ช่วงที่รัฐบาลนายกฯ ทักษิณ บริหารประเทศมาเกือบ 4 ปี เรามักจะได้ยิน ได้เห็น สิ่งที่ รัฐบาลภายใต้การกำกับของนายกฯทักษิณ ทั้งพูดในรายการวิทยุทุกวันเสาร์ ให้สัมภาษณ์ บรรยายพิเศษ แถลงข่าว ส่วนใหญ่ ล้วนแต่อยู่ในบริบท ของ เงิน การลงทุน เศรษฐกิจพุ่ง หุ้นขึ้น เงินสำรองเหลือเฟือ โครงการต่างผุดขึ้นทุกวันอังคาร หลังการประชุม ครม. ทุกครั้ง
นอกจากนั้น เพื่อประกอบให้เรื่อง ทางการเงินคึกคัก ก็ มักจะมีการจัดงานใหญ่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ใช้งบประมาณแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน เช่น งานมหกรรม โอท็อป มหากรรม 1 ผลิตภัณฑ์ 1 ตำบล / มหกรรมแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ล่าสุดก็ปิดถนน จัดงานมหกรรมแฟชั่นใหญ่โต
รัฐบาล ทำสองสิ่งนี้มาตลอด เป็นการสร้างบรรยากาศ ให้คนไทยทั้งประเทศ เคลิ้ม ไปกับตัวเลขต่างๆ ดังกล่าว ในขณะที่หนี้ครัวเรือน โดยเฉลี่ยเพิ่มเกือบ 30,000 บาท / ครัวเรือน มีหนี้มากกว่ารายได้ 13.29 เท่า
นายกฯทักษิณ มักจะพูดกระตุ้น ยุยงให้หึกเหิม เร่งให้ประชาชนบริโภค ตลอดเวลา
เช่น “เราจะโตประมาณ 8 % คิดว่าวันนี้ยังไงก็ 8% ถ้าโตขนาดนี้ต่างประเทศถือว่าแข็งแรงมาก ผมมั่นใจว่าปีนี้เศรษฐกิจแข็งแรง หุ้นไปด้วยดี ส่งออก ทั้งปีเราโต 16.6 % มูลค่า 80,000 ล้านเหรียญสหรัฐ …” เป็นต้น
ผลจากการปลุกเร้า เร่งการบริโภค นอกจากจะก่อหนี้ในระดับชาวบ้านรากหญ้าแล้วดังกล่าวข้างต้นแล้ว ชนชั้นกลาง ที่นิยมใช้บัตรเครดิต 3.8 ล้านบัตร ( ธ.ค 46 )
มีหนี้ตกคงค้างถึง 63,763 ล้านบาท
ชาวบ้านบ่น.. ของแพง
จากการที่..ออกพบปะประชาชน สิ่งที่ได้ยินบ่อยครั้ง ก็คือ เสียงบ่นจากประชาชน ว่า ราคาสิ้นค้า ที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ในตลาดสด แพงขึ้น แต่เสียงบ่นเหล่านี้ ไม่เป็นข่าว.. เพราะดังสู้เสียง.. โหมโรง ของนายก ฯ ทักษิณ ไม่ได้
เช่น ผักคะน้า จากราคา กิโลกรัมละ 20 - 25 บาท ( 21 ม.ค 47) เพิ่มขึ้นเป็น กิโลกรัมละ 30 - 35 บาท ( 19 ก.พ 47 )
ผักบุ้งจีน จาก กิโลกรัมละ 16-18 บาท ( 21 ม.ค 47 ) เพิ่มขึ้นเป็น กิโลกรัมละ 28 - 30 บาท ( 20 ก.พ 47 )
ถั่วฟักยาว จาก กิโลกรัมละ 18 - 20 บาท ( 21 ม.ค 47 ) เพิ่มขึ้นเป็น กิโลกรัมละ 35 - 40 บาท (20 ก.พ 47 )
กะหล่ำดอก จากกิโลกรัมละ 18 - 20 บาท เพิ่มขึ้นเป็น กิโลกรัมละ 30 - 35 บาท ( 21 ก.พ 47 )
หมูเนื้อแดง จากกิโลกรัมละ 75 — 78 บาท( 21 ม.ค 47 ) เพิ่มขึ้นเป็น กิโลกรัมละ 85 - 90 บาท ( 21 ก.พ 47 ) … ถ้าเป็น ห้างสรรพสินค้า จะร้อยกว่าบาท
** ไก่ ทั้งตัว กิโลกรัมละ 50 — 52 บาท ( 21 ม.ค 47 ) ก่อนประกาศ ยอมรับมีไข้หวัดนก ระบาด 3 วัน ( ยอมรับ 23 ม.ค 47 ) และ หลัง รัฐบาล กินไก่โชว์หลายครั้ง ปัจจุบันราคา กิโลกรัมละ 38 บาท ( 20 ก.พ 47 )
** น้ำมันพืช เปรียบเทียบราคาเมื่อเดือน พ.ย ปี 2545 ราคาขวดละ (750 ซีซี ) 28 บาท ราคาเพิ่มเป็นขวดละ 34 - 38.50 ในเดือน พ.ย ปี 2546 ** กระดาษชำระ( 6 ม้วน) ราคาแพงขึ้นจาก 40 บาท ( พ.ย ปี 2545 ) มาเป็น 48 - 51 บาท ( พ.ย 46 )
ราคาแก๊ส พุ่ง ..ทุกอย่างแพงขึ้น
รัฐบาลมีแผน ทยอย ขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม ผลักภาระให้ประชาชน 1 บาท ต่อ กิโลกรัม โดยเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2546 ขึ้นราคาแก๊สไปแล้ว 1 บาท ต่อ กิโลกรัม
** ทำให้ราคาแก๊สในท้องตลาด ขนาด 15 ก.ก จากเดิมถังละ 230 บาท เป็น ถังละ 245 บาท และ ขนาด 11.5 ก.ก เดิมถังละ 180 บาท เพิ่มเป็นถังละ 195 บาท **
** ในเดือน กรกฎาคม 2547 รัฐบาล จะขึ้นราคาแก๊ส ผลักภาระให้ประชาชน อีกครั้ง โดยจะขึ้นอีก ก.ก ละ 1 บาท เช่นเดียวกัน
ปี 2548 รัฐบาลจะผลักภาระราคาแก๊ส ให้ประชาชนทั้งหมด โดยจะขึ้นราคาแก๊ส อีก ก.ก ละ 1 บาท **
เป็นที่ทราบกันดีว่า แก๊ส เป็นปัจจัยสำคัญที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันทุกครัวเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประกอบอาหาร ร้านอาหารทุกระดับ ใช้แก๊ส ทั้งสิ้น เมื่อ ราคา แก๊สขึ้น นั่นหมายถึงต้นทุนสูงขึ้น…ภาระก็ถูกผลัก มาสู่ผู้บริโภค ในที่สุด … การปรับราคาแก๊ส ครั้งแรกนี้ ( ธ.ค 46 ) จะมีผลทำให้ค่าใช้จ่ายของครัวเรือน เพิ่มขึ้น 7 บาท ต่อเดือน … แท็กซี่ มีต้นทุนเพิ่มขึ้น 20 บาท ต่อวัน อาหารตามสั่ง เพิ่มขึ้น 0.03 บาท ต่อจาน
** ราคาแก๊ส เพียงตัวเดียว มีผลกระทบไปถึง ราคาสินค้าประเภท ที่จำเป็นต่อการบริโภคอื่นๆ มี ราคาแพงขึ้น 1 — 2 เท่าตัว ภายในระยะเวลา หนึ่งเดือนเท่านั้น ** ทำให้ ประชาชน แบกรับภาระ มาอย่างต่อเนื่อง
** ซึ่งก็ยัง ไม่เห็น รัฐบาล มีมาตรการใด ๆ ในการที่จะควบ คุมราคาสินค้า เพื่อ แบ่งเบา ภาระของประชาชน **
จากการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ราคาสินค้าและบริการในปี 2546 มีราคาสูงขึ้นร้อยละ 7.8 เมื่อเปรียบเทียบในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2543 อาหารสดในท้องตลาดมีราคาลดลงถึงร้อยละ 2.2 มาปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นร้อยละ 1.5 ในปี 2544 (ปีแรกการกระตุ้นการบิโภคของ รัฐบาล นายกฯทักษิณ โดยผ่าน กองทุนหมู่บ้าน ธนาคารประชาชน เป็นต้น )… และ คาดว่า ปี 2547 อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นในระดับร้อยละ 2.0 - 2.4 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวค่อนข้างสูง
นั่นหมาถึง ประชาชนจะต้องซื้อสินค้าแพงขึ้น จ่ายเพิ่มขึ้น..
จากการติดตามดู ดัชนีราคาผู้บริโภค นับตั้งแต่ นายกฯทักษิณใช้ นโยบายประชานิยม กระตุ้นบริโภค จะพบว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคหมวดอาหาร ฯ สูงขึ้น คือ
ปี 2544 ดัชนีราคา อยู่ที่ 98.7 เพิ่มขึ้น 0.7
ปี 2545 ดัชนีราคา อยู่ที่ 99.0 + 0.3
ปี 2546 ดัชนีราคา เดือน มกราคม ดัชนีราคาอยู่ที่ 100.8 เพิ่มขึ้น 2.3
และ ตั้งแต่ เดือน พฤษภาคม - พฤศจิกายน ดัชนีราคาอยู่ในช่วง 103.3 - 104
นายกฯ ทักษิณ พูดเสมอ รัฐบาล เก็บภาษี มีรายได้ เป็น เงินคงคลัง เงินสำรอง มากขึ้น … แต่ รายได้ เหล่านั้น กลับถูกไปใช้สนองนโยบาย ประชานิยม ดังจะเห็นว่า ได้มีการเพิ่มงบกลางปี 2547 ที่ผ่าน สภา ฯ ไปแล้ว ถึง 1.35 แสนล้าน.. ก็ล้วนแต่ เพื่อหวังผลการเลือกตั้งในปี 2548
ขณะเดียวกัน ก็ให้ประชาชนรับภาระราคาแก๊ส…แทน ที่จะเอา รายได้ จากภาษี ที่ อ้างว่า เก็บได้เกินเป้า มาชดเชย ราคาแก๊ส เพื่อ ลดภาระประชาชน **
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22/02/47--จบ--
-สส-
นอกจากนั้น เพื่อประกอบให้เรื่อง ทางการเงินคึกคัก ก็ มักจะมีการจัดงานใหญ่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ใช้งบประมาณแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน เช่น งานมหกรรม โอท็อป มหากรรม 1 ผลิตภัณฑ์ 1 ตำบล / มหกรรมแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ล่าสุดก็ปิดถนน จัดงานมหกรรมแฟชั่นใหญ่โต
รัฐบาล ทำสองสิ่งนี้มาตลอด เป็นการสร้างบรรยากาศ ให้คนไทยทั้งประเทศ เคลิ้ม ไปกับตัวเลขต่างๆ ดังกล่าว ในขณะที่หนี้ครัวเรือน โดยเฉลี่ยเพิ่มเกือบ 30,000 บาท / ครัวเรือน มีหนี้มากกว่ารายได้ 13.29 เท่า
นายกฯทักษิณ มักจะพูดกระตุ้น ยุยงให้หึกเหิม เร่งให้ประชาชนบริโภค ตลอดเวลา
เช่น “เราจะโตประมาณ 8 % คิดว่าวันนี้ยังไงก็ 8% ถ้าโตขนาดนี้ต่างประเทศถือว่าแข็งแรงมาก ผมมั่นใจว่าปีนี้เศรษฐกิจแข็งแรง หุ้นไปด้วยดี ส่งออก ทั้งปีเราโต 16.6 % มูลค่า 80,000 ล้านเหรียญสหรัฐ …” เป็นต้น
ผลจากการปลุกเร้า เร่งการบริโภค นอกจากจะก่อหนี้ในระดับชาวบ้านรากหญ้าแล้วดังกล่าวข้างต้นแล้ว ชนชั้นกลาง ที่นิยมใช้บัตรเครดิต 3.8 ล้านบัตร ( ธ.ค 46 )
มีหนี้ตกคงค้างถึง 63,763 ล้านบาท
ชาวบ้านบ่น.. ของแพง
จากการที่..ออกพบปะประชาชน สิ่งที่ได้ยินบ่อยครั้ง ก็คือ เสียงบ่นจากประชาชน ว่า ราคาสิ้นค้า ที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ในตลาดสด แพงขึ้น แต่เสียงบ่นเหล่านี้ ไม่เป็นข่าว.. เพราะดังสู้เสียง.. โหมโรง ของนายก ฯ ทักษิณ ไม่ได้
เช่น ผักคะน้า จากราคา กิโลกรัมละ 20 - 25 บาท ( 21 ม.ค 47) เพิ่มขึ้นเป็น กิโลกรัมละ 30 - 35 บาท ( 19 ก.พ 47 )
ผักบุ้งจีน จาก กิโลกรัมละ 16-18 บาท ( 21 ม.ค 47 ) เพิ่มขึ้นเป็น กิโลกรัมละ 28 - 30 บาท ( 20 ก.พ 47 )
ถั่วฟักยาว จาก กิโลกรัมละ 18 - 20 บาท ( 21 ม.ค 47 ) เพิ่มขึ้นเป็น กิโลกรัมละ 35 - 40 บาท (20 ก.พ 47 )
กะหล่ำดอก จากกิโลกรัมละ 18 - 20 บาท เพิ่มขึ้นเป็น กิโลกรัมละ 30 - 35 บาท ( 21 ก.พ 47 )
หมูเนื้อแดง จากกิโลกรัมละ 75 — 78 บาท( 21 ม.ค 47 ) เพิ่มขึ้นเป็น กิโลกรัมละ 85 - 90 บาท ( 21 ก.พ 47 ) … ถ้าเป็น ห้างสรรพสินค้า จะร้อยกว่าบาท
** ไก่ ทั้งตัว กิโลกรัมละ 50 — 52 บาท ( 21 ม.ค 47 ) ก่อนประกาศ ยอมรับมีไข้หวัดนก ระบาด 3 วัน ( ยอมรับ 23 ม.ค 47 ) และ หลัง รัฐบาล กินไก่โชว์หลายครั้ง ปัจจุบันราคา กิโลกรัมละ 38 บาท ( 20 ก.พ 47 )
** น้ำมันพืช เปรียบเทียบราคาเมื่อเดือน พ.ย ปี 2545 ราคาขวดละ (750 ซีซี ) 28 บาท ราคาเพิ่มเป็นขวดละ 34 - 38.50 ในเดือน พ.ย ปี 2546 ** กระดาษชำระ( 6 ม้วน) ราคาแพงขึ้นจาก 40 บาท ( พ.ย ปี 2545 ) มาเป็น 48 - 51 บาท ( พ.ย 46 )
ราคาแก๊ส พุ่ง ..ทุกอย่างแพงขึ้น
รัฐบาลมีแผน ทยอย ขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม ผลักภาระให้ประชาชน 1 บาท ต่อ กิโลกรัม โดยเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2546 ขึ้นราคาแก๊สไปแล้ว 1 บาท ต่อ กิโลกรัม
** ทำให้ราคาแก๊สในท้องตลาด ขนาด 15 ก.ก จากเดิมถังละ 230 บาท เป็น ถังละ 245 บาท และ ขนาด 11.5 ก.ก เดิมถังละ 180 บาท เพิ่มเป็นถังละ 195 บาท **
** ในเดือน กรกฎาคม 2547 รัฐบาล จะขึ้นราคาแก๊ส ผลักภาระให้ประชาชน อีกครั้ง โดยจะขึ้นอีก ก.ก ละ 1 บาท เช่นเดียวกัน
ปี 2548 รัฐบาลจะผลักภาระราคาแก๊ส ให้ประชาชนทั้งหมด โดยจะขึ้นราคาแก๊ส อีก ก.ก ละ 1 บาท **
เป็นที่ทราบกันดีว่า แก๊ส เป็นปัจจัยสำคัญที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันทุกครัวเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประกอบอาหาร ร้านอาหารทุกระดับ ใช้แก๊ส ทั้งสิ้น เมื่อ ราคา แก๊สขึ้น นั่นหมายถึงต้นทุนสูงขึ้น…ภาระก็ถูกผลัก มาสู่ผู้บริโภค ในที่สุด … การปรับราคาแก๊ส ครั้งแรกนี้ ( ธ.ค 46 ) จะมีผลทำให้ค่าใช้จ่ายของครัวเรือน เพิ่มขึ้น 7 บาท ต่อเดือน … แท็กซี่ มีต้นทุนเพิ่มขึ้น 20 บาท ต่อวัน อาหารตามสั่ง เพิ่มขึ้น 0.03 บาท ต่อจาน
** ราคาแก๊ส เพียงตัวเดียว มีผลกระทบไปถึง ราคาสินค้าประเภท ที่จำเป็นต่อการบริโภคอื่นๆ มี ราคาแพงขึ้น 1 — 2 เท่าตัว ภายในระยะเวลา หนึ่งเดือนเท่านั้น ** ทำให้ ประชาชน แบกรับภาระ มาอย่างต่อเนื่อง
** ซึ่งก็ยัง ไม่เห็น รัฐบาล มีมาตรการใด ๆ ในการที่จะควบ คุมราคาสินค้า เพื่อ แบ่งเบา ภาระของประชาชน **
จากการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ราคาสินค้าและบริการในปี 2546 มีราคาสูงขึ้นร้อยละ 7.8 เมื่อเปรียบเทียบในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2543 อาหารสดในท้องตลาดมีราคาลดลงถึงร้อยละ 2.2 มาปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นร้อยละ 1.5 ในปี 2544 (ปีแรกการกระตุ้นการบิโภคของ รัฐบาล นายกฯทักษิณ โดยผ่าน กองทุนหมู่บ้าน ธนาคารประชาชน เป็นต้น )… และ คาดว่า ปี 2547 อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นในระดับร้อยละ 2.0 - 2.4 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวค่อนข้างสูง
นั่นหมาถึง ประชาชนจะต้องซื้อสินค้าแพงขึ้น จ่ายเพิ่มขึ้น..
จากการติดตามดู ดัชนีราคาผู้บริโภค นับตั้งแต่ นายกฯทักษิณใช้ นโยบายประชานิยม กระตุ้นบริโภค จะพบว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคหมวดอาหาร ฯ สูงขึ้น คือ
ปี 2544 ดัชนีราคา อยู่ที่ 98.7 เพิ่มขึ้น 0.7
ปี 2545 ดัชนีราคา อยู่ที่ 99.0 + 0.3
ปี 2546 ดัชนีราคา เดือน มกราคม ดัชนีราคาอยู่ที่ 100.8 เพิ่มขึ้น 2.3
และ ตั้งแต่ เดือน พฤษภาคม - พฤศจิกายน ดัชนีราคาอยู่ในช่วง 103.3 - 104
นายกฯ ทักษิณ พูดเสมอ รัฐบาล เก็บภาษี มีรายได้ เป็น เงินคงคลัง เงินสำรอง มากขึ้น … แต่ รายได้ เหล่านั้น กลับถูกไปใช้สนองนโยบาย ประชานิยม ดังจะเห็นว่า ได้มีการเพิ่มงบกลางปี 2547 ที่ผ่าน สภา ฯ ไปแล้ว ถึง 1.35 แสนล้าน.. ก็ล้วนแต่ เพื่อหวังผลการเลือกตั้งในปี 2548
ขณะเดียวกัน ก็ให้ประชาชนรับภาระราคาแก๊ส…แทน ที่จะเอา รายได้ จากภาษี ที่ อ้างว่า เก็บได้เกินเป้า มาชดเชย ราคาแก๊ส เพื่อ ลดภาระประชาชน **
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22/02/47--จบ--
-สส-