นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงวันนี้ (7 มี.ค. 47) ที่พรรคประชาธิปัตย์ ต่อสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ผู้นำศาสนาให้ความร่วมมือชี้เบาะแสนั้น พรรคประชาธิปัตย์มองว่าข้อเรียกร้องของนายกฯ ชี้ให้เห็นว่านายกฯกำลังเข้าใจผิดในข้อเท็จจริงของปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาถึงวันนี้เหตุการณ์ผ่านมา 2 เดือนแล้ว นับตั้งแต่วันที่มีการเผาโรงเรียนและปล้นอาวุธจากค่ายทหารจนถึงวันนี้ มีการฆ่าประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐเกือบทุกวัน แต่นายกฯยังเข้าใจผิดคิดว่าปัญหาภาคใต้นั้นเกิดขึ้นจากการที่ผู้นำศาสนาไม่ให้ความร่วมมือ เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดความเข้าใจผิด มีข้อมูลผิด การแก้ไขปัญหาก็ต้องผิดตามไปด้วย นายกฯจะต้องยอมรับความจริงว่า การแก้ปัญหาเป็นไปด้วยความผิดพลาดมาโดยตลอด
นายองอาจ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ชี้ให้เห็นมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าเงื่อนไขสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้คือ การไม่ลงรอยกันระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะระหว่างเจ้าที่ตำรวจและทหาร และการที่นายกฯได้รับข้อมูลที่ผิดพลาดจนทำให้มีการตำหนิหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้ในที่ประชุม ครม. มาแล้ว ชี้ให้เห็นว่านายกฯไม่ได้นำข้อมูลต่างๆมาบูรณาการและปรับวิธีการแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตามโฆษกพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของ รมว.หมาดไทยเพียงคนเดียว คนที่ควรรับผิดชอบในเรื่องนี้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ที่พยายามแสดงออกมาตลอดว่าเป็นซีอีโอของประเทศ
“พรรคประชาธิปัตย์ ขอยืนยันว่า เหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เงื่อนไขหลักไม่ได้เกิดขึ้นจากพี่น้องศาสนาใดก็ตามไปทำให้เกิดขึ้น แต่เงื่อนไขหลักคือการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่ไม่ถูกต้อง และความขัดแย้ง ความไม่ลงตัว ไม่ลงรอยกันระหว่างเจ้าหน้าที่ ถึงขนาดมีการออกแถลงการณ์ของทหารกล่าวตำหนิเจ้าหน้าที่บางหน่วยงานที่บอกว่ารายงานเท็จต่อนายกฯ จนกระทั่งนายกฯกล่าวตำหนิรองนายกฯ ตำหนิ รมว.กลาโหม ตำหนิ ผบ.ทบ. ในที่ประชุม ครม.มาแล้ว และการที่นายกฯบอกว่าอีก 3 ปีจะทำให้ใต้ร่มเย็นนั้น พรรคประชาธิปัตย์ขอตั้งข้อสังเกตว่าถ้ารอถึง 3 ปี เจ้าหน้าที่ของบ้านเมือง ข้าราชการ พระภิกษุสงฆ์ รวมทั้งพี่น้องประชาชน ต้องตายอีกกี่ศพ ขณะนี้มีการตายทุกวัน ท่านยังไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้เลย ท่านจะปล่อยให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นไปอีก 3 ปี ท่านจะปล่อยให้มีคนตายไปอีก 3 ปีหรือ” นายองอาจกล่าว
ส่วนกรณีที่นิตยสารต่างประเทศลงเรื่องเกี่ยวกับความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยพาดหัวตัวโตว่า ‘Thailand war zone’ หรือ พื้นที่สงครามของไทยนั้น นายองอาจกล่าวว่า เรื่องนี้ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามรัฐบาลไม่ควรตำหนินิตยสารเหล่านี้ แต่รัฐบาลควรตำหนิตนเองที่ปล่อยให้เหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สิ่งที่นิตยสารลงครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง ชาวต่างประเทศจำนวนไม่น้อยคงไม่สามารถแยกแยะได้ว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ตรงไหน ซึ่งคงส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก และผลกระทบนี้ไม่ได้เกิดจากนิตยสารต่างประเทศแต่เกิดจากความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลที่ไม่สามารถเแก้ปัญหานี้ได้ เพราะฉะนั้นสื่อมวลชนต่างประเทศฉบับหนึ่งก็มีสิทธิที่จะมองและวิพากษ์วิจารณ์ประเทศไทยในภาพรวมในลักษณะนี้ และแทนที่รัฐบาลจะตำหนิสื่อต่างประเทศ ตนขอเรียกร้องให้รัฐบาลมองตัวเอง ตำหนิตัวเอง และทบทวนตัวเองในเรื่องของการแก้ไขปัญหาก่อนที่จะไปตำหนิผู้อื่น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 07/03/47--จบ--
-สส-
นายองอาจ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ชี้ให้เห็นมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าเงื่อนไขสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้คือ การไม่ลงรอยกันระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะระหว่างเจ้าที่ตำรวจและทหาร และการที่นายกฯได้รับข้อมูลที่ผิดพลาดจนทำให้มีการตำหนิหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้ในที่ประชุม ครม. มาแล้ว ชี้ให้เห็นว่านายกฯไม่ได้นำข้อมูลต่างๆมาบูรณาการและปรับวิธีการแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตามโฆษกพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของ รมว.หมาดไทยเพียงคนเดียว คนที่ควรรับผิดชอบในเรื่องนี้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ที่พยายามแสดงออกมาตลอดว่าเป็นซีอีโอของประเทศ
“พรรคประชาธิปัตย์ ขอยืนยันว่า เหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เงื่อนไขหลักไม่ได้เกิดขึ้นจากพี่น้องศาสนาใดก็ตามไปทำให้เกิดขึ้น แต่เงื่อนไขหลักคือการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่ไม่ถูกต้อง และความขัดแย้ง ความไม่ลงตัว ไม่ลงรอยกันระหว่างเจ้าหน้าที่ ถึงขนาดมีการออกแถลงการณ์ของทหารกล่าวตำหนิเจ้าหน้าที่บางหน่วยงานที่บอกว่ารายงานเท็จต่อนายกฯ จนกระทั่งนายกฯกล่าวตำหนิรองนายกฯ ตำหนิ รมว.กลาโหม ตำหนิ ผบ.ทบ. ในที่ประชุม ครม.มาแล้ว และการที่นายกฯบอกว่าอีก 3 ปีจะทำให้ใต้ร่มเย็นนั้น พรรคประชาธิปัตย์ขอตั้งข้อสังเกตว่าถ้ารอถึง 3 ปี เจ้าหน้าที่ของบ้านเมือง ข้าราชการ พระภิกษุสงฆ์ รวมทั้งพี่น้องประชาชน ต้องตายอีกกี่ศพ ขณะนี้มีการตายทุกวัน ท่านยังไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้เลย ท่านจะปล่อยให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นไปอีก 3 ปี ท่านจะปล่อยให้มีคนตายไปอีก 3 ปีหรือ” นายองอาจกล่าว
ส่วนกรณีที่นิตยสารต่างประเทศลงเรื่องเกี่ยวกับความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยพาดหัวตัวโตว่า ‘Thailand war zone’ หรือ พื้นที่สงครามของไทยนั้น นายองอาจกล่าวว่า เรื่องนี้ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามรัฐบาลไม่ควรตำหนินิตยสารเหล่านี้ แต่รัฐบาลควรตำหนิตนเองที่ปล่อยให้เหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สิ่งที่นิตยสารลงครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง ชาวต่างประเทศจำนวนไม่น้อยคงไม่สามารถแยกแยะได้ว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ตรงไหน ซึ่งคงส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก และผลกระทบนี้ไม่ได้เกิดจากนิตยสารต่างประเทศแต่เกิดจากความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลที่ไม่สามารถเแก้ปัญหานี้ได้ เพราะฉะนั้นสื่อมวลชนต่างประเทศฉบับหนึ่งก็มีสิทธิที่จะมองและวิพากษ์วิจารณ์ประเทศไทยในภาพรวมในลักษณะนี้ และแทนที่รัฐบาลจะตำหนิสื่อต่างประเทศ ตนขอเรียกร้องให้รัฐบาลมองตัวเอง ตำหนิตัวเอง และทบทวนตัวเองในเรื่องของการแก้ไขปัญหาก่อนที่จะไปตำหนิผู้อื่น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 07/03/47--จบ--
-สส-