กรุงเทพ--23 ก.พ.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2547 ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังชมภาพยนตร์เรื่อง "โหมโรง"ที่โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมร่วมเป็นประธานจัดฉายภาพยนตร์ดังกล่าวรอบพิเศษ โดยเชิญเอกอัครราชทูตต่างประเทศ และตัวแทนองค์การระหว่างประเทศประจำประเทศไทยมาชมภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว สรุปได้ดังนี้
1. ภายหลังชมภาพยนตร์เรื่องโหมโรงแล้ว ขอแสดงความชื่นชมเพราะเป็น ภาพยนตร์ที่ได้สะท้อนความเป็นไทยทั้งด้านดนตรีไทยและวัฒนธรรมไทยได้อย่างละเอียด ลึกซึ้งและน่าสนใจมาก และสามารถบรรยายความเป็นไทยและสังคมไทยให้คนไทยและ คนต่างชาติได้ภาคภูมิใจในระยะเวลาอันสั้น ค่านิยมไทยบางอย่างที่ปรากฏในภาพยนตร์ จะเห็นว่ามีความละเอียดอ่อนมาก เช่น การที่ตัวละครเอกของเรื่องถือว่าคู่แข่งของตนในดนตรีไทย ก็เป็นครูเช่นเดียวกัน เพราะเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ตนฝึกฝนจนประสบสำเร็จ ซึ่งเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกตัญญูของคนไทยและความสัมพันธ์กันในสังคมไทย
2. การจัดฉายภาพยนตร์เรื่องโหมโรงนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการทูตเชิงวัฒนธรรมที่กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมนำวัฒนธรรมของไทย ที่ถูกต้องและดีงามและผ่านการพิสูจน์มาแล้วมาให้ต่างประเทศได้ชม ซึ่งสิ่งที่สามารถทำได้ รวดเร็วและประหยัดก็คือการเชิญคณะทูตานุทูตพร้อมด้วยคู่สมรสและครอบครัวมาชม ซึ่งปรากฏว่า บรรดาคณะทูตานุทูตประทับใจมาก และภายหลังชมแล้วเอกอัครราชทูต หลายรายได้เข้าไปพูดคุยและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้กำกับ ผู้สร้าง และดาราแสดงนำฝ่ายชายและฝ่ายหญิงของภาพยนตร์เรื่องนี้ และเอกอัครราชทูตหลายรายก็ได้แจ้งให้ทราบว่า จะไปซื้อเทปเพลงดนตรีไทยฟัง เพราะฉะนั้น การที่ผู้แทนของต่างประเทศได้มาชมภาพยนตร์และเห็นวัฒนธรรมทางดนตรีของไทยที่มีพัฒนาการสืบเนื่องมาตลอดเป็นระยะเวลาหลายร้อยปี ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นสื่อที่ดีที่สามารถแสดงให้เห็นถึงรากเหง้าของความเป็นไทยที่มีความเจริญก้าวหน้ามาตลอด รวมทั้งได้แสดงให้เห็นว่าแม้ในช่วงที่สังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลง โดยมีวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาแต่ประเทศไทยก็ยังสามารถคงรากเหง้าของความเป็นไทยไว้ได้ นอกจากนั้น ดนตรีไทยยังสามารถผสมผสานอยู่ได้กับสังคมเทคโนโลยีสมัยใหม่ สิ่งนี้จึงเป็นเอกลักษณ์พิเศษ (unique) อย่างมากของสังคมไทย
3. เมื่อผู้แทนของต่างประเทศได้มาชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ก็จะกลับไป รายงานประเทศของตน ซึ่งการที่ผู้แทนของประเทศนั้นๆ รายงานไปด้วยตนเองจะทำให้ความเชื่อถือในคุณค่าของวัฒนธรรมของไทยมีน้ำหนักมาก จึงเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมที่ดีของไทย โดยไม่ต้องเดินทางไปเผยแพร่ในต่างประเทศ
4. กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงวัฒนธรรมจะทำกิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรมไทยเช่นนี้ ทั้งด้านดนตรี และการแสดงทางวัฒนธรรมต่างๆ โดยนำชุมชนระหว่างประเทศเข้ามามีส่วนร่วมด้วยเป็นระยะๆ และสำหรับปี 2547 นี้ กระทรวงการต่างประเทศ จะวางแผนปฏิบัติการเรื่องนี้ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมตลอดปี
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2547 ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังชมภาพยนตร์เรื่อง "โหมโรง"ที่โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมร่วมเป็นประธานจัดฉายภาพยนตร์ดังกล่าวรอบพิเศษ โดยเชิญเอกอัครราชทูตต่างประเทศ และตัวแทนองค์การระหว่างประเทศประจำประเทศไทยมาชมภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว สรุปได้ดังนี้
1. ภายหลังชมภาพยนตร์เรื่องโหมโรงแล้ว ขอแสดงความชื่นชมเพราะเป็น ภาพยนตร์ที่ได้สะท้อนความเป็นไทยทั้งด้านดนตรีไทยและวัฒนธรรมไทยได้อย่างละเอียด ลึกซึ้งและน่าสนใจมาก และสามารถบรรยายความเป็นไทยและสังคมไทยให้คนไทยและ คนต่างชาติได้ภาคภูมิใจในระยะเวลาอันสั้น ค่านิยมไทยบางอย่างที่ปรากฏในภาพยนตร์ จะเห็นว่ามีความละเอียดอ่อนมาก เช่น การที่ตัวละครเอกของเรื่องถือว่าคู่แข่งของตนในดนตรีไทย ก็เป็นครูเช่นเดียวกัน เพราะเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ตนฝึกฝนจนประสบสำเร็จ ซึ่งเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกตัญญูของคนไทยและความสัมพันธ์กันในสังคมไทย
2. การจัดฉายภาพยนตร์เรื่องโหมโรงนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการทูตเชิงวัฒนธรรมที่กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมนำวัฒนธรรมของไทย ที่ถูกต้องและดีงามและผ่านการพิสูจน์มาแล้วมาให้ต่างประเทศได้ชม ซึ่งสิ่งที่สามารถทำได้ รวดเร็วและประหยัดก็คือการเชิญคณะทูตานุทูตพร้อมด้วยคู่สมรสและครอบครัวมาชม ซึ่งปรากฏว่า บรรดาคณะทูตานุทูตประทับใจมาก และภายหลังชมแล้วเอกอัครราชทูต หลายรายได้เข้าไปพูดคุยและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้กำกับ ผู้สร้าง และดาราแสดงนำฝ่ายชายและฝ่ายหญิงของภาพยนตร์เรื่องนี้ และเอกอัครราชทูตหลายรายก็ได้แจ้งให้ทราบว่า จะไปซื้อเทปเพลงดนตรีไทยฟัง เพราะฉะนั้น การที่ผู้แทนของต่างประเทศได้มาชมภาพยนตร์และเห็นวัฒนธรรมทางดนตรีของไทยที่มีพัฒนาการสืบเนื่องมาตลอดเป็นระยะเวลาหลายร้อยปี ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นสื่อที่ดีที่สามารถแสดงให้เห็นถึงรากเหง้าของความเป็นไทยที่มีความเจริญก้าวหน้ามาตลอด รวมทั้งได้แสดงให้เห็นว่าแม้ในช่วงที่สังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลง โดยมีวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาแต่ประเทศไทยก็ยังสามารถคงรากเหง้าของความเป็นไทยไว้ได้ นอกจากนั้น ดนตรีไทยยังสามารถผสมผสานอยู่ได้กับสังคมเทคโนโลยีสมัยใหม่ สิ่งนี้จึงเป็นเอกลักษณ์พิเศษ (unique) อย่างมากของสังคมไทย
3. เมื่อผู้แทนของต่างประเทศได้มาชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ก็จะกลับไป รายงานประเทศของตน ซึ่งการที่ผู้แทนของประเทศนั้นๆ รายงานไปด้วยตนเองจะทำให้ความเชื่อถือในคุณค่าของวัฒนธรรมของไทยมีน้ำหนักมาก จึงเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมที่ดีของไทย โดยไม่ต้องเดินทางไปเผยแพร่ในต่างประเทศ
4. กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงวัฒนธรรมจะทำกิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรมไทยเช่นนี้ ทั้งด้านดนตรี และการแสดงทางวัฒนธรรมต่างๆ โดยนำชุมชนระหว่างประเทศเข้ามามีส่วนร่วมด้วยเป็นระยะๆ และสำหรับปี 2547 นี้ กระทรวงการต่างประเทศ จะวางแผนปฏิบัติการเรื่องนี้ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมตลอดปี
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-