แท็ก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
พรรคประชาธิปัตย์
ทักษิณ ชินวัตร
ผลการเลือกตั้ง
เลือกตั้งซ่อม
จังหวัดสงขลา
วันนี้ (18 ก.พ.47) เวลา 08.40 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ช่วง ‘ตรงไปตรงมากับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ ในรายการ ข่าวยามเช้า คลื่นวิทยุ 101.0 เมกกะเฮิรต์ ถึงผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จังหวัดสงขลา ที่ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ชนะผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทยด้วยคะแนนทิ่งห่างกว่า 25,000 คะแนนว่า ขอขอบคุณพี่น้องชาวสงขลาที่ไว้วางใจคนของพรรคประชาธิปัตย์
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งชี้ให้เห็นว่าประชาชนชาวสงขลามีความเป็นอิสระและต้องการใช้สิทธิของตัวเอง แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการใช้อำนาจรัฐเข้าไปกดดันอย่างมาก ซึ่งภายหลังการเลือกตั้งมีการกล่าวทำนองว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์และสื่อมวลชนไปเสนอข่าวสารว่ามีการใช้อำนาจรัฐนั้นเป็นความจริงหรือไม่ เพราะหากเป็นจริงเหตุใดพรรคไทยรักไทยจึงไม่ชนะ ตนก็ขอยืนยันว่าจากการเข้าไปสัมผัสบรรยากาศรวมถึงข้อมูลที่คนในพื้นที่มาบอกก็ยืนยันได้ว่า การเสนอข่าวสารการใช้อำนาจรัฐเข้าไปคุกคามแทรกแซงค่อนข้างชัดเจน
ส่วนกรณีที่พรรคไทยรักไทยสงสัยว่า เหตุใดเมื่อผลสำรวจผู้ที่ออกมาจากคูหาเลือกตั้ง หรือ เอ๊กซิทโพล ที่สรุปได้ว่าไทยรักไทยจะชนะแน่นอน แต่ภายหลังการเลือกตั้งปรากฏว่าไทยรักไทยพ่ายแพ้ต่อประชาธิปัตย์ด้วยคะแนนที่ทิ้งห่างอย่างมาก นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หากการสำรวจเป็นไปตามหลักที่ถูกต้องแล้ว ก็ต้องย้อนกลับไปถามรัฐบาลว่าเหตุใดคนที่เดินออกมาจากคูหาเลือกตั้งบอกว่าเลือกพรรคไทยรักไทยทั้งที่ไม่ได้เลือก สิ่งเหล่านี้บ่งบอกได้หรือไม่ว่ามีการกดดันให้ประชาชนชาวสงขลาต้องแสดงออกว่าสนับสนุนพรรคไทยรักไทยจริงๆ หรือถ้าไม่เป็นเช่นนั้นก็ต้องแปลว่าไทยรักไทยทำเอ๊กซิทโพลและเป็นโพลที่ใช้ไม่ได้ หรือไม่ได้พูดถึงผลการสำรวจที่แท้จริง
เมื่อถามว่าเห็นอย่างไรกับผลที่ออกมาเพราะพรรคประชาธิปัตย์มีคะแนนนำอยู่มาก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้หลายคนแปลกใจ แม้แต่คนในพรรคประชาธิปัตย์เอง เพราะเมื่อประมาณ 2-3 สัปดาห์ก่อน คะแนนผู้สมัครของทั้ง 2 พรรค ค่อนข้างที่จะใกล้เคียง แต่ทั้งนี้คิดว่าปัจจัยที่ทำให้คะแนนเปลี่ยนแปลงไปมากคือ 1.นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงไปพบปะประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าประชาชนได้ให้การต้อนรับและสนับสนุนค่อนข้างมาก 2.การลงไปปราศรัยของนายกฯส่งผลสะท้อนกลับอย่างมาก เพราะการปราศรัยของนายกฯ มุ่งโจมตีพรรคประชาธิปัตย์อย่างรุนแรงรวมถึงบิดาของส.ส.ท่านหนึ่งในพรรคประชาธิปัตย์ ตนคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ประชาชนชาวสงขลารู้สึกว่าไม่ใช่แนวทางที่ต้องการ ประกอบกับการแก้ปัญหาภาคใต้ที่รัฐบาลไม่สามารถให้คำตอบกับคนใต้ได้
‘อยากให้ท่านนายกฯไปทบทวนว่าท่าทีตรงนี้ อย่างน้อยประชาชนชาวสงขลาก็บอกท่านแล้วว่ามันไม่ใช่แนวทางการเมืองที่เขาต้องการ และผมเชื่อว่ามีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่มีความรู้สึกเช่นเดียวกันว่า วันนี้ความคิดของท่านนายกฯที่บอกว่า เงินคือคำตอบของทุกสิ่ง แล้วก็ท่านนั้นดี ท่านนั้นถูกอยู่คนเดียว ในขณะที่ท่านบอกว่าท่านทำการเมืองสร้างสรรค์ แต่กลับใช้ถ้อยคำรุนแรงก้าวล่วงไปถึงคนนั้นคนนี้ พ่อของส.ส.หรือพรรคการเมืองหรือนักวิชาการ ผมคิดว่าตรงนี้ไม่ใช่สิ่งที่สร้างสรรค์และทำให้การเมืองเดินไปข้างหน้าได้’
เมื่อถามว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้คะแนนของพรรคไทยรักไทยเพิ่มขึ้นมากว่า 1 หมื่นคะแนนเมื่อเทียบจากการเลือกตั้งครั้งก่อน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ไม่น่าแปลกใจเพราะเดิมมีการแข่งขันกันหลายพรรคการเมือง แต่ในครั้งนี้เหลือเพียง 2 พรรคการเมือง นอกจากนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็มีคะแนนคงที่เมื่อเทียบกับคราวที่แล้ว แต่ทั้งนี้ยอมรับว่าคะแนนที่เพิ่มขึ้นของพรรคไทยรักไทย บางส่วนเป็นเพราะผลงานของรัฐบาล แต่ส่วนที่เพิ่มขึ้นก็ไม่มากเท่ากับที่พรรคไทยรักไทยได้โฆษณาเอาไว้ อย่างไรก็ตามพรรคประชาธิปัตย์ก็จะไม่ประมาท เพราะเข้าใจดีกว่าเมื่อการเมืองเหลือ 2 พรรค การรวมพลังของผู้ที่ไม่นิยมพรรคประชาธิปัตย์ก็อาจจะเป็นหลุ่มก้อนมากขึ้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25/02/47--จบ--
-สส-
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งชี้ให้เห็นว่าประชาชนชาวสงขลามีความเป็นอิสระและต้องการใช้สิทธิของตัวเอง แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการใช้อำนาจรัฐเข้าไปกดดันอย่างมาก ซึ่งภายหลังการเลือกตั้งมีการกล่าวทำนองว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์และสื่อมวลชนไปเสนอข่าวสารว่ามีการใช้อำนาจรัฐนั้นเป็นความจริงหรือไม่ เพราะหากเป็นจริงเหตุใดพรรคไทยรักไทยจึงไม่ชนะ ตนก็ขอยืนยันว่าจากการเข้าไปสัมผัสบรรยากาศรวมถึงข้อมูลที่คนในพื้นที่มาบอกก็ยืนยันได้ว่า การเสนอข่าวสารการใช้อำนาจรัฐเข้าไปคุกคามแทรกแซงค่อนข้างชัดเจน
ส่วนกรณีที่พรรคไทยรักไทยสงสัยว่า เหตุใดเมื่อผลสำรวจผู้ที่ออกมาจากคูหาเลือกตั้ง หรือ เอ๊กซิทโพล ที่สรุปได้ว่าไทยรักไทยจะชนะแน่นอน แต่ภายหลังการเลือกตั้งปรากฏว่าไทยรักไทยพ่ายแพ้ต่อประชาธิปัตย์ด้วยคะแนนที่ทิ้งห่างอย่างมาก นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หากการสำรวจเป็นไปตามหลักที่ถูกต้องแล้ว ก็ต้องย้อนกลับไปถามรัฐบาลว่าเหตุใดคนที่เดินออกมาจากคูหาเลือกตั้งบอกว่าเลือกพรรคไทยรักไทยทั้งที่ไม่ได้เลือก สิ่งเหล่านี้บ่งบอกได้หรือไม่ว่ามีการกดดันให้ประชาชนชาวสงขลาต้องแสดงออกว่าสนับสนุนพรรคไทยรักไทยจริงๆ หรือถ้าไม่เป็นเช่นนั้นก็ต้องแปลว่าไทยรักไทยทำเอ๊กซิทโพลและเป็นโพลที่ใช้ไม่ได้ หรือไม่ได้พูดถึงผลการสำรวจที่แท้จริง
เมื่อถามว่าเห็นอย่างไรกับผลที่ออกมาเพราะพรรคประชาธิปัตย์มีคะแนนนำอยู่มาก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้หลายคนแปลกใจ แม้แต่คนในพรรคประชาธิปัตย์เอง เพราะเมื่อประมาณ 2-3 สัปดาห์ก่อน คะแนนผู้สมัครของทั้ง 2 พรรค ค่อนข้างที่จะใกล้เคียง แต่ทั้งนี้คิดว่าปัจจัยที่ทำให้คะแนนเปลี่ยนแปลงไปมากคือ 1.นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงไปพบปะประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าประชาชนได้ให้การต้อนรับและสนับสนุนค่อนข้างมาก 2.การลงไปปราศรัยของนายกฯส่งผลสะท้อนกลับอย่างมาก เพราะการปราศรัยของนายกฯ มุ่งโจมตีพรรคประชาธิปัตย์อย่างรุนแรงรวมถึงบิดาของส.ส.ท่านหนึ่งในพรรคประชาธิปัตย์ ตนคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ประชาชนชาวสงขลารู้สึกว่าไม่ใช่แนวทางที่ต้องการ ประกอบกับการแก้ปัญหาภาคใต้ที่รัฐบาลไม่สามารถให้คำตอบกับคนใต้ได้
‘อยากให้ท่านนายกฯไปทบทวนว่าท่าทีตรงนี้ อย่างน้อยประชาชนชาวสงขลาก็บอกท่านแล้วว่ามันไม่ใช่แนวทางการเมืองที่เขาต้องการ และผมเชื่อว่ามีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่มีความรู้สึกเช่นเดียวกันว่า วันนี้ความคิดของท่านนายกฯที่บอกว่า เงินคือคำตอบของทุกสิ่ง แล้วก็ท่านนั้นดี ท่านนั้นถูกอยู่คนเดียว ในขณะที่ท่านบอกว่าท่านทำการเมืองสร้างสรรค์ แต่กลับใช้ถ้อยคำรุนแรงก้าวล่วงไปถึงคนนั้นคนนี้ พ่อของส.ส.หรือพรรคการเมืองหรือนักวิชาการ ผมคิดว่าตรงนี้ไม่ใช่สิ่งที่สร้างสรรค์และทำให้การเมืองเดินไปข้างหน้าได้’
เมื่อถามว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้คะแนนของพรรคไทยรักไทยเพิ่มขึ้นมากว่า 1 หมื่นคะแนนเมื่อเทียบจากการเลือกตั้งครั้งก่อน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ไม่น่าแปลกใจเพราะเดิมมีการแข่งขันกันหลายพรรคการเมือง แต่ในครั้งนี้เหลือเพียง 2 พรรคการเมือง นอกจากนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็มีคะแนนคงที่เมื่อเทียบกับคราวที่แล้ว แต่ทั้งนี้ยอมรับว่าคะแนนที่เพิ่มขึ้นของพรรคไทยรักไทย บางส่วนเป็นเพราะผลงานของรัฐบาล แต่ส่วนที่เพิ่มขึ้นก็ไม่มากเท่ากับที่พรรคไทยรักไทยได้โฆษณาเอาไว้ อย่างไรก็ตามพรรคประชาธิปัตย์ก็จะไม่ประมาท เพราะเข้าใจดีกว่าเมื่อการเมืองเหลือ 2 พรรค การรวมพลังของผู้ที่ไม่นิยมพรรคประชาธิปัตย์ก็อาจจะเป็นหลุ่มก้อนมากขึ้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25/02/47--จบ--
-สส-