ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.วิเคราะห์สถานะทางการเงินของภาคธุรกิจไทย ระบุธุรกิจเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ออกบทวิเคราะห์เรื่อง “การปรับตัว
และการฟื้นฟูสถานะทางการเงินของภาคธุรกิจไทย” ระบุว่า โครงสร้างหนี้ต่อทุนมีสัดส่วนกลับไปใกล้เคียงกับ
สัดส่วนช่วงก่อนเกิดวิกฤติ โดยเฉพาะหมวดการผลิต หมวดพาณิชย์ หมวดรับเหมาก่อสร้าง และหมวดอสังหาริม
ทรัพย์ มีการปรับตัวอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่สินเชื่อสถาบันการเงินลดลงน้อยกว่าเดิม ส่วนเจ้าหนี้การค้ามีการ
ปรับตัวเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าธุรกิจเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยง 2 เรื่องที่ต้องระวังคือ ความ
เสี่ยงในภาคธุรกิจในเรื่องเงินทุน และในภาคสถาบันการเงินในเรื่องของเอ็นพีแอลย้อนคืน (ผู้จัดการรายวัน, สยามรัฐ)
2. สศช.เตรียมแถลงตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 46 และแนวโน้มปี 47
เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า วันนี้ (8
มี.ค.47) สศช.จะแถลงตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 46 รวมถึงแนวโน้มอัตราการขยายตัวในปี
47 ซึ่งการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจทั้งปี 46 ขยาย
ตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 6.3% สำหรับในปี 47 แม้จะมีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก และ
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลดลง แต่ สศช.ยังคงไม่ปรับลดเป้าหมายการขยายตัวของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะขยายตัว
7-8% เนื่องจากภาคเอกชนเริ่มมีการลงทุนใหม่เพิ่มขึ้น เห็นได้จากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่อยู่ในระดับสูงถึง
74% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสนับสนุนให้เศรษฐกิจปี 47 ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง (กรุงเทพธุรกิจ)
3. สศค.ในฐานะตัวแทนประเทศไทยเร่งเจรจากับกลุ่มความร่วมมือเอซีดีเพื่อจัดตั้งกองทุนเอซีดี
ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ในฐานะตัวแทนประเทศไทย กำลังเร่งเจรจากับ
ประเทศสมาชิกในกลุ่มความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) ซึ่งมีอยู่ 22 ประเทศ
เพื่อร่วมกันจัดตั้งกองทุนเอซีดี (ACD Fund) วงเงิน 10,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. (ประมาณ 400,000 ล.
บาท) และจะนำเรื่องดังกล่าวหารือกับกลุ่มสมาชิกเอดีซีอีกครั้งในการประชุม รมว.คลังกลุ่มความร่วมมือเอซีดี
ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 2 พ.ค.47 ที่กรุงเทพฯ และเชื่อว่าจะประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการได้ภายในวันที่
21-22 มิ.ย.47 โดยเบื้องต้นมีสมาชิกหลายประเทศพร้อมที่จะนำเงินมาลงทุน และในระยะแรกคาดว่าจะจ้าง
ผู้บริหารกองทุนมืออาชีพจากยุโรปหรืออเมริกามาช่วยบริหารการลงทุน (สยามรัฐ, ผู้จัดการรายวัน)
4. สำนักบริหารหนี้สาธารณะเสนอแผนการออกตราสารหนี้ภาครัฐประจำปี งปม.47 ผอ.สำนัก
บริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า สำนักบริหารหนี้สาธารณะได้เสนอภาพรวมการออกตราสารหนี้ภาครัฐประจำปี
งปม.47 ให้ ก.คลัง เพื่อพิจารณา โดยคาดว่าในปีนี้ภาพรวมการออกตราสารหนี้ภาครัฐจะมีมูลค่าประมาณ
210,000-250,000 ล.บาท ซึ่งตารางเวลาในการออกตราสารหนี้ภาครัฐ จะออกเป็นช่วงเวลาต่างๆ ที่
ชัดเจน เพื่อให้ตลาด พธบ.มีสินค้าในตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องพิจารณาความเหมาะสมประกอบ โดยในเดือน
มี.ค.47 ก.คลังเตรียมออก พธบ. เพื่อนำเงินมาชดเชยความเสียหายแก่กองทุนฟื้นฟูฯ วงเงิน 30,000 ล.
บาท และในเดือน พ.ค.47 จะออก พธบ.เอเชีย (เอเชียบอนด์) วงเงิน 30,000 ล.บาท นอกจากนี้ ก.
คลังจะพิจารณาออก พธบ.ออมทรัพย์เสนอขายประชาชนทั่วไปในวงเงิน 40,000 ล.บาทในเดือน มิ.ย.นี้
เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนในภาวะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากตกต่ำ ส่วนในช่วงปลายปี 47 (เดือน
ส.ค.-ก.ย.) จะมีการออก พธบ.เพื่อชดเชยความเสียหายของกองทุนฟื้นฟูฯ อีกในวงเงิน 30,000 ล.บาท
ซึ่งถือเป็น พธบ.ล็อตสุดท้ายในปี งปม.47 (กรุงเทพธุรกิจ, แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว รายงานจากเมือง Leipzig เยอรมนี เมื่อวันที่ 26
มี.ค.47 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในระยะสั้นกำลังฟื้นตัว โดย
มีปัจจัยสนับสนุนคือ ตัวเลขดัชนีทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของ สรอ. ที่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจ สรอ. กำลังมี
การขยายตัวอย่างมาก แม้ว่าการจ่ายค่าจ้างแรงงานยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อน และตัวเลขการจ้างงานยัง
ต้องเป็นปัจจัยสนับสนุนการบริโภคของภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีและดอกเบี้ยที่ลดลง ส่วนใน
เรื่องค่าเงินยูโรแม้ว่าจะยังไม่มีปัจจัยแสดงที่เด่นชัด แต่คาดว่าการที่ค่าเงินยูโรมีเสถียรภาพมากขึ้นจะส่งผลดี
ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะกลางยังคงมีความเสี่ยง
เนื่องจากปัญหาการขึ้นดอกเบี้ย รวมทั้งปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความ
เชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งจะต้องมีการจัดการอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและการ
ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ (รอยเตอร์)
2. ผู้ว่าการ ธ.กลางญี่ปุ่นเห็นว่าภาวะเงินฝืดของญี่ปุ่นในขณะนี้ยังคงส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ในประเทศ รายงานจากบาเซิล สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อ 7 มี.ค.47 ผู้ว่าการ ธ.กลางญี่ปุ่น (Toshihiko
Fukui) เปิดเผยว่า ความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืดของญี่ปุ่นยังไม่หมดสิ้นไปที่จะทำให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นปรับฟื้น
ตัวดีขึ้น และในส่วนของสถาบันการเงินก็จะยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปอีกระยะหนึ่ง นอก
จากนี้ รายงานการประชุมของนายธนาคารกลางจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม G-10 และตลาดเกิดใหม่ที่สำคัญ
เปิดเผยว่า ในท้ายที่สุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจะเคลื่อนไหวขึ้นลงตามหลักการพื้นฐาน ทั้งนี้
ภายใต้การดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของ ธ.กลางญี่ปุ่น ตั้งแต่เดือน มี.ค.44 ธนาคารพาณิชย์ใน
ญี่ปุ่นก็มีสภาพคล่องของตลาดเงินในประเทศที่ล้นระบบทำให้อัตราดอกเบี้ยในระบบอยู่ใกล้ระดับ 0 นอกจากนี้
ข้อมูลของรัฐบาลเมื่อเร็ว ๆ นี้ สามารถยืนยันได้ว่า ปัจจุบันญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2
ของโลก กำลังรอพ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะงักงันมานานนับทศวรรษด้วยการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจใน
อัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 13 ปีที่ผ่านมาในไตรมาสไตรมาสสุดท้ายของปี 46 อย่างไรก็ตาม การส่งออกของ
ญี่ปุ่นที่เป็นปัจจัยสำคัญของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้เบาบางลงเล็กน้อยท่ามกลางอัตราการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น
และภาวะเงินฝืดอันสามารถรับมือได้ยากในขณะนี้ แต่ญี่ปุ่นก็ยังคงรักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวดี
ยิ่งขึ้น โดยพยายามให้ปริมาณการส่งออกและผลผลิตเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังคงต้องเฝ้าจับตาดู
การแข่งขึ้นของค่าเงินเยนอย่างใกล้ชิด (รอยเตอร์)
3. รอยเตอร์คาดว่าญี่ปุ่นจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน ม.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 95.9 เทียบต่อปี
รายงานจากโตเกียว เมื่อ 5 มี.ค.47 ผลสำรวจรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ในเดือน ม.ค.47 ญี่ปุ่นจะเกินดุล
บัญชีเดินสะพัดจำนวน 862.8 พัน ล.เยน (7.77 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 95.9 เทียบ
ต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับที่ประมาณการก่อนหน้านี้ว่าญี่ปุ่นจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดระหว่าง 614.5 พัน ล.เยน —
1.6 ล้านล้านเยน ขณะที่เดือน ธ.ค.46 ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.5 เมื่อเทียบจากปีก่อน
ทั้งนี้ เนื่องจากการส่งออกที่สูงขึ้นแม้ค่าเงินสกุลเยนจะแข็งค่าขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์จาก
Mitsubishi Research Institute (Kazuhiro Oshima) เห็นว่า การที่ค่าเงินสกุลยูโรแข็งแกร่งใน
ขณะนี้จะส่งผลให้ความต้องการสินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์ดิจิตอลของญี่ปุ่นจากประเทศในกลุ่มยุโรปเพิ่มสูงขึ้น
จากที่ก่อนหน้านั้นการส่งออกสินค้าของญี่ปุ่นไปยุโรปจะเป็นสินค้าหมวดรถยนต์เป็นสำคัญ ทำให้เขาคาดการณ์ว่า
ญี่ปุ่นจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นร้อยละ 76.3 ทั้งนี้ ตัวเลขที่แท้จริงรัฐบาลญี่ปุ่นจะประกาศในวันพุธที่ 10
มี.ค.47 นี้ (รอยเตอร์)
4. ทางการจีนเตือนธุรกิจเอกชนอย่าเก็งกำไรจากการปรับค่าเงินหยวน รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ
วันที่ 8 มี.ค. 47 จนท.ระดับสูงของทางการจีนได้กล่าวเตือนธุรกิจเอกชนภายในประเทศเกี่ยวกับการเก็ง
กำไรค่าเงินหยวนเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจจีนไม่ได้กดดันเรื่องค่าเงิน และแรงกดดันจากค่าเงินเริ่มผ่อนคลาย
ลงจากการที่ภาวะเศรษฐกิจสรอ.ฟื้นตัว ทั้งนี้นักเก็งกำไรส่วนใหญ่คาดว่าจะมีการปรับค่าเงินหยวนจากที่มีการ
กำหนดช่วงการซื้อ-ขายแคบๆให้กว้างขึ้น หรือมีการปรับค่าเงินหยวนจากการผูกค่าเงินไว้กับดอลลาร์ สรอ.
เป็นการผูกค่าเงินไว้กับตะกร้าเงินแทน เพื่อลดแรงกดดันจากการเรียกร้องให้มีการปรับค่าเงินของจีน ซึ่ง
ปัจจุบันค่าเงินหยวนได้ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นในการหาเสียงในสรอ. ซึ่งผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของสรอ.
กล่าวหาว่านโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของจีนทำให้ไม่เป็นธรรมต่อผู้ส่งออกของสรอ. ส่งผลให้สรอ.ขาดดุลการ
ค้าจำนวนมากกับจีน นักวิเคราะห์กล่าวว่าการเปลี่ยนการผูกค่าเงินหยวนจากดอลลาร์สรอ.มาเป็นการผูกค่ากับ
ตะกร้าเงินจะทำให้เงินหยวนมีค่าแข็งขึ้นประมาณร้อยละ 3 - 6 อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้ที่สวิตเซอร์แลนด์รอง
ผวก.ธ.กลางจีนกล่าวว่าจีนไม่มีนโยบายปรับค่าเงินหยวนในอนาคตอันใกล้นี้และเชื่อว่าปัจจุบันเงินหยวนมีค่าที่
เหมาะสมแล้ว(รอยเตอร์)
5. จีนตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อที่ร้อยละ 3 ในปีนี้ รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 47 จนท.
ทางการจีนกล่าวว่าในปี 47 จีนได้ตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ระดับร้อยละ 3 และเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 7
นอกจากนั้นยังได้เพิ่มปริมาณเงินตามความหมายกว้างประมาณร้อยละ 17 เพื่อปรับปรุงกลไกอัตราแลกเปลี่ยน
และรักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนั้นยังได้ตั้งเป้าหมายผู้ว่างงานท้องถิ่นไว้ที่ร้อยละ 4.7 ขณะที่
การค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 และผลผลิตข้าวประมาณ 455 ล้านตัน (รอยเตอร์)
6. เกาหลีใต้คาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตร้อยละ 5 รายงานจากเมืองบาเซิล
สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 7 มี.ค.47 แหล่งข่าวทางการเงินของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ค่าเงินวอนของ
เกาหลีใต้ในปัจจุบันจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากค่าเงินเยนของญี่ปุ่นมีการลดลงมาก ทำให้ตลาดมี
ช่องว่างพอที่จะกำหนดระดับที่เหมาะสมของค่าเงินวอน ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะมีเสถียรภาพและเริ่มเข้า
สู่การฟื้นตัวอย่างเต็มที่ และจะมีอัตราการเติบโตในระดับร้อยละ 5 ต่อปีหรือมากกว่านั้น ทั้งนี้ ธนาคารกลาง
เกาหลีใต้คาดการณ์ว่าในปี 47 จีดีพีจะอยู่ที่ระดับ 5.2% (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 8/3/47 4/3/47
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.503 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.3255/39.6078 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1250 - 1.2800 1.8750 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 700.59/13.85 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,400/7,500 7,300/7,400 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 30.81 30.11 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท.วิเคราะห์สถานะทางการเงินของภาคธุรกิจไทย ระบุธุรกิจเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ออกบทวิเคราะห์เรื่อง “การปรับตัว
และการฟื้นฟูสถานะทางการเงินของภาคธุรกิจไทย” ระบุว่า โครงสร้างหนี้ต่อทุนมีสัดส่วนกลับไปใกล้เคียงกับ
สัดส่วนช่วงก่อนเกิดวิกฤติ โดยเฉพาะหมวดการผลิต หมวดพาณิชย์ หมวดรับเหมาก่อสร้าง และหมวดอสังหาริม
ทรัพย์ มีการปรับตัวอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่สินเชื่อสถาบันการเงินลดลงน้อยกว่าเดิม ส่วนเจ้าหนี้การค้ามีการ
ปรับตัวเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าธุรกิจเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยง 2 เรื่องที่ต้องระวังคือ ความ
เสี่ยงในภาคธุรกิจในเรื่องเงินทุน และในภาคสถาบันการเงินในเรื่องของเอ็นพีแอลย้อนคืน (ผู้จัดการรายวัน, สยามรัฐ)
2. สศช.เตรียมแถลงตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 46 และแนวโน้มปี 47
เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า วันนี้ (8
มี.ค.47) สศช.จะแถลงตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 46 รวมถึงแนวโน้มอัตราการขยายตัวในปี
47 ซึ่งการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจทั้งปี 46 ขยาย
ตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 6.3% สำหรับในปี 47 แม้จะมีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก และ
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลดลง แต่ สศช.ยังคงไม่ปรับลดเป้าหมายการขยายตัวของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะขยายตัว
7-8% เนื่องจากภาคเอกชนเริ่มมีการลงทุนใหม่เพิ่มขึ้น เห็นได้จากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่อยู่ในระดับสูงถึง
74% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสนับสนุนให้เศรษฐกิจปี 47 ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง (กรุงเทพธุรกิจ)
3. สศค.ในฐานะตัวแทนประเทศไทยเร่งเจรจากับกลุ่มความร่วมมือเอซีดีเพื่อจัดตั้งกองทุนเอซีดี
ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ในฐานะตัวแทนประเทศไทย กำลังเร่งเจรจากับ
ประเทศสมาชิกในกลุ่มความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) ซึ่งมีอยู่ 22 ประเทศ
เพื่อร่วมกันจัดตั้งกองทุนเอซีดี (ACD Fund) วงเงิน 10,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. (ประมาณ 400,000 ล.
บาท) และจะนำเรื่องดังกล่าวหารือกับกลุ่มสมาชิกเอดีซีอีกครั้งในการประชุม รมว.คลังกลุ่มความร่วมมือเอซีดี
ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 2 พ.ค.47 ที่กรุงเทพฯ และเชื่อว่าจะประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการได้ภายในวันที่
21-22 มิ.ย.47 โดยเบื้องต้นมีสมาชิกหลายประเทศพร้อมที่จะนำเงินมาลงทุน และในระยะแรกคาดว่าจะจ้าง
ผู้บริหารกองทุนมืออาชีพจากยุโรปหรืออเมริกามาช่วยบริหารการลงทุน (สยามรัฐ, ผู้จัดการรายวัน)
4. สำนักบริหารหนี้สาธารณะเสนอแผนการออกตราสารหนี้ภาครัฐประจำปี งปม.47 ผอ.สำนัก
บริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า สำนักบริหารหนี้สาธารณะได้เสนอภาพรวมการออกตราสารหนี้ภาครัฐประจำปี
งปม.47 ให้ ก.คลัง เพื่อพิจารณา โดยคาดว่าในปีนี้ภาพรวมการออกตราสารหนี้ภาครัฐจะมีมูลค่าประมาณ
210,000-250,000 ล.บาท ซึ่งตารางเวลาในการออกตราสารหนี้ภาครัฐ จะออกเป็นช่วงเวลาต่างๆ ที่
ชัดเจน เพื่อให้ตลาด พธบ.มีสินค้าในตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องพิจารณาความเหมาะสมประกอบ โดยในเดือน
มี.ค.47 ก.คลังเตรียมออก พธบ. เพื่อนำเงินมาชดเชยความเสียหายแก่กองทุนฟื้นฟูฯ วงเงิน 30,000 ล.
บาท และในเดือน พ.ค.47 จะออก พธบ.เอเชีย (เอเชียบอนด์) วงเงิน 30,000 ล.บาท นอกจากนี้ ก.
คลังจะพิจารณาออก พธบ.ออมทรัพย์เสนอขายประชาชนทั่วไปในวงเงิน 40,000 ล.บาทในเดือน มิ.ย.นี้
เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนในภาวะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากตกต่ำ ส่วนในช่วงปลายปี 47 (เดือน
ส.ค.-ก.ย.) จะมีการออก พธบ.เพื่อชดเชยความเสียหายของกองทุนฟื้นฟูฯ อีกในวงเงิน 30,000 ล.บาท
ซึ่งถือเป็น พธบ.ล็อตสุดท้ายในปี งปม.47 (กรุงเทพธุรกิจ, แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว รายงานจากเมือง Leipzig เยอรมนี เมื่อวันที่ 26
มี.ค.47 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในระยะสั้นกำลังฟื้นตัว โดย
มีปัจจัยสนับสนุนคือ ตัวเลขดัชนีทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของ สรอ. ที่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจ สรอ. กำลังมี
การขยายตัวอย่างมาก แม้ว่าการจ่ายค่าจ้างแรงงานยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อน และตัวเลขการจ้างงานยัง
ต้องเป็นปัจจัยสนับสนุนการบริโภคของภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีและดอกเบี้ยที่ลดลง ส่วนใน
เรื่องค่าเงินยูโรแม้ว่าจะยังไม่มีปัจจัยแสดงที่เด่นชัด แต่คาดว่าการที่ค่าเงินยูโรมีเสถียรภาพมากขึ้นจะส่งผลดี
ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะกลางยังคงมีความเสี่ยง
เนื่องจากปัญหาการขึ้นดอกเบี้ย รวมทั้งปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความ
เชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งจะต้องมีการจัดการอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและการ
ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ (รอยเตอร์)
2. ผู้ว่าการ ธ.กลางญี่ปุ่นเห็นว่าภาวะเงินฝืดของญี่ปุ่นในขณะนี้ยังคงส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ในประเทศ รายงานจากบาเซิล สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อ 7 มี.ค.47 ผู้ว่าการ ธ.กลางญี่ปุ่น (Toshihiko
Fukui) เปิดเผยว่า ความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืดของญี่ปุ่นยังไม่หมดสิ้นไปที่จะทำให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นปรับฟื้น
ตัวดีขึ้น และในส่วนของสถาบันการเงินก็จะยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปอีกระยะหนึ่ง นอก
จากนี้ รายงานการประชุมของนายธนาคารกลางจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม G-10 และตลาดเกิดใหม่ที่สำคัญ
เปิดเผยว่า ในท้ายที่สุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจะเคลื่อนไหวขึ้นลงตามหลักการพื้นฐาน ทั้งนี้
ภายใต้การดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของ ธ.กลางญี่ปุ่น ตั้งแต่เดือน มี.ค.44 ธนาคารพาณิชย์ใน
ญี่ปุ่นก็มีสภาพคล่องของตลาดเงินในประเทศที่ล้นระบบทำให้อัตราดอกเบี้ยในระบบอยู่ใกล้ระดับ 0 นอกจากนี้
ข้อมูลของรัฐบาลเมื่อเร็ว ๆ นี้ สามารถยืนยันได้ว่า ปัจจุบันญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2
ของโลก กำลังรอพ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะงักงันมานานนับทศวรรษด้วยการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจใน
อัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 13 ปีที่ผ่านมาในไตรมาสไตรมาสสุดท้ายของปี 46 อย่างไรก็ตาม การส่งออกของ
ญี่ปุ่นที่เป็นปัจจัยสำคัญของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้เบาบางลงเล็กน้อยท่ามกลางอัตราการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น
และภาวะเงินฝืดอันสามารถรับมือได้ยากในขณะนี้ แต่ญี่ปุ่นก็ยังคงรักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวดี
ยิ่งขึ้น โดยพยายามให้ปริมาณการส่งออกและผลผลิตเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังคงต้องเฝ้าจับตาดู
การแข่งขึ้นของค่าเงินเยนอย่างใกล้ชิด (รอยเตอร์)
3. รอยเตอร์คาดว่าญี่ปุ่นจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน ม.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 95.9 เทียบต่อปี
รายงานจากโตเกียว เมื่อ 5 มี.ค.47 ผลสำรวจรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ในเดือน ม.ค.47 ญี่ปุ่นจะเกินดุล
บัญชีเดินสะพัดจำนวน 862.8 พัน ล.เยน (7.77 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 95.9 เทียบ
ต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับที่ประมาณการก่อนหน้านี้ว่าญี่ปุ่นจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดระหว่าง 614.5 พัน ล.เยน —
1.6 ล้านล้านเยน ขณะที่เดือน ธ.ค.46 ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.5 เมื่อเทียบจากปีก่อน
ทั้งนี้ เนื่องจากการส่งออกที่สูงขึ้นแม้ค่าเงินสกุลเยนจะแข็งค่าขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์จาก
Mitsubishi Research Institute (Kazuhiro Oshima) เห็นว่า การที่ค่าเงินสกุลยูโรแข็งแกร่งใน
ขณะนี้จะส่งผลให้ความต้องการสินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์ดิจิตอลของญี่ปุ่นจากประเทศในกลุ่มยุโรปเพิ่มสูงขึ้น
จากที่ก่อนหน้านั้นการส่งออกสินค้าของญี่ปุ่นไปยุโรปจะเป็นสินค้าหมวดรถยนต์เป็นสำคัญ ทำให้เขาคาดการณ์ว่า
ญี่ปุ่นจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นร้อยละ 76.3 ทั้งนี้ ตัวเลขที่แท้จริงรัฐบาลญี่ปุ่นจะประกาศในวันพุธที่ 10
มี.ค.47 นี้ (รอยเตอร์)
4. ทางการจีนเตือนธุรกิจเอกชนอย่าเก็งกำไรจากการปรับค่าเงินหยวน รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ
วันที่ 8 มี.ค. 47 จนท.ระดับสูงของทางการจีนได้กล่าวเตือนธุรกิจเอกชนภายในประเทศเกี่ยวกับการเก็ง
กำไรค่าเงินหยวนเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจจีนไม่ได้กดดันเรื่องค่าเงิน และแรงกดดันจากค่าเงินเริ่มผ่อนคลาย
ลงจากการที่ภาวะเศรษฐกิจสรอ.ฟื้นตัว ทั้งนี้นักเก็งกำไรส่วนใหญ่คาดว่าจะมีการปรับค่าเงินหยวนจากที่มีการ
กำหนดช่วงการซื้อ-ขายแคบๆให้กว้างขึ้น หรือมีการปรับค่าเงินหยวนจากการผูกค่าเงินไว้กับดอลลาร์ สรอ.
เป็นการผูกค่าเงินไว้กับตะกร้าเงินแทน เพื่อลดแรงกดดันจากการเรียกร้องให้มีการปรับค่าเงินของจีน ซึ่ง
ปัจจุบันค่าเงินหยวนได้ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นในการหาเสียงในสรอ. ซึ่งผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของสรอ.
กล่าวหาว่านโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของจีนทำให้ไม่เป็นธรรมต่อผู้ส่งออกของสรอ. ส่งผลให้สรอ.ขาดดุลการ
ค้าจำนวนมากกับจีน นักวิเคราะห์กล่าวว่าการเปลี่ยนการผูกค่าเงินหยวนจากดอลลาร์สรอ.มาเป็นการผูกค่ากับ
ตะกร้าเงินจะทำให้เงินหยวนมีค่าแข็งขึ้นประมาณร้อยละ 3 - 6 อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้ที่สวิตเซอร์แลนด์รอง
ผวก.ธ.กลางจีนกล่าวว่าจีนไม่มีนโยบายปรับค่าเงินหยวนในอนาคตอันใกล้นี้และเชื่อว่าปัจจุบันเงินหยวนมีค่าที่
เหมาะสมแล้ว(รอยเตอร์)
5. จีนตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อที่ร้อยละ 3 ในปีนี้ รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 47 จนท.
ทางการจีนกล่าวว่าในปี 47 จีนได้ตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ระดับร้อยละ 3 และเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 7
นอกจากนั้นยังได้เพิ่มปริมาณเงินตามความหมายกว้างประมาณร้อยละ 17 เพื่อปรับปรุงกลไกอัตราแลกเปลี่ยน
และรักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนั้นยังได้ตั้งเป้าหมายผู้ว่างงานท้องถิ่นไว้ที่ร้อยละ 4.7 ขณะที่
การค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 และผลผลิตข้าวประมาณ 455 ล้านตัน (รอยเตอร์)
6. เกาหลีใต้คาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตร้อยละ 5 รายงานจากเมืองบาเซิล
สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 7 มี.ค.47 แหล่งข่าวทางการเงินของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ค่าเงินวอนของ
เกาหลีใต้ในปัจจุบันจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากค่าเงินเยนของญี่ปุ่นมีการลดลงมาก ทำให้ตลาดมี
ช่องว่างพอที่จะกำหนดระดับที่เหมาะสมของค่าเงินวอน ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะมีเสถียรภาพและเริ่มเข้า
สู่การฟื้นตัวอย่างเต็มที่ และจะมีอัตราการเติบโตในระดับร้อยละ 5 ต่อปีหรือมากกว่านั้น ทั้งนี้ ธนาคารกลาง
เกาหลีใต้คาดการณ์ว่าในปี 47 จีดีพีจะอยู่ที่ระดับ 5.2% (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 8/3/47 4/3/47
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.503 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.3255/39.6078 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1250 - 1.2800 1.8750 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 700.59/13.85 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,400/7,500 7,300/7,400 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 30.81 30.11 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-