ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.เชื่อมั่นระบบธพ.ในขณะนี้มีความมั่นคงและเข็มแข็ง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ในขณะนี้มีความมั่นคงเข็มแข็งมาก โดยในปีนี้ถือว่าเป็นปีที่เริ่ม
ดำเนินธุรกิจตามปกติได้ เพื่อสร้างกำไรอย่างเต็มที่ เนื่องจากในช่วงดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. ได้ปรับ
โครงสร้างสถาบันการเงินให้เข้าสู่ระบบการแข่งขันได้ หากธนาคารใดที่ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ก็สั่งปิด
ธนาคารใดที่ไม่สามารถแข่งขันกับระบบได้ก็ควบรวมกิจการ ซึ่งในปัจจุบันมองว่าฐานะเงินกองทุนของธนาคาร
ทุกแห่งมีความเข้มแข็งเพียงพอ โดยปัจจุบันมีธนาคารพาณิชย์บางแห่งส่งแผนไถ่ถอนสลิปส์หรือแคปส์เข้ามา
ธปท.ก็เห็นด้วย ส่วนปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ธปท.มีขั้นตอนการแก้ไขอย่างชัดเจน ล่าสุดที่
จะมีการออกกฎหมายในการเข้าไปแก้ไขสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีเอ) แล้ว ส่วนสถาบันการเงินที่
มีขนาดเล็ก เช่น บริษัทเงินทุน บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ที่ ธปท.ออกแผนแม่บทให้เป็นกรอบดำเนินธุรกิจใน 3
ทางเลือก คือ 1) ควบรวมกับธนาคารพาณิชย์ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 2) ดำเนินธุรกิจเป็นธนาคารขนาดย่อม และ
3) ยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์ ซึ่งต้องควบรวมกับสถาบันการเงินอื่นเพื่อให้มีขนาดกองทุนหรือทรัพย์สินเพียง
พอต่อการแข่งขัน (ผู้จัดการรายวัน)
2. ครม.อนุมัติ 5 ยุทธศาสตร์พัฒนาภาคอีสานแบบครบวงจรตามที่ สศช.เสนอมา รองโฆษก
ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่จังหวัดนครพนม เมื่อ
วันที่ 22 ก.พ.47 ว่า ครม.ได้เห็นชอบยุทธศาสตร์การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคตะวันออก
เฉียงเหนือตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ พร้อมทั้งเห็น
ชอบในหลักการของแผนงานโครงการภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์จำนวน 34 โครงการ โดยใช้งบประมาณกลางปี
47 และ งบประมาณปี 48 ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ดังกล่าวประกอบด้วย 1) ยกระดับฐานะการผลิตหลักของภาค 2)
ใช้ความได้เปรียบด้านที่ตั้งของภาคร่วมมือกับกลุ่มอินโดจีนเพื่อขยายฐานอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจพื้นที่ชายแดน
ของภาค 3) การสร้างศักยภาพและโอกาสให้คนจน 4) การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อมอย่างยั่งยืนเพื่อคืนสมดุลสู่ธรรมชาติ และ 5) การสร้างคนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
3. ก.คลังเตรียมเสนอ กพร.ในการจัดตั้งสถาบันที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับประชาชนโดยใช้งบ
ประมาณ 500 ล้านบาท ที่ปรึกษา รมว.ก.คลัง (นายรุ่งเรือง พิทยศิริ) เปิดเผยว่า ก.คลังอยู่ระหว่างเสนอ
คณะกรรมการพัฒนาข้าราชการพลเรือน (กพร.) ในการจัดตั้งสถาบันที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับประชาชน
ซึ่งสถาบันดังกล่าวจะมีสถานะเป็นองค์การมหาชนที่ทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาทางการเงินแก่ประชาชนและ
ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ต้องการจะขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ในการทำธุรกิจ โดย
คิดค่าธรรมเนียมจากประชาชนตามมูลค่าสินเชื่อ โดยในเบื้องต้น สถาบันดังกล่าวจำเป็นต้องขอทุนประเดิมใน
การจัดตั้งจากรัฐบาลประมาณ 500 ล้านบาท และคาดว่าจะมีพนักงานประมาณ 200-300 คน กระจายอยู่ 40
สาขาทั่วประเทศ โดยใช้พื้นที่ของศาลากลางจังหวัดในการให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึง ทั้งนี้สถาบันดังกล่าว
จะเข้ามาสานงานต่อของศูนย์ให้คำปรึกษาทางการเงินแก่ประชาชน (ศงป.) ที่จะหมดวาระในวันที่ 30 ก.ย.47 นี้ (ผู้จัดการรายวัน)
4. ธ.ไทยพาณิชย์ประกาศไม่มีแผนควบรวมกับสถาบันการเงินอื่นในขณะนี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่
ธ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธนาคารไม่มีแผนที่จะควบรวมกับสถาบันการเงินใดทั้งสิ้น รวมถึง ธ.เอเชียที่เป็น
ข่าวในขณะนี้ เนื่องจากขณะนี้ฐานะของธนาคารอยู่ในระดับที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยมี
ขนาดสินทรัพย์รวมเป็นอันดับ 4 ของทั้งระบบสถาบันการเงิน แต่ทั้งนี้ หากจะมีการควบรวมกิจการกับสถาบัน
การเงินอื่นจริงก็จะมีข้อดี คือ ช่วยเพิ่มขนาดสินทรัพย์ให้ใหญ่ขึ้น รวมถึงจะช่วยให้ธนาคารสามารถประหยัดต้น
ทุนในการดำเนินงานได้มากอีกด้วย ทั้งนี้ ฐานะของธ.ไทยพาณิชย์ในขณะนี้อยู่ในฐานะที่จะเป็นผู้เลือกสถาบัน
การเงินที่สนใจเพื่อรวมกิจการมากกว่าที่จะเป็นผู้ถูกเลือก (เดลินิวส์)
5. สิงคโปร์สกัดฮับน้ำมันไทยและปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้บริษัทค้าน้ำมันในสิงคโปร์เหลือร้อยละ
5 อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า หลังจากไทยประกาศตัวเป็นศูนย์กลางการค้าน้ำมัน (ฮับ) โดยเปิดตัวที่ อ.
ศรีราชา จ.ชลบุรีไปแล้วนั้น ปรากฏว่าสิงคโปร์ได้สั่งห้ามไม่ให้ภาคเอกชนของสิงคโปร์ให้ข้อมูลในเชิงลึกกับ
ไทยรวมถึงการศึกษาดูงานต่าง ๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมน้ำมันและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้
สิงคโปร์ได้ปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้บริษัทที่ค้าน้ำมันในสิงคโปร์เหลือร้อยละ 5 จากเดิมที่เก็บร้อยละ 10
หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้กรมสรรพากรลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับบริษัทน้ำมันที่อยู่ในเขต
ดังกล่าวจากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 10 (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เงินเฟ้อของสรอ.ในเดือน ม.ค. 47 เพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น รายงานจาก
วอชิงตัน เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 47 ก. แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างมากในเดือนม.ค.
ส่งผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภค( Consumer Price Index- CPI ) เมื่อเดือนที่แล้วสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกือบ
เท่าเงินเฟ้อทั้งปี แต่ยังคงไม่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ทั้งนี้ดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดอัตราเงินเฟ้อ
ในเดือนม.ค. 47 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 0.5 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เมื่อเดือนธ.ค. 46 ส่วนดัชนีราคาผู้
บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2 ก่อนหน้านั้นนัก
เศรษฐศาสตร์จากวอลล์สตรีทได้คาดว่า CPI ของเดือนม.ค. จะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.3 และ Core CPI
จะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 การสูงขึ้นเล็กน้อยของ Core CPI ส่งผลให้เงินเฟ้อทั้งปีเปลี่ยนแปลงเพียงร้อยละ
1.1 ต่ำสุดในรอบ 38 ปีซึ่งธ.กลางเห็นว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีเสถียรภาพ เงินเฟ้อยังคงอยู่ใน
ระดับต่ำ แต่ถ้าราคาพลังงานสูงขึ้นมากอาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ (รอยเตอร์)
2. ผลสำรวจความเชื่อมั่นของธุรกิจในเยอรมนียังคงไม่เปลี่ยนแปลง รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อวันที่
20 ก.พ. 47 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความเห็นของนักธุรกิจในเดือน ก.พ. ยังคงมองธุรกิจในแง่ดี
ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนที่แล้วมากนักแต่ยอมรับว่ามีความกังวลต่อการแข็งค่าของเงินยูโรที่อาจบั่นทอนความ
สามารถในการแข่งขันในภาคการส่งออกได้ ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (Ifo business confidence
index )มีกำหนดที่จะเปิดเผยในวันอังคารนี้ เวลา 9.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น คาดว่า Ifo index ใน
เดือนก.พ.จะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 97.6 เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากระดับ 97.5 ในเดือนม.ค.ตามการคาดการณ์
ของนักวิเคราะห์ 30 คนที่คาดว่า Ifo index จะอยู่ในช่วง 96.8 — 98.2 (รอยเตอร์)
3. เดือน ธ.ค.46 มูลค่าการขายปลีกของเนเธอร์แลนด์ลดลงร้อยละ 4.3 เทียบต่อปี รายงาน
จากอัมสเตอร์ดัม เมื่อ 20 ก.พ.47 The Central Bureau of Statistics (CBS) เปิดเผยว่า เดือน
ธ.ค.46 มูลค่าการขายปลีก (cash retail sales) ของเนเธอร์แลนด์ลดลงร้อยละ 4.3 เทียบต่อปี และ
เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 8.3 ในเดือน พ.ย.46 ขณะที่ปริมาณการขายปลีกในช่วงเวลาเดียวกันก็ลดลงร้อยละ
3.9 เทียบต่อปี และเทียบกับที่ลดลงร้อยละ 8.4 ในเดือน พ.ย.46 สำหรับยอดขายปลีกในปี 46 ที่ลดลงร้อย
ละ 3 นับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบอย่างน้อยหนึ่งทศวรรษ โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากการลดลงของการใช้
จ่ายสินค้าประเภทที่ไม่ใช่อาหาร เช่น เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งลดลงร้อยละ 5.8
ขณะที่การขายปลีกสินค้าประเภทอาหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 อนึ่ง นักเศรษฐศาสตร์ มองว่า ตัวเลขการขาย
ปลีกและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปี 46 ที่ซบเซากว่าปีก่อน มีสาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน และตัว
เลขการว่างงานที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ต่างคาดหมายว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคจะดีขึ้นในปี 47
(รอยเตอร์)
4. เดือน ม.ค.47 ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 393.4 เทียบต่อปี รายงานจากโตเกียวเมื่อ
23 ก.พ.47 ก.คลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เดือน ม.ค.47 ยอดเกินดุลการค้าของญี่ปุ่นมีจำนวน 507.1 พัน ล.เยน
(4.74 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) เพิ่มขึ้นร้อยละ 393.4 เทียบต่อปี ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7
และสูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจะมีจำนวน 114.6 พัน ล.เยน ทั้งนี้ ยอดเกินดุลการ
ค้าที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว เป็นผลจากการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 เทียบต่อปี หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 เทียบต่อ
เดือน ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เทียบต่อปี หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 เทียบต่อเดือน โดยญี่ปุ่นส่ง
ออกไปยังเอเชียเพิ่มขึ้นสูงสุดถึงร้อยละ 20.8 ในขณะที่ส่งออกไปยัง EU เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.2 ส่วนการส่ง
ออกไป สรอ.นั้น ลดลงร้อยละ 5.4 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 23/2/47 19/2/47 31/12/46 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.153 39.622 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.9718/39.2535 39.4435/39.7378 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.8750 - 1.2800 1.2800 - 1.3000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 728.64/23.84 772.15/41.74 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,400/7,500 7,550/7,650 7,700/7,800 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 29.14 29.59 28.66 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 17.29*/14.39 ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท.เชื่อมั่นระบบธพ.ในขณะนี้มีความมั่นคงและเข็มแข็ง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ในขณะนี้มีความมั่นคงเข็มแข็งมาก โดยในปีนี้ถือว่าเป็นปีที่เริ่ม
ดำเนินธุรกิจตามปกติได้ เพื่อสร้างกำไรอย่างเต็มที่ เนื่องจากในช่วงดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. ได้ปรับ
โครงสร้างสถาบันการเงินให้เข้าสู่ระบบการแข่งขันได้ หากธนาคารใดที่ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ก็สั่งปิด
ธนาคารใดที่ไม่สามารถแข่งขันกับระบบได้ก็ควบรวมกิจการ ซึ่งในปัจจุบันมองว่าฐานะเงินกองทุนของธนาคาร
ทุกแห่งมีความเข้มแข็งเพียงพอ โดยปัจจุบันมีธนาคารพาณิชย์บางแห่งส่งแผนไถ่ถอนสลิปส์หรือแคปส์เข้ามา
ธปท.ก็เห็นด้วย ส่วนปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ธปท.มีขั้นตอนการแก้ไขอย่างชัดเจน ล่าสุดที่
จะมีการออกกฎหมายในการเข้าไปแก้ไขสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีเอ) แล้ว ส่วนสถาบันการเงินที่
มีขนาดเล็ก เช่น บริษัทเงินทุน บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ที่ ธปท.ออกแผนแม่บทให้เป็นกรอบดำเนินธุรกิจใน 3
ทางเลือก คือ 1) ควบรวมกับธนาคารพาณิชย์ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 2) ดำเนินธุรกิจเป็นธนาคารขนาดย่อม และ
3) ยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์ ซึ่งต้องควบรวมกับสถาบันการเงินอื่นเพื่อให้มีขนาดกองทุนหรือทรัพย์สินเพียง
พอต่อการแข่งขัน (ผู้จัดการรายวัน)
2. ครม.อนุมัติ 5 ยุทธศาสตร์พัฒนาภาคอีสานแบบครบวงจรตามที่ สศช.เสนอมา รองโฆษก
ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่จังหวัดนครพนม เมื่อ
วันที่ 22 ก.พ.47 ว่า ครม.ได้เห็นชอบยุทธศาสตร์การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคตะวันออก
เฉียงเหนือตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ พร้อมทั้งเห็น
ชอบในหลักการของแผนงานโครงการภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์จำนวน 34 โครงการ โดยใช้งบประมาณกลางปี
47 และ งบประมาณปี 48 ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ดังกล่าวประกอบด้วย 1) ยกระดับฐานะการผลิตหลักของภาค 2)
ใช้ความได้เปรียบด้านที่ตั้งของภาคร่วมมือกับกลุ่มอินโดจีนเพื่อขยายฐานอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจพื้นที่ชายแดน
ของภาค 3) การสร้างศักยภาพและโอกาสให้คนจน 4) การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อมอย่างยั่งยืนเพื่อคืนสมดุลสู่ธรรมชาติ และ 5) การสร้างคนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
3. ก.คลังเตรียมเสนอ กพร.ในการจัดตั้งสถาบันที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับประชาชนโดยใช้งบ
ประมาณ 500 ล้านบาท ที่ปรึกษา รมว.ก.คลัง (นายรุ่งเรือง พิทยศิริ) เปิดเผยว่า ก.คลังอยู่ระหว่างเสนอ
คณะกรรมการพัฒนาข้าราชการพลเรือน (กพร.) ในการจัดตั้งสถาบันที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับประชาชน
ซึ่งสถาบันดังกล่าวจะมีสถานะเป็นองค์การมหาชนที่ทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาทางการเงินแก่ประชาชนและ
ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ต้องการจะขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ในการทำธุรกิจ โดย
คิดค่าธรรมเนียมจากประชาชนตามมูลค่าสินเชื่อ โดยในเบื้องต้น สถาบันดังกล่าวจำเป็นต้องขอทุนประเดิมใน
การจัดตั้งจากรัฐบาลประมาณ 500 ล้านบาท และคาดว่าจะมีพนักงานประมาณ 200-300 คน กระจายอยู่ 40
สาขาทั่วประเทศ โดยใช้พื้นที่ของศาลากลางจังหวัดในการให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึง ทั้งนี้สถาบันดังกล่าว
จะเข้ามาสานงานต่อของศูนย์ให้คำปรึกษาทางการเงินแก่ประชาชน (ศงป.) ที่จะหมดวาระในวันที่ 30 ก.ย.47 นี้ (ผู้จัดการรายวัน)
4. ธ.ไทยพาณิชย์ประกาศไม่มีแผนควบรวมกับสถาบันการเงินอื่นในขณะนี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่
ธ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธนาคารไม่มีแผนที่จะควบรวมกับสถาบันการเงินใดทั้งสิ้น รวมถึง ธ.เอเชียที่เป็น
ข่าวในขณะนี้ เนื่องจากขณะนี้ฐานะของธนาคารอยู่ในระดับที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยมี
ขนาดสินทรัพย์รวมเป็นอันดับ 4 ของทั้งระบบสถาบันการเงิน แต่ทั้งนี้ หากจะมีการควบรวมกิจการกับสถาบัน
การเงินอื่นจริงก็จะมีข้อดี คือ ช่วยเพิ่มขนาดสินทรัพย์ให้ใหญ่ขึ้น รวมถึงจะช่วยให้ธนาคารสามารถประหยัดต้น
ทุนในการดำเนินงานได้มากอีกด้วย ทั้งนี้ ฐานะของธ.ไทยพาณิชย์ในขณะนี้อยู่ในฐานะที่จะเป็นผู้เลือกสถาบัน
การเงินที่สนใจเพื่อรวมกิจการมากกว่าที่จะเป็นผู้ถูกเลือก (เดลินิวส์)
5. สิงคโปร์สกัดฮับน้ำมันไทยและปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้บริษัทค้าน้ำมันในสิงคโปร์เหลือร้อยละ
5 อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า หลังจากไทยประกาศตัวเป็นศูนย์กลางการค้าน้ำมัน (ฮับ) โดยเปิดตัวที่ อ.
ศรีราชา จ.ชลบุรีไปแล้วนั้น ปรากฏว่าสิงคโปร์ได้สั่งห้ามไม่ให้ภาคเอกชนของสิงคโปร์ให้ข้อมูลในเชิงลึกกับ
ไทยรวมถึงการศึกษาดูงานต่าง ๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมน้ำมันและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้
สิงคโปร์ได้ปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้บริษัทที่ค้าน้ำมันในสิงคโปร์เหลือร้อยละ 5 จากเดิมที่เก็บร้อยละ 10
หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้กรมสรรพากรลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับบริษัทน้ำมันที่อยู่ในเขต
ดังกล่าวจากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 10 (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เงินเฟ้อของสรอ.ในเดือน ม.ค. 47 เพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น รายงานจาก
วอชิงตัน เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 47 ก. แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างมากในเดือนม.ค.
ส่งผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภค( Consumer Price Index- CPI ) เมื่อเดือนที่แล้วสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกือบ
เท่าเงินเฟ้อทั้งปี แต่ยังคงไม่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ทั้งนี้ดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดอัตราเงินเฟ้อ
ในเดือนม.ค. 47 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 0.5 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เมื่อเดือนธ.ค. 46 ส่วนดัชนีราคาผู้
บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2 ก่อนหน้านั้นนัก
เศรษฐศาสตร์จากวอลล์สตรีทได้คาดว่า CPI ของเดือนม.ค. จะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.3 และ Core CPI
จะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 การสูงขึ้นเล็กน้อยของ Core CPI ส่งผลให้เงินเฟ้อทั้งปีเปลี่ยนแปลงเพียงร้อยละ
1.1 ต่ำสุดในรอบ 38 ปีซึ่งธ.กลางเห็นว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีเสถียรภาพ เงินเฟ้อยังคงอยู่ใน
ระดับต่ำ แต่ถ้าราคาพลังงานสูงขึ้นมากอาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ (รอยเตอร์)
2. ผลสำรวจความเชื่อมั่นของธุรกิจในเยอรมนียังคงไม่เปลี่ยนแปลง รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อวันที่
20 ก.พ. 47 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความเห็นของนักธุรกิจในเดือน ก.พ. ยังคงมองธุรกิจในแง่ดี
ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนที่แล้วมากนักแต่ยอมรับว่ามีความกังวลต่อการแข็งค่าของเงินยูโรที่อาจบั่นทอนความ
สามารถในการแข่งขันในภาคการส่งออกได้ ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (Ifo business confidence
index )มีกำหนดที่จะเปิดเผยในวันอังคารนี้ เวลา 9.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น คาดว่า Ifo index ใน
เดือนก.พ.จะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 97.6 เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากระดับ 97.5 ในเดือนม.ค.ตามการคาดการณ์
ของนักวิเคราะห์ 30 คนที่คาดว่า Ifo index จะอยู่ในช่วง 96.8 — 98.2 (รอยเตอร์)
3. เดือน ธ.ค.46 มูลค่าการขายปลีกของเนเธอร์แลนด์ลดลงร้อยละ 4.3 เทียบต่อปี รายงาน
จากอัมสเตอร์ดัม เมื่อ 20 ก.พ.47 The Central Bureau of Statistics (CBS) เปิดเผยว่า เดือน
ธ.ค.46 มูลค่าการขายปลีก (cash retail sales) ของเนเธอร์แลนด์ลดลงร้อยละ 4.3 เทียบต่อปี และ
เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 8.3 ในเดือน พ.ย.46 ขณะที่ปริมาณการขายปลีกในช่วงเวลาเดียวกันก็ลดลงร้อยละ
3.9 เทียบต่อปี และเทียบกับที่ลดลงร้อยละ 8.4 ในเดือน พ.ย.46 สำหรับยอดขายปลีกในปี 46 ที่ลดลงร้อย
ละ 3 นับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบอย่างน้อยหนึ่งทศวรรษ โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากการลดลงของการใช้
จ่ายสินค้าประเภทที่ไม่ใช่อาหาร เช่น เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งลดลงร้อยละ 5.8
ขณะที่การขายปลีกสินค้าประเภทอาหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 อนึ่ง นักเศรษฐศาสตร์ มองว่า ตัวเลขการขาย
ปลีกและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปี 46 ที่ซบเซากว่าปีก่อน มีสาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน และตัว
เลขการว่างงานที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ต่างคาดหมายว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคจะดีขึ้นในปี 47
(รอยเตอร์)
4. เดือน ม.ค.47 ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 393.4 เทียบต่อปี รายงานจากโตเกียวเมื่อ
23 ก.พ.47 ก.คลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เดือน ม.ค.47 ยอดเกินดุลการค้าของญี่ปุ่นมีจำนวน 507.1 พัน ล.เยน
(4.74 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) เพิ่มขึ้นร้อยละ 393.4 เทียบต่อปี ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7
และสูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจะมีจำนวน 114.6 พัน ล.เยน ทั้งนี้ ยอดเกินดุลการ
ค้าที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว เป็นผลจากการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 เทียบต่อปี หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 เทียบต่อ
เดือน ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เทียบต่อปี หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 เทียบต่อเดือน โดยญี่ปุ่นส่ง
ออกไปยังเอเชียเพิ่มขึ้นสูงสุดถึงร้อยละ 20.8 ในขณะที่ส่งออกไปยัง EU เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.2 ส่วนการส่ง
ออกไป สรอ.นั้น ลดลงร้อยละ 5.4 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 23/2/47 19/2/47 31/12/46 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.153 39.622 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.9718/39.2535 39.4435/39.7378 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.8750 - 1.2800 1.2800 - 1.3000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 728.64/23.84 772.15/41.74 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,400/7,500 7,550/7,650 7,700/7,800 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 29.14 29.59 28.66 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 17.29*/14.39 ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-