กรุงเทพ--25 ก.พ.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2547 ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลัง นาย Jacques Diouf ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization — FAO) ได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการ ที่กระทรวงการต่างประเทศ สรุปได้ดังนี้
1. ดร. สรจักรฯ ได้แจ้งให้ฝ่าย FAO ทราบถึงการดำเนินการของประเทศไทย ต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัดนก โดยฝ่ายไทยเห็นว่าการต่อต้านการระบาดของ ไข้หวัดนกเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการในระดับระหว่างประเทศ ดังนั้น เมื่อนายกรัฐมนตรีทราบผล ยืนยันอย่างเป็นทางการว่าเกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกจึงได้สั่งการให้จัดการประชุมระดับ รัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือเพื่อต่อต้านการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในวันที่ 28 มกราคม 2547โดยทันที ซึ่งฝ่าย FAO ได้แสดงความชื่นชมในบทบาทของประเทศไทยในการจัดการประชุม ดังกล่าว รวมทั้งการที่ประเทศไทยจะร่วมกับ FAO องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การ เพื่อสุขอนามัยสัตว์แห่งโลก (OIE) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้เชี่ยวชาญเพื่อติดตามการระบาด ของไข้หวัดนก ระหว่างวันที่ 26 — 28 กุมภาพันธ์ 2547 ที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค กรุงเทพฯ
2. ผู้อำนวยการ FAO เห็นว่าการขจัดความยากจนและความปลอดภัยและ ความมั่นคงด้านอาหารเป็นเรื่องเดียวกัน และจะต้องดำเนินการควบคู่กันไป ดังนั้น ภายหลังที่เกิดการระบาดของไข้หวัดนกในเอเชีย FAO จึงได้จัดสรรงบประมาณ จำนวน 5.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรณรงค์ในเรื่องความปลอดภัยของอาหารในส่วนที่ได้รับผลกระทบจากไข้หวัดนก ในการนี้ ดร.สรจักรฯ แจ้งต่อผู้อำนวยการ FAO ว่า นายกรัฐมนตรีมีนโยบายอย่างชัดเจนก่อนเกิด สถานการณ์การระบาดของไข้หวัดนก โดยได้กำหนดให้ปี 2004 เป็นปีแห่งการรณรงค์เรื่องความปลอดภัยด้านอาหาร
3. ผู้อำนวยการ FAO เห็นพ้องกับผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ว่า ความปลอดภัยด้านอาหารเป็นเรื่องความร่วมมือของภูมิภาคและปรารถนาให้ประเทศใน ภูมิภาค อาทิ ประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมมือกับประเทศสมาชิกสมาคมความร่วมมือแห่งภูมิภาคเอเชียใต้ (South Asian Association for Regional Cooperation - SAARC) ในการดำเนิน มาตรการเพื่อความปลอดภัยด้านอาหาร เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร. สรจักรฯ เห็นว่า ความร่วมมือจะต้องลงไปในระดับอนุภูมิภาคด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัมพูชา ลาว พม่า และไทย (Ayeyawada-Chao Phraya-Mekong Economic Strategy - ACMECS) ซึ่งมีความร่วมมือในสาขาเกษตร อุตสาหกรรม และทรัพยากรมนุษย์ซึ่ง FAO น่าจะมีบทบาทในเรื่องความปลอดภัยด้านอาหารได้
4. ในโอกาสนี้ ผู้อำนวยการ FAO ได้แสดงความขอบคุณต่อ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ได้ให้การสนับสนุนกิจกรรมของ FAO เป็นอย่างดีตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2547 ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลัง นาย Jacques Diouf ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization — FAO) ได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการ ที่กระทรวงการต่างประเทศ สรุปได้ดังนี้
1. ดร. สรจักรฯ ได้แจ้งให้ฝ่าย FAO ทราบถึงการดำเนินการของประเทศไทย ต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัดนก โดยฝ่ายไทยเห็นว่าการต่อต้านการระบาดของ ไข้หวัดนกเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการในระดับระหว่างประเทศ ดังนั้น เมื่อนายกรัฐมนตรีทราบผล ยืนยันอย่างเป็นทางการว่าเกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกจึงได้สั่งการให้จัดการประชุมระดับ รัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือเพื่อต่อต้านการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในวันที่ 28 มกราคม 2547โดยทันที ซึ่งฝ่าย FAO ได้แสดงความชื่นชมในบทบาทของประเทศไทยในการจัดการประชุม ดังกล่าว รวมทั้งการที่ประเทศไทยจะร่วมกับ FAO องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การ เพื่อสุขอนามัยสัตว์แห่งโลก (OIE) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้เชี่ยวชาญเพื่อติดตามการระบาด ของไข้หวัดนก ระหว่างวันที่ 26 — 28 กุมภาพันธ์ 2547 ที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค กรุงเทพฯ
2. ผู้อำนวยการ FAO เห็นว่าการขจัดความยากจนและความปลอดภัยและ ความมั่นคงด้านอาหารเป็นเรื่องเดียวกัน และจะต้องดำเนินการควบคู่กันไป ดังนั้น ภายหลังที่เกิดการระบาดของไข้หวัดนกในเอเชีย FAO จึงได้จัดสรรงบประมาณ จำนวน 5.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรณรงค์ในเรื่องความปลอดภัยของอาหารในส่วนที่ได้รับผลกระทบจากไข้หวัดนก ในการนี้ ดร.สรจักรฯ แจ้งต่อผู้อำนวยการ FAO ว่า นายกรัฐมนตรีมีนโยบายอย่างชัดเจนก่อนเกิด สถานการณ์การระบาดของไข้หวัดนก โดยได้กำหนดให้ปี 2004 เป็นปีแห่งการรณรงค์เรื่องความปลอดภัยด้านอาหาร
3. ผู้อำนวยการ FAO เห็นพ้องกับผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ว่า ความปลอดภัยด้านอาหารเป็นเรื่องความร่วมมือของภูมิภาคและปรารถนาให้ประเทศใน ภูมิภาค อาทิ ประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมมือกับประเทศสมาชิกสมาคมความร่วมมือแห่งภูมิภาคเอเชียใต้ (South Asian Association for Regional Cooperation - SAARC) ในการดำเนิน มาตรการเพื่อความปลอดภัยด้านอาหาร เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร. สรจักรฯ เห็นว่า ความร่วมมือจะต้องลงไปในระดับอนุภูมิภาคด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัมพูชา ลาว พม่า และไทย (Ayeyawada-Chao Phraya-Mekong Economic Strategy - ACMECS) ซึ่งมีความร่วมมือในสาขาเกษตร อุตสาหกรรม และทรัพยากรมนุษย์ซึ่ง FAO น่าจะมีบทบาทในเรื่องความปลอดภัยด้านอาหารได้
4. ในโอกาสนี้ ผู้อำนวยการ FAO ได้แสดงความขอบคุณต่อ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ได้ให้การสนับสนุนกิจกรรมของ FAO เป็นอย่างดีตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-