นางสาวพจนีย์ ธนวรานิช อธิบดีกรมการประกันภัย เปิดเผยว่า ตามที่ กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการประกันภัย ศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมประกันวินาศภัย ได้ร่วมกันจัดการเสวนา เรื่อง “รัฐกับมาตรการช่วยเหลือประชาชนเรื่อง สิทธิเสรีภาพ โดยประกันภัยอิสรภาพ” เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2547 ณ โรงแรม ดิเอมเมอร์รัลด์ นั้น นับว่าเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของการประกันภัยอิสรภาพ ซึ่งทุกฝ่ายได้ให้ความสนใจและ ขานรับอย่างดียิ่ง ขณะนี้มีบริษัทประกันวินาศภัยที่จะขายกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว มีจำนวนถึง 53 บริษัท และขณะเดียวกันได้มีประชาชนสนใจสอบถามเกี่ยวกับการประกันภัยดังกล่าวเข้ามายัง กรมการประกันภัยเป็นจำนวนมาก
นางสาวพจนีย์ฯ กล่าวต่อไปว่า นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับความสำเร็จของ การจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว และขอขอบคุณศาลยุติธรรมที่เป็นผู้ริเริ่ม ให้เกิดการจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยอิสรภาพขึ้น อันจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนทำให้มีทางเลือกในการหาหลักประกัน มาวางศาลโดยใช้หนังสือรับรองของบริษัทประกันภัยแทนการวางหลักทรัพย์ประกันซึ่งจะได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และศาลยุติธรรม เป็นการลดภาระงานด้านการตรวจสอบ หลักทรัพย์ และเอกสารต่าง ๆ แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะมีหนังสือรับรองแล้วก็มิใช่จะเป็นหลักประกันว่าจะต้องได้รับการประกันตัว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่หากซื้อกรมธรรม์ ประกันภัยดังกล่าวแล้วไม่มีการประกันตัว บริษัทก็จะคืนเบี้ยประกันภัยส่วนหนึ่งให้แก่ผู้เอาประกันภัย
นางสาวพจนีย์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า แบบการประกันภัยอิสรภาพนั้น มีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบก่อนกระทำความผิด ซึ่งใช้กับบุคคลทั่วไป สำหรับคดีอาญาในฐานความผิดจากการกระทำ โดยประมาท เบี้ยประกันภัยอยู่ระหว่าง 0.5% - 1% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และแบบหลังกระทำความผิด ซึ่งใช้กับผู้ตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยแล้ว สำหรับคดีอาญาทุกฐานความผิด โดยแยกคิดเบี้ยประกันภัยตามฐานความผิด เช่น คดีประมาทและการพนัน คดีความผิดอื่นนอกจากประมาทและ การพนัน และคดีความผิดทุกลักษณะ ในการพิจารณาคิดเบี้ยประกันภัยของบริษัทประกันภัยขึ้นอยู่กับ ชั้นของศาลและฐานความผิด ซึ่งเบี้ยประกันภัยจะอยู่ระหว่าง 5%-20% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย เช่น การคิดเบี้ยประกันภัยสำหรับฐานความผิดประมาทและการพนันจะเสียเบี้ยประกันภัยน้อยกว่า ความผิดอื่นนอกจากประมาทและการพนัน สำหรับคดียาเสพติดบริษัทประกันภัยจะไม่พิจารณา รับประกันภัย ทั้งนี้ บริษัทประกันภัยจะออกกรมธรรม์ประกันภัยพร้อมกับหนังสือรับรองให้แก่ ผู้เอาประกันภัย ขณะเดียวกันผู้เอาประกันภัยต้องชำระเบี้ยประกันภัยให้แก่บริษัทประกันภัยทันที
อย่างไรก็ตามการประกันภัยดังกล่าวไม่เป็นการส่งเสริมให้มีการกระทำความผิด แต่เป็นการซื้อความคุ้มครองสำหรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และขณะนี้ภาคธุรกิจมี ความพร้อมขายกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวแล้ว โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2547 ซึ่งเป็นวันศาลยุติธรรม หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ 0-2547-4548 หรือ สายด่วนกรมการประกันภัย 1186
ที่มา: http://www.doi.go.th