ภาวะอุตสาหกรรมปิโตรเคมี (Petrochemical Industry)
ปี 2546 อุตสาหกรรมปิโตรเคมีอยู่ในวัฏจักรขาขึ้น อันเป็นผลจากการบริโภคภายในประเทศที่ขยายตัว รวมทั้งการส่งออกไปยังประเทศจีนจำนวนมาก ผู้ผลิตยังคงมีแผนขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น บริษัท อินโดรา ปิโตรเคม จำกัด เพิ่งได้รับการส่งเสริมจาก BOI เมื่อเดือนกันยายน 2546 ในการผลิต PTA กำลังผลิต 704 พันตันต่อปี ภายในนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย จังหวัดระยอง , กลุ่มปูนซีเมนต์ไทยมีแผนขยายกำลังผลิต MMA จาก 70 พันตันต่อปี เป็น 90 พันตันต่อปี และขยายการผลิต PTA จาก 800 พันตันต่อปี เป็น 900 พันตันต่อปี เป็นต้น
การผลิต
ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2546 ผู้ผลิตมีการใช้กำลังการผลิตเกือบเต็มที่ ทั้งนี้ ไม่มีโรงงานใดปิดเพื่อการซ่อมบำรุงในช่วงดังกล่าวเลย
การตลาด
การนำเข้า
ไตรมาส 4 ปี 2546 การนำเข้าปิโตรเคมีขั้นต้นมีมูลค่า 1,157.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 57.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วและเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 238.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปิโตรเคมีขั้นกลางมีมูลค่านำเข้า 7,726.9 ล้านบาทลดลงร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนเม็ดพลาสติกมีมูลค่านำเข้า 10,088.2 ล้านบาทลดลงร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แหล่งนำเข้าสำคัญได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ เป็นต้นเมื่อพิจารณาเม็ดพลาสติกหลักของประเทศไทย พบว่า ไตรมาส 4 ปี 2546 เม็ดพลาสติกที่มีการนำเข้ามากที่สุดคือ PE โดยมีปริมาณนำเข้า 46,094.9 ตัน ลดลงร้อยละ 4.12 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว ซึ่งมีปริมาณเท่ากับ 48,077.2 ตัน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.93 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แหล่งนำเข้า PE ที่สำคัญได้แก่ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับอิมิเรสต์ สหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้ เป็นต้น
ปิโตรเคมี มูลค่านำเข้า (ล้านบาท) เปลี่ยนแปลง (ร้อยละ)
Q4/2545 Q3/2546 Q4/2546 เทียบกับไตรมาสที่แล้ว เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ขั้นต้น 486.0 736.0 1,157.2 57.2 238.1
ขั้นกลาง 7,685.0 7,986.0 7,726.9 -3.2 0.5
ขั้นปลาย 9,325.0 10,368.9 10,088.2 -2.7 8.1
ที่มา : ข้อมูลจากกรมศุลกากร
การส่งออก
ไตรมาส 4 ปี 2546 การส่งออกปิโตรขั้นต้นมีมูลค่าส่งออก 4,164.0 ล้านบาท ลดลงถึงร้อยละ 20.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปิโตรเคมีขั้นกลางมีมูลค่าส่งออก 1,643.5 ล้านบาท ลดลงถึงร้อยละ 46.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และลดลงถึง ร้อยละ 57.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนเม็ดพลาสติกมีมูลค่าส่งออก 22,923.1 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วและเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ภาพรวมการส่งออกเม็ดพลาสติกในไตรมาส 4 ปี 2546 พบว่า การส่งออกเม็ดพลาสติกหลักของประเทศมีปริมาณ 763,233 ตัน โดยเม็ดพลาสติกที่มีปริมาณส่งออกสูงสุด 4 อันดับแรกได้แก่ PE, PP , PVC และ PC ตลาดส่งออกหลักยังคงเป็นประเทศจีน (รวมฮ่องกง)
ปิโตรเคมี มูลค่าส่งออก (ล้านบาท) เปลี่ยนแปลง (ร้อยละ)
Q4/2545 Q3/2546 Q4/2546 เทียบกับไตรมาสที่แล้ว เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ขั้นต้น 3,952.0 5,228.0 4,164.0 -20.3 5.3
ขั้นกลาง 3,850.0 3,087.2 1,643.5 -46.7 -57.3
ขั้นปลาย 19,892.0 21,574.5 22,923.1 6.2 15.2
ที่มา : ข้อมูลจากกรมศุลกากร
ราคา
ไตรมาส 4 ปี 2546 ราคาแนฟทาเอเซีย ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามราคาน้ำมันดิบและความต้องการแนฟทาที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาเอทิลีนในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคามาบตาพุด (Map Ta Phut Formula Price) ในเดือนตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม อยู่ที่ระดับ 22.17 22.92 และ 23.91 บาทต่อกิโลกรัม (ราคาเฉลี่ย) ส่วนราคาจำหน่ายเม็ดพลาสติกกลุ่มโอเลฟินส์ (ราคาเฉลี่ย SE Asia CIF) ในเดือนธันวาคม 2546 ของ LDPE, HDPE และ PP (Blown Film) อยู่ที่ระดับ 31.05, 28.85 และ 28.99 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากราคาเฉลี่ยในเดือนกันยายน 2546 ที่ระดับ 28.56, 25.46 และ 29.27 บาทต่อกิโลกรัม ตามลำดับ
--ศูนย์ประสานการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โทร. 0-2202-4375 , 0-2644-8604--
-พห-
ปี 2546 อุตสาหกรรมปิโตรเคมีอยู่ในวัฏจักรขาขึ้น อันเป็นผลจากการบริโภคภายในประเทศที่ขยายตัว รวมทั้งการส่งออกไปยังประเทศจีนจำนวนมาก ผู้ผลิตยังคงมีแผนขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น บริษัท อินโดรา ปิโตรเคม จำกัด เพิ่งได้รับการส่งเสริมจาก BOI เมื่อเดือนกันยายน 2546 ในการผลิต PTA กำลังผลิต 704 พันตันต่อปี ภายในนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย จังหวัดระยอง , กลุ่มปูนซีเมนต์ไทยมีแผนขยายกำลังผลิต MMA จาก 70 พันตันต่อปี เป็น 90 พันตันต่อปี และขยายการผลิต PTA จาก 800 พันตันต่อปี เป็น 900 พันตันต่อปี เป็นต้น
การผลิต
ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2546 ผู้ผลิตมีการใช้กำลังการผลิตเกือบเต็มที่ ทั้งนี้ ไม่มีโรงงานใดปิดเพื่อการซ่อมบำรุงในช่วงดังกล่าวเลย
การตลาด
การนำเข้า
ไตรมาส 4 ปี 2546 การนำเข้าปิโตรเคมีขั้นต้นมีมูลค่า 1,157.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 57.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วและเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 238.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปิโตรเคมีขั้นกลางมีมูลค่านำเข้า 7,726.9 ล้านบาทลดลงร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนเม็ดพลาสติกมีมูลค่านำเข้า 10,088.2 ล้านบาทลดลงร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แหล่งนำเข้าสำคัญได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ เป็นต้นเมื่อพิจารณาเม็ดพลาสติกหลักของประเทศไทย พบว่า ไตรมาส 4 ปี 2546 เม็ดพลาสติกที่มีการนำเข้ามากที่สุดคือ PE โดยมีปริมาณนำเข้า 46,094.9 ตัน ลดลงร้อยละ 4.12 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว ซึ่งมีปริมาณเท่ากับ 48,077.2 ตัน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.93 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แหล่งนำเข้า PE ที่สำคัญได้แก่ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับอิมิเรสต์ สหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้ เป็นต้น
ปิโตรเคมี มูลค่านำเข้า (ล้านบาท) เปลี่ยนแปลง (ร้อยละ)
Q4/2545 Q3/2546 Q4/2546 เทียบกับไตรมาสที่แล้ว เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ขั้นต้น 486.0 736.0 1,157.2 57.2 238.1
ขั้นกลาง 7,685.0 7,986.0 7,726.9 -3.2 0.5
ขั้นปลาย 9,325.0 10,368.9 10,088.2 -2.7 8.1
ที่มา : ข้อมูลจากกรมศุลกากร
การส่งออก
ไตรมาส 4 ปี 2546 การส่งออกปิโตรขั้นต้นมีมูลค่าส่งออก 4,164.0 ล้านบาท ลดลงถึงร้อยละ 20.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปิโตรเคมีขั้นกลางมีมูลค่าส่งออก 1,643.5 ล้านบาท ลดลงถึงร้อยละ 46.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และลดลงถึง ร้อยละ 57.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนเม็ดพลาสติกมีมูลค่าส่งออก 22,923.1 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วและเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ภาพรวมการส่งออกเม็ดพลาสติกในไตรมาส 4 ปี 2546 พบว่า การส่งออกเม็ดพลาสติกหลักของประเทศมีปริมาณ 763,233 ตัน โดยเม็ดพลาสติกที่มีปริมาณส่งออกสูงสุด 4 อันดับแรกได้แก่ PE, PP , PVC และ PC ตลาดส่งออกหลักยังคงเป็นประเทศจีน (รวมฮ่องกง)
ปิโตรเคมี มูลค่าส่งออก (ล้านบาท) เปลี่ยนแปลง (ร้อยละ)
Q4/2545 Q3/2546 Q4/2546 เทียบกับไตรมาสที่แล้ว เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ขั้นต้น 3,952.0 5,228.0 4,164.0 -20.3 5.3
ขั้นกลาง 3,850.0 3,087.2 1,643.5 -46.7 -57.3
ขั้นปลาย 19,892.0 21,574.5 22,923.1 6.2 15.2
ที่มา : ข้อมูลจากกรมศุลกากร
ราคา
ไตรมาส 4 ปี 2546 ราคาแนฟทาเอเซีย ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามราคาน้ำมันดิบและความต้องการแนฟทาที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาเอทิลีนในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคามาบตาพุด (Map Ta Phut Formula Price) ในเดือนตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม อยู่ที่ระดับ 22.17 22.92 และ 23.91 บาทต่อกิโลกรัม (ราคาเฉลี่ย) ส่วนราคาจำหน่ายเม็ดพลาสติกกลุ่มโอเลฟินส์ (ราคาเฉลี่ย SE Asia CIF) ในเดือนธันวาคม 2546 ของ LDPE, HDPE และ PP (Blown Film) อยู่ที่ระดับ 31.05, 28.85 และ 28.99 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากราคาเฉลี่ยในเดือนกันยายน 2546 ที่ระดับ 28.56, 25.46 และ 29.27 บาทต่อกิโลกรัม ตามลำดับ
--ศูนย์ประสานการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โทร. 0-2202-4375 , 0-2644-8604--
-พห-