1. ประเด็นเศรษฐกิจต่างประเทศ(25 กุมภาพันธ์-25 มีนาคม 2547)
สหรัฐอเมริกา
- เศรษฐกิจสหรัฐฯยังมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากการขยายตัวของการใช้จ่ายในทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ
ด้านการบริโภครายได้และรายจ่ายของผู้บริโภคในเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1และ 5.3 (yoy)ตามลำดับ เทียบกับร้อยละ 4.1 และ 5.1 ในเดือนก่อนทั้งนี้ ในเดือนมีนาคมความเชื่อมั่นของผู้บริโภค(U. of Michigan Confidence)ในเดือนมีนาคมปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 95.8 เป็นผลจาก tax refund ที่ผู้บริโภคได้รับคืนในช่วงที่ผ่านมา
ด้านการผลิตปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ขยายตัวร้อยละ 2.7 (yoy)จากการเพิ่มขึ้นของการผลิตรถยนต์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักร สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ(ISM Manufacturing) แม้ว่าจะปรับลดลงแต่ยังคงสูงกว่าระดับ 60 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยในเดือนกุมภาพันธ์ปรับลดลงจาก 63.6 มาอยู่ที่ 61.4 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์เป็นผลมาจากการลดลงของความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อใหม่และการผลิต แต่ความเชื่อมั่นด้านการจ้างงานปรับสูงขึ้นจากระดับ 52.9 มาอยู่ที่ 56.3 สะท้อนถึงแนวโน้มการจ้างงานที่ฟื้นตัวดีขึ้น
แม้ว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นแต่ยังไม่สร้างแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไป ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.7(yoy)ทั้งนี้ ราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นได้แก่ราคาสินค้าในหมวดพลังงานและ medical care สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 (you)
สำหรับการประชุม FOMC เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2547 ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ย Fed funds ไว้ที่ร้อยละ 1.0 เนื่องจากอัตรเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำและการใช้ทรัพยากรยังไม่เต็มที่ ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ให้ความเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำและการปรับเพิ่มของผลิตภาพ(productivity)ยังคงช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม การจ้างงานยังฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดอีกทั้งอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานก็ไม่ปรับเพิ่มขึ้นและอยู่ในระดับต่ำ สำหรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในระยะ 2-3 ไตรมาสข้างหน้าอยู่ที่ "balanced"โดยความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อจะลดลงเท่ากับความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้น
กลุ่มประเทศยูโร
ในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจกลุ่มประเทศ Euro zoneยังคงขยายตัวช้า ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ใด้รับผลกระทบจากเหตุการณ์วางระเบิดสถานีรถไฟในประเทศสเปนมากนัก อย่างไรก็ดีการอุปโภคบริโภคยังฟื้นตัวไม่ชัดเจนเนื่องจากผู้บริโภคยังขาดความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งนี้ระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจในปัจจุบันยังอยู่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นเนื่องจากภาวะการจ้างงานยังไม่ฟื้นตัวจากปัญหาโครงสร้างขอตลาดแรงงานที่เรื้อรังเป็นเวลานาน ขณะที่การปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ(Structural Reform) มีความล่าช้านอกจากนี้ ประชาชนในประเทศสมาชิกบางประเทศยังเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตซึ่งจะทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง
สำหรับค่าเงินยูโรในช่วงที่ผ่านมาเคลื่อนไหวผันผวน โดยอ่อนค่าลงมากเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.หลังจากที่ก่อนหน้านี้เงินยูโรได้แข็งค่าขึ้นมาก ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลให้ค่าเงินอ่อนลงส่วนหนึ่งคือท่าทีของ Fed ที่ค่อนข้าง hawkish ซึ่งทำให้ตลาดเริ่มกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯอาจไม่สามารถคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำได้นาน รวมทั้งมีความเป็นไปได้ที่ ECB อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วขึ้นกว่าเดิม
ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 (yoy)ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ร้อยละ 1.9 (yoy)อันเป็นผลมาจาก Base iffect ของราคาสินค้าในหมวดหลังงานซึ่งปรับตัวสูงขึ้นมากในช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าทั้งนี้ ECB เชื่อว่าในช่วงครึ่งแรกของปีดัชนีราคาผู้บริโภคจะผันผวนตามปัจจัยชั่วคราวโดยอาจปรับตัวสูงขึ้นในระยะต่อไปจากการปรับเพิ่มภาษี Indirect tax ในประเทศสมาชิกบางประเทศญี่ปุ่น
เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและการผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวดี โดยในเดือนมกราคมการผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 4.8 (yoy) และเป็นการขยายตัวในเกือบทุกสาขาการผลิต นอกจากนี้ tertiary industry activity index ซึ่งเป็นดัชนีนี้วัดกิจกรรมด้านบริการในระบบเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 2.6 (mom)ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 ทังนี้ ดัชนีย่อยแต่ละหมวดมีการปรับตัวที่ดีขึ้นทุกตัวทั้งด้านบริการ ขายส่ง/ปลีก บริการทางการเงินและประกันภัย บริการสาธารณะ ขนส่งและสื่อสารและอสังหาริมทรัพย์
ล่าสุดบริษัท S&P ได้ปรับ outlook สำหรับ sovereign debt ของญี่ปุ่นจาก negative เป็น stable เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและการปรับลดลงของหนี้เสียในภาคการเงิน อย่างไรก็ดี การที่ญี่ปุ่นยังคงมีปัญหาหนี้ภาครัฐในระดับสูงทำให้ S&P ยังไม่พิจารณาปรับขึ้น rating ให้กับญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ AA-ซึ่งขณะนี้นับว่าต่ำที่สุดของกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก
กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก
- เศรษฐกิจจีนในช่วง2เดือนแรกของปีนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดี การส่งออก2เดือนแรกขยายตัวร้อยละ 28.7 (yoy)ในขณะที่การนภเข้าขยายตัวสูงกว่าที่ร้อยละ 42.0 ทำให้ขาดดุลการค้าสูงถึง 7.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ซึ่งการขาดดุลการค้านี้อาจช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินหยวนในระดับหนึ่ง
อัตราเงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.1(yoy)หลังจากอยู่ที่ร้อยละ 3.2 ติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือน ทั้งนี้เนื่องจากเป็นการเหลื่อมของเทศกาลตรุษจีนซึ่งปีนี้อยู่เดือนมกราคม และราคาอาหารซึ่งปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ราคาธัญพืช อาทิ ข้าวสาลี ข้าวโพดและถั่วเหลืองรวมทั้งฝ้ายยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องตามอุปทานที่ขาดแคลน ส่วนการระบาดของโรคไข้หวัดนกในจีนไส่งผลกระทบให้ราคาไก่มีชีวิตและไข่ปรับตัวลดลง
การขยายตัวของสินเชื่อเริ่มชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งหลังของปี 2546 แต่ยังสูงกว่าที่ทางการตั้งเป้าไว้ในปีนี้ที่ร้อยละ 15-17 โดยสินเชื่อเดือนกุมภาพันธ์ขยายตัวร้อยละ 20.7 ใกล้เคียงกับเดือนมกราคมที่ขยายตัวร้อยละ 20.1
สำนักงานบริหารเงินตราต่างประเทศของจีน(State Administration of Foreign Exchange)ได้เพิ่มความเข้มงวดในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสำหรับบุคคลทั่วไป โดยออกระเบียบกำหนดให้บุคคลใดที่ต้องการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศซึ่งมีมูลค่าเทียบเท่า 10,000 ดอลลาร์ สรอ.ขึ้นไปจะต้องแสดงบัตรประชาชนและเอกสารแสดงที่มาของเงินดังกล่าว สำหรับการแลกเปลี่ยนเงินที่มีมุลค่าตั้งแต่ 50,000 ดอลลาร์ สรอ.ขึ้นไปจะต้องขออนุญาตจากหน่วยงานปริวรรตเงินตราในท้องถิ่น โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2547 คณะกรรมการกำกับธนาคารจีน (China Banking Regulatory Commission:CBRC)ไดกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์จีนต้องดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(capital adeqacy ratio)ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 8.0 ภายในวันที่ 1 มกราคม 2550 โดยต้องเป็นเงินกองทุนชั่นที่ 1(Tier 1)ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4 ซึ่งขณะนี้ธนาคารพาณิชย์จีนส่วนใหญ่มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงต่ำกว่ามาตรฐานดังกล่าว อนึ่งในระหว่างนี้หากธนาคารใดยังมีเงินทุนไม่ถึงเกณฑ์ธนาคารนั้นต้องจัดทำแผนการเพิ่มทุนให้แก่ CBRC ซึ่ง CBRC จะตรวจสอบการปฏิบัติตามอีกทีหนึ่ง ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความสามารถนการจัดการความเสี่ยงของภาคธนาคารจีน
- ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไต้หวันยังอยู่ในภาวะแข็งแกร่งต่อเนื่องผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและการค้าขยายตัวดี อัตราการว่างงานปรับตัวลดลง
การส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์ 2547 ขยายตัวร้อยละ 34.6 (yoy)หรือคิดเป็นมูลค่า 13.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และยังมีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่องตามคำสั่งซื้อทั้งจากจีนและสหรัฐฯที่ยังขยายตัวสูง ส่วนการนำเข้าขยายตัวร้อยละ 56.4 โดยการนำเข้าสินค้าทุนและสินค้าอุปโภคบริโภคที่ขยายตัวสูงสะท้อนถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ
อัตราการว่างงานที่ปรับฤดูกาลแล้วลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 4.6 ในเดือนกุมภาพันธ์ เทียบกับร้อยละ 4.7 ในเดือนมกราคม โดยเป็นผลของนโยบายสร้างงานของรัฐบาลและการส่งออกที่ขยายตัวดี
จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีของไต้หวันเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2547 ประธานาธิบดี Chen Shui-bian ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ด้วยคะแนนเสียงมากกว่านาย Lien Chan ซึ่งเป็นคู่แข่งเพียงเล็กน้อยทำให้นาย Lien Chan ไม่พอใจกับผลการเลือกตั้งดังกล่าวและเรียกร้องให้มีการนับคะแนนเสียงใหม่อีกครั้งซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลสูง
- ภายหลังจากที่อัตราเงินเฟ้อของฮ่องกงมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น 6 เดือนติดต่อกัน ล่าสุดอัตราเงินเฟ้อในเดือนกุมภาพันธ์ติดลบมากขึ้น โดยอยู่ที่ร้อยละ -2.0(yoy)เทียบกับร้อยละ -1.5(yoy)ในเดือนมกราคม ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเหลื่อมของเทศกาลตรุษจีนและระดับราคาที่ลดลงมากในภาคธุรกิจท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดี เครื่องชี้ทางด้านการบริโภคสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวที่ค่อย ๆ ดีขึ้น โดยยอดค้าปลีกในเดือนมกราคมขยายตัวร้อยละ 4.2(yoy)ซึ่งเป็นการขยายตัว 6 เดือนติดต่อกัน
อนึ่งในการายงานแผนงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2548 นั้นทางการฮ่องกงไม่ได้มีมาตรการใด ๆ ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาการขาดดุลงบประมาณ ส่วนหนึ่งเพราะในเดือนกันยายนปีนี้ฮ่องกงจะมีการเลือกตั้ง Legislative Council ทำให้ทางการไม่ต้องการที่จะดำเนินมาตรการใด ๆ ที่อาจได้รับการต่อต้านจากประชาชนทางการจึงยังคงไม่ปรับขึ้นอัตราภาษีหรือค่าบริการใด ๆ ในขณะเดียวกันก็ได้ขยายระยะเวลาผ่อนผันให้นำค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่อยู่อาศัยมาหักเป็นค่าลดหย่อนการเสียภาษีเงินได้จากเดิม 5 ปีเป็น 7 ปี ทั้งนี้ การที่ทางการยังไม่มีการปรับขึ้นภาษีน่าจะเป็นผลดีต่อการบริโภคของภาคเอกชนในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม ทางการได้มีการพูดถึงกรอบระยะเวลาในการนำ Good and Services Tax (GST)มาใช้ แต่ไม่น่าจะใช้ก่อนปี 2549 โดยอัตรา GST อาจอยู่ที่ร้อยละ 5
นาย Roh Moo Hyun ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ถูกถอดถอนจากตำแหน่งหลังจากที่รัฐสภาลงมติด้วยคะแนนเสียง 2 ใน 3 ว่านาย Roh ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งทั้งนี้ อำนาจของประธานาธิบดีจะถูกระงับทันทีจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้ตัดสินในขึ้นสุดท้ายภายในเวลา 60 วันนับจากวันที่รัฐสภาถอดถอนอย่างไรก็ดี รัฐมนตรีทางเศรษฐกิจ ตลอดจนผู้ว่าการธนาคารกลางของเกาหลีใต้ได้ออกมายืนยันว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางเศรษฐกิจและนโยบายต่างประเทศ
กลุ่มประเทศอาเซียน
- เศรษฐกิจสิงคโปร์ค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามการส่งออกที่ยังขยายตัวสูงโดยเฉลี่ยในช่วง 2เดือนแรกของปีนี้ขยายตัวร้อยละ 15.5 (yoy)เทียบกับในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 19 ทั้งนี้ทางการได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้จากร้อยละ 3-5 เป็นร้อยละ 3.5-5.5
แรกกดดันต่อเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ โดยอัตราเงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ร้อยละ 1.5(yoy)แม้ว่าราคาอาหารโดยเฉพาะผักสดและเนื้อหมูได้ปรับตัวสูงขึ้นจากการระบาดของโรคไข้หวัดนกในภูมิภาค ขณะที่ราคาเชื้อเพลิงก็ปรับตัวสูงขึ้นและมีการปรับขึ้นภาษีสินค้าและบริการจากร้อยละ 4 เป็นร้อยละ 5 นับตั้งแต่ต้นปีทั้งนี้ธนาคารกลางสิงคโปร์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะยังคงเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.2 เทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 0.5
- เศรษฐกิจมาเลเซียยังคงขยายตัวดี การผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนมกราคมขยายตัวร้อยละ 16.7(yoy)จากการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการส่งออกขณะที่อัตราเงินเฟ้อในเดือนกุมภาพันธ์ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.9 (yoy) เนื่องจากราคาสินค้าในหมวดเครื่องนุ่งห่มปรับตัวลดลง ด้านต่างประเทศการส่งออกในเดือนมกราคมชะลอลงโดยขยายตัวร้อยละ 7.5 (yoy)เนื่องจากวันหยุดในช่วงเทศกาลตรุษจีนและการปรับย้อนหลังตัวเลขการส่งออกในปีก่อนให้สูงขึ้น ส่วนการนำเข้าขยายตัวร้อยละ 12 (yoy)ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าสินค้าขึ้นกลางส่งผลให้ดุลการค้าเดินดุล 1.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
อนึ่งผลการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาของมาเลเซียเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2547 ปรากฎว่าพรรคร่วมรัฐบาลชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น
- เศรษฐกิจอินโดนีเซียค่อนข้างมีเสถียรภาพดุลการค้ายังคงเกินดุลและอัตราเงินเฟ้อโน้มต่ำลงต่อเนื่องโดยล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ร้อยละ 4.6(yoy)ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในรอบ 43 เดือน ปัจจัยสำคัญมาจากค่าเงินรูเปีย์ห์ต่อดอลลาร์ สรอ. กอปรกับราคาอาหารที่ปรับตัวลดลงตามอุปทานที่มีมาก ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ในตลาดเห็นว่าแนวโน้มการลดลงของอัตราเงินเฟ้อน่าจะทำให้ธนาคารกลางมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้อีกอย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ยังคงจับตามองสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของการเลือกตั้งภายในอินโดนีเซียซึ่งจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 5 เมษายน และการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 กรกฎาคม 2547
- การส่งออกของฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคมขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 5.7 (yoy)ขณะที่การนำเข้าขยายตัวร้อยละ 9.0 (yoy) สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้จากการขยายตัวอขงการนำเข้าสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ในการผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลัก(สินค้าอิเล็กทรอนิกส์มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 45 ของการนำเข้ารวม) ส่งผลให้ฟิลิปปินส์ขาดดุลการค้าในเดือนมกราคม 336 ล้านดอลลาร์ สรอ.ซึ่งนับเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์เห็นว่าดุลการค้ามีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นตามการเร่งตัวของการส่งออกในระยะต่อไป
สำหรับค่าเงินเปโซในช่วงที่ผ่านมายังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากปัจจัยความไม่แน่นอทางการเมืองภายในประเทศเป็นหลัก (Political uncertaintry)เนื่องจากฟิลิปปินส์จะจัดให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ ขณะที่การขาดดุลงบประมาณล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2547 อยู่ที่ 18.45 พันล้านเปโซสูงขึ้นจากเดือนมกราคม และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าเนื่องจากรายจ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้การขอดดุลงบประมาณในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 34.57 พันล้านแผโซหรือคิดเป็นร้อยละ 58.7 ของเป้าการขาดดุลสำหรับไตรมาสแรก อนึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าการขาดดุลงบประมาณในปีนี้อาจมีแนวโน้มสูงกว่าเป้าที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ร้อยละ 4.2 ของGDPจากการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อหาเสียง (Campaignspending) ในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ลจ-
สหรัฐอเมริกา
- เศรษฐกิจสหรัฐฯยังมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากการขยายตัวของการใช้จ่ายในทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ
ด้านการบริโภครายได้และรายจ่ายของผู้บริโภคในเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1และ 5.3 (yoy)ตามลำดับ เทียบกับร้อยละ 4.1 และ 5.1 ในเดือนก่อนทั้งนี้ ในเดือนมีนาคมความเชื่อมั่นของผู้บริโภค(U. of Michigan Confidence)ในเดือนมีนาคมปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 95.8 เป็นผลจาก tax refund ที่ผู้บริโภคได้รับคืนในช่วงที่ผ่านมา
ด้านการผลิตปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ขยายตัวร้อยละ 2.7 (yoy)จากการเพิ่มขึ้นของการผลิตรถยนต์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักร สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ(ISM Manufacturing) แม้ว่าจะปรับลดลงแต่ยังคงสูงกว่าระดับ 60 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยในเดือนกุมภาพันธ์ปรับลดลงจาก 63.6 มาอยู่ที่ 61.4 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์เป็นผลมาจากการลดลงของความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อใหม่และการผลิต แต่ความเชื่อมั่นด้านการจ้างงานปรับสูงขึ้นจากระดับ 52.9 มาอยู่ที่ 56.3 สะท้อนถึงแนวโน้มการจ้างงานที่ฟื้นตัวดีขึ้น
แม้ว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นแต่ยังไม่สร้างแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไป ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.7(yoy)ทั้งนี้ ราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นได้แก่ราคาสินค้าในหมวดพลังงานและ medical care สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 (you)
สำหรับการประชุม FOMC เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2547 ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ย Fed funds ไว้ที่ร้อยละ 1.0 เนื่องจากอัตรเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำและการใช้ทรัพยากรยังไม่เต็มที่ ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ให้ความเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำและการปรับเพิ่มของผลิตภาพ(productivity)ยังคงช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม การจ้างงานยังฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดอีกทั้งอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานก็ไม่ปรับเพิ่มขึ้นและอยู่ในระดับต่ำ สำหรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในระยะ 2-3 ไตรมาสข้างหน้าอยู่ที่ "balanced"โดยความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อจะลดลงเท่ากับความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้น
กลุ่มประเทศยูโร
ในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจกลุ่มประเทศ Euro zoneยังคงขยายตัวช้า ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ใด้รับผลกระทบจากเหตุการณ์วางระเบิดสถานีรถไฟในประเทศสเปนมากนัก อย่างไรก็ดีการอุปโภคบริโภคยังฟื้นตัวไม่ชัดเจนเนื่องจากผู้บริโภคยังขาดความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งนี้ระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจในปัจจุบันยังอยู่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นเนื่องจากภาวะการจ้างงานยังไม่ฟื้นตัวจากปัญหาโครงสร้างขอตลาดแรงงานที่เรื้อรังเป็นเวลานาน ขณะที่การปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ(Structural Reform) มีความล่าช้านอกจากนี้ ประชาชนในประเทศสมาชิกบางประเทศยังเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตซึ่งจะทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง
สำหรับค่าเงินยูโรในช่วงที่ผ่านมาเคลื่อนไหวผันผวน โดยอ่อนค่าลงมากเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.หลังจากที่ก่อนหน้านี้เงินยูโรได้แข็งค่าขึ้นมาก ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลให้ค่าเงินอ่อนลงส่วนหนึ่งคือท่าทีของ Fed ที่ค่อนข้าง hawkish ซึ่งทำให้ตลาดเริ่มกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯอาจไม่สามารถคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำได้นาน รวมทั้งมีความเป็นไปได้ที่ ECB อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วขึ้นกว่าเดิม
ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 (yoy)ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ร้อยละ 1.9 (yoy)อันเป็นผลมาจาก Base iffect ของราคาสินค้าในหมวดหลังงานซึ่งปรับตัวสูงขึ้นมากในช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าทั้งนี้ ECB เชื่อว่าในช่วงครึ่งแรกของปีดัชนีราคาผู้บริโภคจะผันผวนตามปัจจัยชั่วคราวโดยอาจปรับตัวสูงขึ้นในระยะต่อไปจากการปรับเพิ่มภาษี Indirect tax ในประเทศสมาชิกบางประเทศญี่ปุ่น
เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและการผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวดี โดยในเดือนมกราคมการผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 4.8 (yoy) และเป็นการขยายตัวในเกือบทุกสาขาการผลิต นอกจากนี้ tertiary industry activity index ซึ่งเป็นดัชนีนี้วัดกิจกรรมด้านบริการในระบบเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 2.6 (mom)ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 ทังนี้ ดัชนีย่อยแต่ละหมวดมีการปรับตัวที่ดีขึ้นทุกตัวทั้งด้านบริการ ขายส่ง/ปลีก บริการทางการเงินและประกันภัย บริการสาธารณะ ขนส่งและสื่อสารและอสังหาริมทรัพย์
ล่าสุดบริษัท S&P ได้ปรับ outlook สำหรับ sovereign debt ของญี่ปุ่นจาก negative เป็น stable เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและการปรับลดลงของหนี้เสียในภาคการเงิน อย่างไรก็ดี การที่ญี่ปุ่นยังคงมีปัญหาหนี้ภาครัฐในระดับสูงทำให้ S&P ยังไม่พิจารณาปรับขึ้น rating ให้กับญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ AA-ซึ่งขณะนี้นับว่าต่ำที่สุดของกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก
กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก
- เศรษฐกิจจีนในช่วง2เดือนแรกของปีนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดี การส่งออก2เดือนแรกขยายตัวร้อยละ 28.7 (yoy)ในขณะที่การนภเข้าขยายตัวสูงกว่าที่ร้อยละ 42.0 ทำให้ขาดดุลการค้าสูงถึง 7.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ซึ่งการขาดดุลการค้านี้อาจช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินหยวนในระดับหนึ่ง
อัตราเงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.1(yoy)หลังจากอยู่ที่ร้อยละ 3.2 ติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือน ทั้งนี้เนื่องจากเป็นการเหลื่อมของเทศกาลตรุษจีนซึ่งปีนี้อยู่เดือนมกราคม และราคาอาหารซึ่งปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ราคาธัญพืช อาทิ ข้าวสาลี ข้าวโพดและถั่วเหลืองรวมทั้งฝ้ายยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องตามอุปทานที่ขาดแคลน ส่วนการระบาดของโรคไข้หวัดนกในจีนไส่งผลกระทบให้ราคาไก่มีชีวิตและไข่ปรับตัวลดลง
การขยายตัวของสินเชื่อเริ่มชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งหลังของปี 2546 แต่ยังสูงกว่าที่ทางการตั้งเป้าไว้ในปีนี้ที่ร้อยละ 15-17 โดยสินเชื่อเดือนกุมภาพันธ์ขยายตัวร้อยละ 20.7 ใกล้เคียงกับเดือนมกราคมที่ขยายตัวร้อยละ 20.1
สำนักงานบริหารเงินตราต่างประเทศของจีน(State Administration of Foreign Exchange)ได้เพิ่มความเข้มงวดในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสำหรับบุคคลทั่วไป โดยออกระเบียบกำหนดให้บุคคลใดที่ต้องการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศซึ่งมีมูลค่าเทียบเท่า 10,000 ดอลลาร์ สรอ.ขึ้นไปจะต้องแสดงบัตรประชาชนและเอกสารแสดงที่มาของเงินดังกล่าว สำหรับการแลกเปลี่ยนเงินที่มีมุลค่าตั้งแต่ 50,000 ดอลลาร์ สรอ.ขึ้นไปจะต้องขออนุญาตจากหน่วยงานปริวรรตเงินตราในท้องถิ่น โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2547 คณะกรรมการกำกับธนาคารจีน (China Banking Regulatory Commission:CBRC)ไดกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์จีนต้องดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(capital adeqacy ratio)ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 8.0 ภายในวันที่ 1 มกราคม 2550 โดยต้องเป็นเงินกองทุนชั่นที่ 1(Tier 1)ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4 ซึ่งขณะนี้ธนาคารพาณิชย์จีนส่วนใหญ่มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงต่ำกว่ามาตรฐานดังกล่าว อนึ่งในระหว่างนี้หากธนาคารใดยังมีเงินทุนไม่ถึงเกณฑ์ธนาคารนั้นต้องจัดทำแผนการเพิ่มทุนให้แก่ CBRC ซึ่ง CBRC จะตรวจสอบการปฏิบัติตามอีกทีหนึ่ง ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความสามารถนการจัดการความเสี่ยงของภาคธนาคารจีน
- ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไต้หวันยังอยู่ในภาวะแข็งแกร่งต่อเนื่องผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและการค้าขยายตัวดี อัตราการว่างงานปรับตัวลดลง
การส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์ 2547 ขยายตัวร้อยละ 34.6 (yoy)หรือคิดเป็นมูลค่า 13.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และยังมีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่องตามคำสั่งซื้อทั้งจากจีนและสหรัฐฯที่ยังขยายตัวสูง ส่วนการนำเข้าขยายตัวร้อยละ 56.4 โดยการนำเข้าสินค้าทุนและสินค้าอุปโภคบริโภคที่ขยายตัวสูงสะท้อนถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ
อัตราการว่างงานที่ปรับฤดูกาลแล้วลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 4.6 ในเดือนกุมภาพันธ์ เทียบกับร้อยละ 4.7 ในเดือนมกราคม โดยเป็นผลของนโยบายสร้างงานของรัฐบาลและการส่งออกที่ขยายตัวดี
จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีของไต้หวันเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2547 ประธานาธิบดี Chen Shui-bian ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ด้วยคะแนนเสียงมากกว่านาย Lien Chan ซึ่งเป็นคู่แข่งเพียงเล็กน้อยทำให้นาย Lien Chan ไม่พอใจกับผลการเลือกตั้งดังกล่าวและเรียกร้องให้มีการนับคะแนนเสียงใหม่อีกครั้งซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลสูง
- ภายหลังจากที่อัตราเงินเฟ้อของฮ่องกงมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น 6 เดือนติดต่อกัน ล่าสุดอัตราเงินเฟ้อในเดือนกุมภาพันธ์ติดลบมากขึ้น โดยอยู่ที่ร้อยละ -2.0(yoy)เทียบกับร้อยละ -1.5(yoy)ในเดือนมกราคม ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเหลื่อมของเทศกาลตรุษจีนและระดับราคาที่ลดลงมากในภาคธุรกิจท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดี เครื่องชี้ทางด้านการบริโภคสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวที่ค่อย ๆ ดีขึ้น โดยยอดค้าปลีกในเดือนมกราคมขยายตัวร้อยละ 4.2(yoy)ซึ่งเป็นการขยายตัว 6 เดือนติดต่อกัน
อนึ่งในการายงานแผนงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2548 นั้นทางการฮ่องกงไม่ได้มีมาตรการใด ๆ ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาการขาดดุลงบประมาณ ส่วนหนึ่งเพราะในเดือนกันยายนปีนี้ฮ่องกงจะมีการเลือกตั้ง Legislative Council ทำให้ทางการไม่ต้องการที่จะดำเนินมาตรการใด ๆ ที่อาจได้รับการต่อต้านจากประชาชนทางการจึงยังคงไม่ปรับขึ้นอัตราภาษีหรือค่าบริการใด ๆ ในขณะเดียวกันก็ได้ขยายระยะเวลาผ่อนผันให้นำค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่อยู่อาศัยมาหักเป็นค่าลดหย่อนการเสียภาษีเงินได้จากเดิม 5 ปีเป็น 7 ปี ทั้งนี้ การที่ทางการยังไม่มีการปรับขึ้นภาษีน่าจะเป็นผลดีต่อการบริโภคของภาคเอกชนในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม ทางการได้มีการพูดถึงกรอบระยะเวลาในการนำ Good and Services Tax (GST)มาใช้ แต่ไม่น่าจะใช้ก่อนปี 2549 โดยอัตรา GST อาจอยู่ที่ร้อยละ 5
นาย Roh Moo Hyun ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ถูกถอดถอนจากตำแหน่งหลังจากที่รัฐสภาลงมติด้วยคะแนนเสียง 2 ใน 3 ว่านาย Roh ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งทั้งนี้ อำนาจของประธานาธิบดีจะถูกระงับทันทีจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้ตัดสินในขึ้นสุดท้ายภายในเวลา 60 วันนับจากวันที่รัฐสภาถอดถอนอย่างไรก็ดี รัฐมนตรีทางเศรษฐกิจ ตลอดจนผู้ว่าการธนาคารกลางของเกาหลีใต้ได้ออกมายืนยันว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางเศรษฐกิจและนโยบายต่างประเทศ
กลุ่มประเทศอาเซียน
- เศรษฐกิจสิงคโปร์ค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามการส่งออกที่ยังขยายตัวสูงโดยเฉลี่ยในช่วง 2เดือนแรกของปีนี้ขยายตัวร้อยละ 15.5 (yoy)เทียบกับในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 19 ทั้งนี้ทางการได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้จากร้อยละ 3-5 เป็นร้อยละ 3.5-5.5
แรกกดดันต่อเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ โดยอัตราเงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ร้อยละ 1.5(yoy)แม้ว่าราคาอาหารโดยเฉพาะผักสดและเนื้อหมูได้ปรับตัวสูงขึ้นจากการระบาดของโรคไข้หวัดนกในภูมิภาค ขณะที่ราคาเชื้อเพลิงก็ปรับตัวสูงขึ้นและมีการปรับขึ้นภาษีสินค้าและบริการจากร้อยละ 4 เป็นร้อยละ 5 นับตั้งแต่ต้นปีทั้งนี้ธนาคารกลางสิงคโปร์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะยังคงเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.2 เทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 0.5
- เศรษฐกิจมาเลเซียยังคงขยายตัวดี การผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนมกราคมขยายตัวร้อยละ 16.7(yoy)จากการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการส่งออกขณะที่อัตราเงินเฟ้อในเดือนกุมภาพันธ์ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.9 (yoy) เนื่องจากราคาสินค้าในหมวดเครื่องนุ่งห่มปรับตัวลดลง ด้านต่างประเทศการส่งออกในเดือนมกราคมชะลอลงโดยขยายตัวร้อยละ 7.5 (yoy)เนื่องจากวันหยุดในช่วงเทศกาลตรุษจีนและการปรับย้อนหลังตัวเลขการส่งออกในปีก่อนให้สูงขึ้น ส่วนการนำเข้าขยายตัวร้อยละ 12 (yoy)ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าสินค้าขึ้นกลางส่งผลให้ดุลการค้าเดินดุล 1.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
อนึ่งผลการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาของมาเลเซียเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2547 ปรากฎว่าพรรคร่วมรัฐบาลชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น
- เศรษฐกิจอินโดนีเซียค่อนข้างมีเสถียรภาพดุลการค้ายังคงเกินดุลและอัตราเงินเฟ้อโน้มต่ำลงต่อเนื่องโดยล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ร้อยละ 4.6(yoy)ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในรอบ 43 เดือน ปัจจัยสำคัญมาจากค่าเงินรูเปีย์ห์ต่อดอลลาร์ สรอ. กอปรกับราคาอาหารที่ปรับตัวลดลงตามอุปทานที่มีมาก ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ในตลาดเห็นว่าแนวโน้มการลดลงของอัตราเงินเฟ้อน่าจะทำให้ธนาคารกลางมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้อีกอย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ยังคงจับตามองสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของการเลือกตั้งภายในอินโดนีเซียซึ่งจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 5 เมษายน และการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 กรกฎาคม 2547
- การส่งออกของฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคมขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 5.7 (yoy)ขณะที่การนำเข้าขยายตัวร้อยละ 9.0 (yoy) สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้จากการขยายตัวอขงการนำเข้าสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ในการผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลัก(สินค้าอิเล็กทรอนิกส์มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 45 ของการนำเข้ารวม) ส่งผลให้ฟิลิปปินส์ขาดดุลการค้าในเดือนมกราคม 336 ล้านดอลลาร์ สรอ.ซึ่งนับเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์เห็นว่าดุลการค้ามีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นตามการเร่งตัวของการส่งออกในระยะต่อไป
สำหรับค่าเงินเปโซในช่วงที่ผ่านมายังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากปัจจัยความไม่แน่นอทางการเมืองภายในประเทศเป็นหลัก (Political uncertaintry)เนื่องจากฟิลิปปินส์จะจัดให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ ขณะที่การขาดดุลงบประมาณล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2547 อยู่ที่ 18.45 พันล้านเปโซสูงขึ้นจากเดือนมกราคม และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าเนื่องจากรายจ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้การขอดดุลงบประมาณในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 34.57 พันล้านแผโซหรือคิดเป็นร้อยละ 58.7 ของเป้าการขาดดุลสำหรับไตรมาสแรก อนึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าการขาดดุลงบประมาณในปีนี้อาจมีแนวโน้มสูงกว่าเป้าที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ร้อยละ 4.2 ของGDPจากการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อหาเสียง (Campaignspending) ในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ลจ-