉากหนึ่งในประวัติศาสตร์ดนตรีไทย และผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่ลูกหลานของท่านก็ได้มาอยู่ร่วมกับพวกเราในค่ำคืนนี้ด้วย
ภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมกันจัดสร้างโดย ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล และคุณนนทรีย์ นิมิบุตร ม.จ.ชาตรีเฉลิมฯ ทรงเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ และนอกจากจะมีผลงานภาพยนตร์มากกว่าสิบเรื่องเล้ว ท่านยังเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ประวัติศาสตร์เรื่องสำคัญคือ “สุริโยทัย” อีกด้วย คุณนนทรีย์ นิมิบุตร ก็เป็นผู้กำกับที่มีฝีมือในระดับนานาชาติเช่นกัน ซึ่งภาพยนตร์ทุกเรื่องของคุณนนทรีย์ฯ ก็ได้รับการคัดเลือกให้ร่วมฉายในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติครั้งสำคัญทั่วโลก สำหรับคุณอิทธิสุนทร วิชัยลักษณ์ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “โหมโรง” นี้ก็กำลังเป็นดาวรุ่งในวงการภาพยนตร์ไทย เนื่องจากการจัดฉายภาพยนตร์รอบพิเศษในคืนนี้เป็นการเริ่มต้นการจัดกิจกรรมการทูตวัฒนธรรม ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงวัฒนธรรม และรัฐมนตรีว่าการของทั้ง 2 กระทรวงร่วมเป็นเจ้าภาพ ผมจึงขอถือโอกาสนี้เชิญคุณวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรมกล่าวเล็กน้อยในนามของกระทรวงวัฒนธรรม
ก่อนที่จะเริ่มชมภาพยนตร์กัน ผมใคร่ขอแนะนำคณะผู้จัดสร้างภาพยนตร์ “โหมโรง” บนเวทีนี้ด้วย ลำดับแรกขอทูลเชิญ ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล และหม่อมกมลา ยุคล ผู้อำนวยการสร้างร่วม คุณสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ประธานบริษัทสหมงคลฟิล์ม และนายกสมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ คุณนนทรีย์ นิมิบุตร ผู้อำนวยการสร้างร่วม คุณอิทธิสุนทร วิชัยลักษณ์ ผู้กำกับการแสดง และนักแสดงนำทั้งสองท่าน คุณอดุลย์ ดุลย์รัตน์ คุณอนุชิต สพันธ์พงษ์บางที ม.จ.ชาตรีเฉลิมฯ อาจจะอยากกล่าวอะไรสักเล็กน้อย
ด้วยความมุ่งมั่นและความสามารถของบุคคลเหล่านี้จึงนำไปสู่ความสำเร็จและความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ซึ่งเราจะได้เห็นประจักษ์ในอีกสักครู่สุดท้ายนี้ ผมใคร่ขอขอบคุณ ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายอนุรักษ์ จุรีมาศ อีกครั้ง รวมทั้งทุกท่านที่ได้มาชมภาพยนตร์และให้การสนับสนุนภาพยนตร์ไทยในค่ำคืนนี้ ขอบคุณมากและหวังว่าคงได้รับความบันเทิงจากภาพยนตร์เรื่องนี้
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
คำแปลคำกล่าวของ ดร. สรจักร เกษมสุวรรณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ในโอกาสการฉายภาพยนตร์รอบพิเศษ เรื่อง “โหมโรง” วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2547 ณ โรงภาพยนตร์เฉลิมกรุง
ฯพณฯ ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและคุณหญิงฯพณฯ นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมฯพณฯ เอกอัครราชทูต ท่านกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ท่านผู้แทนองค์การระหว่างประเทศผู้มีเกียรติทุกท่าน
ในนามของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงวัฒนธรรม ผมขอต้อนรับท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะทูตานุทูตที่ได้มาร่วมชมการฉายภาพยนตร์รอบพิเศษเรื่อง “โหมโรง” ในค่ำคืนนี้ และเป็นครั้งแรกที่กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงวัฒนธรรมได้ร่วมมือกันจัดงานในลักษณะนี้ขึ้น เราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจากการสนับสนุนที่อบอุนจากทุกท่านเช่นคืนนี้ ทั้งสองกระทรวงฯ จะได้ร่วมมือกันจัดกิจกรรมอื่น ๆ ในโอกาสต่อไปอีก
บางท่านอาจจะมีคำถามว่าทำไมเราถึงเลือกภาพยนตร์เรื่อง “โหมโรง” ให้เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างสองกระทรวงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่าง ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและ ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยข้าราชการระดับสูงของทั้งสองกระทรวงฯ เพื่อที่จะกำหนดทิศทางในการจัดทำแผนปฏิบัติการในการดำเนินนโยบาย “การทูตวัฒนธรรม” ซึ่งในคืนก่อนหน้าที่จะมีการประชุม ผมได้มีโอกาสไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ และมีความประทับใจอย่างล้นเหลือ จนอาจกล่าวได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานชิ้นเอก
เรื่องหนึ่งของวงการภาพยนตร์ไทย ซึ่งมีความสมบูรณ์แบบทั้งในด้านการจัดสร้าง และสามารถสะท้อนศิลปวัฒนธรรมไทยทางด้านดนตรีที่ชาวไทยมีความภาคภูมิใจในศิลปะแขนงนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงทำหน้าที่สื่อความหมายและแสดงให้เห็นถึงมรดกทางวัฒนธรรมไทยได้อย่างดีเยี่ยม
ในโลกแห่งยุคโลกาภิวัตน์ผมจึงได้ถ่ายทอดความรู้สึกประทับใจอย่างเต็มเปี่ยมนี้ให้ผู้บังคับบัญชาของผมดร. สุรเกียรติ์ฯ ทราบโดยทันที และท่านก็ได้กรุณาให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในวิจารณญาณของผมในการเลือกชมภาพยนตร์ ดังนั้น ในการประชุมร่วมกันระหว่างกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงวัฒนธรรมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ฯพณฯ ดร. สุรเกียรติ์ฯ จึงไม่รีรอที่จะเสนอการฉายภาพยนตร์รอบพิเศษในวันนี้กับ ฯพณฯ รัฐมนตรี อนุรักษ์ฯ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับด้วยดี เนื่องจาก ฯพณฯ รัฐมนตรี อนุรักษ์ฯ ได้ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้มาแล้วเช่นกัน และเห็นพ้องกับข้อเสนอดังกล่าว ผมจึงใคร่ขอขอบคุณ ฯพณฯ รัฐมนตรีทั้งสองท่านที่เห็นคุณค่าของภาพยนตร์ที่ทำหน้าที่สื่อความหมายของ “การทูตวัฒนธรรม” พร้อมทั้งใคร่ขอขอบคุณ ฯพณฯ รัฐมนตรีทั้งสองและคุณหญิงสุธาวัลย์ เสถียรไทย ที่ได้กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในการชมภาพยนตร์ในค่ำคืนนี้ด้วย
ฯพณฯ สุภาพบุรุษ และสุภาพสตรีทุกท่านในฐานะที่ผมมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อภาพยนตร์ไทยมาเกือบ 40 ปีผมจึงอยากกล่าวอะไรสักเล็กน้อยเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันของภาพยนตร์ไทย แต่เพื่อมิให้เป็นการรบกวนเวลาของท่าน เพราะหลังจาก 103 นาทีจากนี้ไป ซึ่งจะผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก ผมมั่นใจอย่างยิ่งว่าท่านจะทราบด้วยตนเองถึงสถานะของภาพยนตร์ไทยมากไปกว่าคำพูดใด ๆ ของผมอย่างไรก็ตาม ผมใคร่ขอกล่าวสักเล็กน้อยเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งเป็นเรื่องของชายหนุ่มคนหนึ่งในยุคปลายคริสต์ศตวรรษที่ 1800 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 1900 ผู้ซึ่งมีความหลงไหลในดนตรีไทยและมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นนักดนตรีเอก โดยการเล่นเครื่องดนตรีไทยที่เรียกว่า “ระนาด” ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิตของ “หลวงประดิษฐ์ไพเราะ” ซึ่งเป็นนักดนตรีไทยที่มีความสามารถที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่แล้ว หลวงประดิษฐ์ไพเราะมีชีวิตระหว่างปี ค.ศ. 1881 ถึง ค.ศ. 1954 ท่านได้รับราชการเป็นนักดนตรีในราชสำนักถึง 3 รัชกาล คือ รัชสมัยของรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และรัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวท่านไม่เพียงแต่จะเป็นนักดนตรีระนาดเท่านั้น แต่ยังสามารถเล่นเครื่องดนตรีไทยชนิดอื่น ๆ ได้ดีอีกด้วย ท่านหลวงประดิษฐ์ไพเราะจึงถือว่าเป็นตำนานฉากหนึ่งในประวัติศาสตร์ดนตรีไทย และผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่ลูกหลานของท่านก็ได้มาอยู่ร่วมกับพวกเราในค่ำคืนนี้ด้วย
ภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมกันจัดสร้างโดย ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล และคุณนนทรีย์ นิมิบุตร ม.จ.ชาตรีเฉลิมฯ ทรงเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ และนอกจากจะมีผลงานภาพยนตร์มากกว่าสิบเรื่องเล้ว ท่านยังเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ประวัติศาสตร์เรื่องสำคัญคือ “สุริโยทัย” อีกด้วย คุณนนทรีย์ นิมิบุตร ก็เป็นผู้กำกับที่มีฝีมือในระดับนานาชาติเช่นกัน ซึ่งภาพยนตร์ทุกเรื่องของคุณนนทรีย์ฯ ก็ได้รับการคัดเลือกให้ร่วมฉายในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติครั้งสำคัญทั่วโลก สำหรับคุณอิทธิสุนทร วิชัยลักษณ์ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “โหมโรง” นี้ก็กำลังเป็นดาวรุ่งในวงการภาพยนตร์ไทย เนื่องจากการจัดฉายภาพยนตร์รอบพิเศษในคืนนี้เป็นการเริ่มต้นการจัดกิจกรรมการทูตวัฒนธรรม ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงวัฒนธรรม และรัฐมนตรีว่าการของทั้ง 2 กระทรวงร่วมเป็นเจ้าภาพ ผมจึงขอถือโอกาสนี้เชิญคุณวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรมกล่าวเล็กน้อยในนามของกระทรวงวัฒนธรรม
ก่อนที่จะเริ่มชมภาพยนตร์กัน ผมใคร่ขอแนะนำคณะผู้จัดสร้างภาพยนตร์ “โหมโรง” บนเวทีนี้ด้วย ลำดับแรกขอทูลเชิญ ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล และหม่อมกมลา ยุคล ผู้อำนวยการสร้างร่วม คุณสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ประธานบริษัทสหมงคลฟิล์ม และนายกสมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ คุณนนทรีย์ นิมิบุตร ผู้อำนวยการสร้างร่วม คุณอิทธิสุนทร วิชัยลักษณ์ ผู้กำกับการแสดง และนักแสดงนำทั้งสองท่าน คุณอดุลย์ ดุลย์รัตน์ คุณอนุชิต สพันธ์พงษ์บางที ม.จ.ชาตรีเฉลิมฯ อาจจะอยากกล่าวอะไรสักเล็กน้อย
ด้วยความมุ่งมั่นและความสามารถของบุคคลเหล่านี้จึงนำไปสู่ความสำเร็จและความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ซึ่งเราจะได้เห็นประจักษ์ในอีกสักครู่สุดท้ายนี้ ผมใคร่ขอขอบคุณ ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายอนุรักษ์ จุรีมาศ อีกครั้ง รวมทั้งทุกท่านที่ได้มาชมภาพยนตร์และให้การสนับสนุนภาพยนตร์ไทยในค่ำคืนนี้ ขอบคุณมากและหวังว่าคงได้รับความบันเทิงจากภาพยนตร์เรื่องนี้
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-