ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ยอดบัตรเครดิตของทั้งระบบ ธพ. ณ ไตรมาสที่ 4 ปี 46 เพิ่มขึ้นจำนวน 191,938 บัตร
เทียบต่อไตรมาส ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานตัวเลขการให้บริการบัตรเครดิต ประจำไตร
มาสที่ 4 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค.46 ว่า ธนาคารพาณิชย์มีการให้บริการบัตรเครดิตกับประชาชนทั้งหมดจำนวน
4,224,362 บัตร เทียบกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมาที่มีจำนวน 4,032,424 บัตร เพิ่มขึ้นจำนวน 191,938 บัตร
ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก ทั้งนี้ หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี
45 ที่มีจำนวนบัตรเครดิตทั้งสิ้น 3,425,052 บัตร พบว่า ยอดบัตรเครดิตทั้งปี 46 เพิ่มขึ้นถึง 799,310 บัตร
ด้านปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในไตรมาส 4 ปี 46 มีจำนวน 92,795.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตร
มาส 3 ปี 46 จำนวน 7,740.6 ล้านบาท สำหรับยอดหนี้คงค้างของบัตรเครดิตสิ้นปี 46 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก
การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อบัตรเครดิต โดย ณ สิ้นปี 46 ยอดสินเชื่อคงค้างของบัตรเครดิตของ ธพ.รวมทั้งสิ้น
76,193.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจำนวน 6,844.38 ล้านบาท (ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
2. รมว.คลังย้ำนโยบายให้ก.คลังเป็นองค์กรหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ รมว.คลัง
เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายให้กับข้าราชการระดับสูงของ ก.คลังว่า ภาระหน้าที่สำคัญของ ก.คลังใน
ช่วงนี้ คือ การรักษาความยั่งยืนของการเติบโตและการสร้างความสมดุลของระบบเศรษฐกิจ โดยต้องการให้
ก.คลังเป็นเสาหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ไม่มุ่งเน้นเพียงแค่การเก็บภาษี โดยทุกด้านต้องมี
การผสมผสานกันเพื่อรองรับการเติบโตของประเทศในอนาคต โดย ก.คลังต้องปฏิบัติตามหลักยุทธศาสตร์ที่เคย
วางแนวทางไว้ คือ บทบาทในการเสริมสร้างเศรษฐกิจแบบฐานราก บทบาทด้านการค้าระหว่างประเทศ และ
การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคเอกชน บทบาทการส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(เอสเอ็มอี) และบทบาทในการกำกับดูแลหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รวมถึงการพัฒนาตลาดเงินและตลาดทุนและ
ตลาดตราสารหนี้ให้มีความสมดุล (บ้านเมือง, โลกวันนี้)
3. บ. บัตรกรุงไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นหุ้นที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับที่ 11 ของตลาดหุ้นทั่วโลก
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ.บัตรกรุงไทย (เคทีซี) กล่าวว่า วารสาร Cards International ในเครือ
Lafferty ซึ่งเป็นวารสารด้านธุรกิจบัตรเครดิตและการเงินการธนาคารจากประเทศอังกฤษ ฉบับเดือน
ก.พ.47 ได้จัดอันดับบริษัทบัตรเครดิตที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีความแข็งแกร่ง โดยพิจารณาจาก
มูลค่าหุ้นในตลาด (Market Cap) ปรากฏว่า เคทีซี มีมูลค่าหุ้นสูงเป็นอันดับที่ 11 ของโลก โดยมีมูลค่าหุ้นใน
ตลาดรวม 227.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. และมีราคาหุ้นเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 407.71 ซึ่งเป็นการเปลี่ยน
แปลงของราคาหุ้นเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง (ผู้จัดการรายวัน)
4. ธ.ธนชาตได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินธุรกิจใหม่ 2 ประเภท กรรมการ ธ.ธนชาต หรือ NBANK
เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารได้รับอนุญาตจาก ก.คลังให้เปิดดำเนินธุรกิจใหม่ 2 ประเภท คือ ธุรกิจรับฝากเงิน
ประเภทบัญชีกระแสรายวันโดยใช้เช็ค และบริการสินเชื่อเงินเบิกเกินบัญชี (Overdrafts หรือ O/D) นอก
จากนี้ ยังได้รับการอนุญาตให้เปิดดำเนินธุรกิจปัจจัยชำระเงินต่างประเทศ ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
Trade Finance ธุรกิจสินเชื่อเพื่อการนำเข้าและส่งออกและธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex)
โดยธนาคารจะทยอยเปิดให้บริการใหม่ ๆ ดังกล่าวภายในปี 47 นี้ (ผู้จัดการรายวัน)
5. มูลค่าการนำเข้าและส่งออกของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยในปี 46 เพิ่มขึ้น
เมื่อเทียบต่อปี รายงานจากสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รายงานภาวะอุตสาหกรรมไฟฟ้าและ
อิเล็กทรอนิกส์ของไทยว่า สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ามีมูลค่าส่งออกปี 46 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบกับช่วง
เดียวกันของปีก่อน ในขณะที่มูลค่าการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ปี 46 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 สำหรับมูลค่าการนำ
เข้าของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยปี 46 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 เมื่อเทียบกับช่วง
เดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ามีมูลค่าการนำเข้าปี 46 เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3 ส่วนอิเล็กทรอนิกส์มี
การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ทั้งนี้ ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คือ ญี่ปุ่น สรอ.
และจีน ตามลำดับ (เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ.เพิ่มขึ้นสูงกว่าความคาดหมายร้อยละ 0.7 ในเดือน ก.พ.47
รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 15 มี.ค.47 The Federal Reserve Bank of New York เปิดเผยว่า ผล
ผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ.ในเดือน ก.พ.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อย
ละ 0.4 ขณะที่ประสิทธิภาพการผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้นสู่ระดับร้อยละ 76.6 จากร้อยละ 76.1 ในเดือน ม.ค.47
สำหรับผลผลิตโรงงานซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักมากกว่า 4 ใน 5 ส่วนของผลผลิตอุตสาหกรรมโดยรวม ก็เพิ่ม
ขึ้นเช่นกันร้อยละ 1 โดยประสิทธิภาพการผลิตโรงงานเพิ่มขึ้นที่ระดับร้อยละ 75.2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่
เดือน มิ.ย.44 นอกจากนี้ ยังมีการคาดคะเนว่า ภาคอุตสาหกรรมการผลิตของ สรอ. ซึ่งประสบปัญหาอย่าง
มากในช่วงเศรษฐกิจถดถอยเมื่อปี 2544 ทำให้บริษัทต่างๆ ไม่กล้าที่จะลงทุนในเครื่องมือใหม่ๆ ต่อไปนี้จะค่อยๆ
ปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนมากนักก็ตาม อนึ่ง คาดว่าตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นจะไม่ส่งผล
กระทบต่อการกำหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของ ธ.กลาง สรอ.ที่จะมีการประชุมในวันอังคารนี้ โดย
คาดว่า ธ.กลาง จะยังคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับร้อยละ 1 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 40 ปี จนกว่า
จะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน (รอยเตอร์)
2. อัตราการจ้างงานทั่วโลกมีแนวโน้มดีขึ้น รายงานจากกรุงสต็อคโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อ
วันที่ 15 มี.ค.47 หนังสือพิมพ์ชั้นนำของสวีเดนเปิดเผยผลการสำรวจอัตราการจ้างงานทั่วโลกจากการสอบ
ถามนายจ้างกว่า 35,000 ราย พบว่า แนวโน้มการจ้างงานมีการปรับตัวดีขึ้น โดยนายจ้างจาก 18 ใน 19
ประเทศ คาดว่าในช่วงไตรมาสสองของปีนี้อัตราการจ้างงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ โดยประเทศที่
จะมีการปรับตัวดีขึ้นมากที่สุด ได้แก่ สรอ. ญี่ปุ่น แคนาดา ออสเตรีย และสวีเดน มีเพียงเยอรมนีเท่านั้นที่
นายจ้างคาดว่าการจ้างงานจะมีการปรับตัวไม่ดีนัก แต่ก็เป็นการให้ความเห็นในแนวโน้มดีขึ้นกว่าการสำรวจ
ครั้งก่อน (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางจีนจะออกจำหน่ายพันธบัตรเพื่อดูดซับปริมาณเงินส่วนเกินและต่อต้านเงินเฟ้อ รายงาน
จาก เชี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 47 ธ.กลางจีนมีแผนจะออกจำหน่ายพันธบัตรจำนวน 60 พัน ล. หยวน
(7.3 พัน ล.ดอลลาร์สรอ.) ระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี เพื่อซื้อ-ขายในตลาดinterbank
ในจำนวนเท่ากับที่ออกจำหน่ายเมื่อสัปดาห์ก่อนเพื่อดูดซับปริมาณเงินส่วนเกินและป้องกันเงินเฟ้อซึ่งทางการจีน
ได้ใช้เวลากว่าปีในการจัดการเรื่องปริมาณเงินส่วนเกินดังกล่าวโดยเงินเฟ้อในเดือน ม.ค. 47 สูงถึงร้อยละ
3.2 จากระยะเดียวกันปีที่แล้ว สูงที่สุดในรอบเกือบ 7 ปีขณะที่เดือนก.พ. เงินเฟ้ออยู่ในระดับร้อยละ 2.1
ลดลงเล็กน้อยเนื่องจากราคาอาหารที่สูงขึ้น และอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในวัตถุดิบ นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวย้ำถึงภาพ
เศรษฐกิจจีนที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของโลกกำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อท่ามกลางการลงทุนมากเกิน
ไปในบางอุตสาหกรรมและเกรงว่าเงินเฟ้ออาจจะกลับมาสูงอีกครั้งหนึ่ง (รอยเตอร์)
4. FDI ของจีนในเดือน ม.ค. — ก.พ. 47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3 จากช่วงเดียวกันปีก่อน
รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 47 ทางการจีนเปิดเผยว่าในเดือนก.พ. 47 การลงทุนโดยตรงจาก
ต่างประเทศของจีน (Foreign Direct Investment — FDI ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากระยะเดียวกันปีที่
แล้วอยู่ที่ระดับ 4.2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากต่างชาติเพิ่มการลงทุนจำนวนมากในภาวะที่เศรษฐกิจ
ขยายตัว โดย FDI ที่มีสัญญาการลงทุนแล้วในเดือนก.พ. สูงถึง 8.9 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวถึง
ร้อยละ 80 จากระยะเดียวกันปีที่แล้ว ทั้งนี้ FDI รวมของเดือนม.ค.และ ก.พ. มีจำนวน 8.3 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10.3 จากปีที่แล้ว ส่วน FDI ที่มีสัญญาการลงทุนแล้วมีจำนวน 19.1 พัน
ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 34.5 อนึ่ง FDI ได้มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจีน
ให้ขยายตัวถึงร้อยละ 9.1 ในปี 46 โดยบริษัทต่างชาติจำนวนมากลงทุนในธุรกิจที่มีความก้าวหน้าทางเทคโน
โลยี่และธุรกิจสมัยใหม่ และใช้จีนเป็นฐานการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก เนื่องจากจีนได้เปรียบจากต้นทุนแรง
งานต่ำแต่เมื่อเร็วๆนี้ธุรกิจตั้งเป้าหมายที่ตลาดในประเทศเนื่องจากอุปสงค์ผู้บริโภคเพิ่มขึ้น(รอยเตอร์)
5. ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์ในเดือน ม.ค.47 ลดลงหลังการขึ้นภาษีผู้บริโภค รายงานจากสิงคโปร์
เมื่อ 15 มี.ค.47 ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์ในเดือน ม.ค.47 ลดลงถึงร้อยละ 5.3 จากเดือน ธ.ค.46 เกิน
กว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้จากผลสำรวจของรอยเตอร์ว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 0.1 จากเดือน ธ.ค.46 อันเป็น
ผลจากยอดขายที่ลดลงของสินค้าราคาแพงอย่างนาฬิกาและเฟอร์นิเจอร์ซึ่งได้ผลกระทบจากการขึ้นภาษีผู้บริโภค
ร้อยละ 25 จากร้อยละ 4.0 เป็นร้อยละ 5.0 ซึ่งมีผลตั้งแต่ต้นปีนี้ นอกจากนี้ยังได้รับผลกระทบจากความ
กังวลของผู้บริโภคที่เกิดจากการว่างงานที่เพิ่มขึ้นอันเป็นผลจากการที่ธุรกิจหลายแห่งเคลื่อนย้ายงานไปยัง
ประเทศที่มีค่าแรงถูกกว่าอย่างจีนและอินเดีย แต่อย่างไรก็ตามหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนแล้ว
ยอดค้าปลีกของเดือน ม.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 นับเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของยอด
ขายอาหารและเครื่องดื่มและสินค้าซุปเปอร์มาร์เก็ตจากการซื้อสินค้าเพื่อเตรียมฉลองตรุษจีนของชาวสิงคโปร์
(รอยเตอร์)
6. คาดว่าเศรษฐกิจของสิงคโปร์จะขยายตัวร้อยละ 5.5 ในไตรมาสแรกปีนี้ รายงานจากสิงคโปร์
เมื่อ 15 มี.ค.47 ผลสำรวจความเห็นของภาคเอกชนของ ธ.กลางสิงคโปร์ คาดว่าเศรษฐกิจของสิงคโปร์จะ
ขยายตัวร้อยละ 5.5 และร้อยละ 8.3 ในไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปีนี้ตามลำดับ และคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้
จะขยายตัวสูงกว่าร้อยละ 5.4 ซึ่งเป็นตัวเลขจากผลสำรวจเมื่อเดือน ธ.ค.46 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้น
ตัวหลังจากซบเซาจากการระบาดของโรคไข้หวัด SARS เล็กน้อย โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ในปีนี้จะอยู่ระหว่างร้อยละ 3.5 ถึง 5.5 (รอยเตอร์)
7. ธ.กลางเกาหลีใต้คาดว่าเดือน ก.พ.47 จะมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 3 พันล้านดอลลาร์
สรอ. เจ้าหน้าที่อาวุโสของ ธ.กลางเกาหลีใต้คาดการณ์ว่าในเดือน ก.พ.47 เกาหลีใต้จะมียอดเกินดุล
บัญชีเดินสะพัด 3 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจาก 2.34 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือน ม.ค.47 และ
คาดว่าในไตรมาสแรกของปีนี้เกาหลีใต้จะมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดรวมประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ส่วนในเรื่องการที่รัฐสภาเกาหลีใต้ลงมติถอดถอนประธานาธิบดี Roh Moo-hyun ออกจากตำแหน่งเมื่อ
สัปดาห์ก่อน ทำให้ประชาชนทั่วประเทศเดินขบวนประท้วงเป็นจำนวนมากจะไม่ส่งผลกระทบต่อระดับความน่า
เชื่อถือของประเทศ และคาดว่าจะไม่กระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินวอนมากนัก (รอยเตอร์)
7. เดือน ม.ค.47 การส่งออกของมาเลเซียเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 เทียบต่อปี รายงานจากกัวลา
ลัมเปอร์ เมื่อ 15 มี.ค.47 ทางการมาเลเซีย เปิดเผยว่า การส่งออกของมาเลเซียในเดือน ม.ค.47
เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 เทียบต่อปี สาเหตุจากการส่งออกไปยังจีนเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของสินค้า
ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ถึงร้อยละ 48.4 ของการส่งออกโดยรวม ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เทียบต่อปี
โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของสินค้าประเภทวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูปในสัดส่วนร้อยละ 69.3 ของยอดการนำเข้าโดยรวม
ส่งผลให้เกินดุลการค้าเป็นจำนวน 6.48 พัน ล.ริงกิต (1.7 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) เทียบกับจำนวน 6.53
พัน ล.ริงกิตในเดือนก่อน และ 7.06 พัน ล.ริงกิตในเดือนเดียวกันของปีก่อน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 16/3/47 15/3/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.46 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.2544/39.5431 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1250 - 1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 678.42/19.60 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,400/7,500 7,350/7,450 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 31.44 30.13 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ยอดบัตรเครดิตของทั้งระบบ ธพ. ณ ไตรมาสที่ 4 ปี 46 เพิ่มขึ้นจำนวน 191,938 บัตร
เทียบต่อไตรมาส ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานตัวเลขการให้บริการบัตรเครดิต ประจำไตร
มาสที่ 4 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค.46 ว่า ธนาคารพาณิชย์มีการให้บริการบัตรเครดิตกับประชาชนทั้งหมดจำนวน
4,224,362 บัตร เทียบกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมาที่มีจำนวน 4,032,424 บัตร เพิ่มขึ้นจำนวน 191,938 บัตร
ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก ทั้งนี้ หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี
45 ที่มีจำนวนบัตรเครดิตทั้งสิ้น 3,425,052 บัตร พบว่า ยอดบัตรเครดิตทั้งปี 46 เพิ่มขึ้นถึง 799,310 บัตร
ด้านปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในไตรมาส 4 ปี 46 มีจำนวน 92,795.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตร
มาส 3 ปี 46 จำนวน 7,740.6 ล้านบาท สำหรับยอดหนี้คงค้างของบัตรเครดิตสิ้นปี 46 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก
การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อบัตรเครดิต โดย ณ สิ้นปี 46 ยอดสินเชื่อคงค้างของบัตรเครดิตของ ธพ.รวมทั้งสิ้น
76,193.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจำนวน 6,844.38 ล้านบาท (ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
2. รมว.คลังย้ำนโยบายให้ก.คลังเป็นองค์กรหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ รมว.คลัง
เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายให้กับข้าราชการระดับสูงของ ก.คลังว่า ภาระหน้าที่สำคัญของ ก.คลังใน
ช่วงนี้ คือ การรักษาความยั่งยืนของการเติบโตและการสร้างความสมดุลของระบบเศรษฐกิจ โดยต้องการให้
ก.คลังเป็นเสาหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ไม่มุ่งเน้นเพียงแค่การเก็บภาษี โดยทุกด้านต้องมี
การผสมผสานกันเพื่อรองรับการเติบโตของประเทศในอนาคต โดย ก.คลังต้องปฏิบัติตามหลักยุทธศาสตร์ที่เคย
วางแนวทางไว้ คือ บทบาทในการเสริมสร้างเศรษฐกิจแบบฐานราก บทบาทด้านการค้าระหว่างประเทศ และ
การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคเอกชน บทบาทการส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(เอสเอ็มอี) และบทบาทในการกำกับดูแลหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รวมถึงการพัฒนาตลาดเงินและตลาดทุนและ
ตลาดตราสารหนี้ให้มีความสมดุล (บ้านเมือง, โลกวันนี้)
3. บ. บัตรกรุงไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นหุ้นที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับที่ 11 ของตลาดหุ้นทั่วโลก
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ.บัตรกรุงไทย (เคทีซี) กล่าวว่า วารสาร Cards International ในเครือ
Lafferty ซึ่งเป็นวารสารด้านธุรกิจบัตรเครดิตและการเงินการธนาคารจากประเทศอังกฤษ ฉบับเดือน
ก.พ.47 ได้จัดอันดับบริษัทบัตรเครดิตที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีความแข็งแกร่ง โดยพิจารณาจาก
มูลค่าหุ้นในตลาด (Market Cap) ปรากฏว่า เคทีซี มีมูลค่าหุ้นสูงเป็นอันดับที่ 11 ของโลก โดยมีมูลค่าหุ้นใน
ตลาดรวม 227.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. และมีราคาหุ้นเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 407.71 ซึ่งเป็นการเปลี่ยน
แปลงของราคาหุ้นเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง (ผู้จัดการรายวัน)
4. ธ.ธนชาตได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินธุรกิจใหม่ 2 ประเภท กรรมการ ธ.ธนชาต หรือ NBANK
เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารได้รับอนุญาตจาก ก.คลังให้เปิดดำเนินธุรกิจใหม่ 2 ประเภท คือ ธุรกิจรับฝากเงิน
ประเภทบัญชีกระแสรายวันโดยใช้เช็ค และบริการสินเชื่อเงินเบิกเกินบัญชี (Overdrafts หรือ O/D) นอก
จากนี้ ยังได้รับการอนุญาตให้เปิดดำเนินธุรกิจปัจจัยชำระเงินต่างประเทศ ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
Trade Finance ธุรกิจสินเชื่อเพื่อการนำเข้าและส่งออกและธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex)
โดยธนาคารจะทยอยเปิดให้บริการใหม่ ๆ ดังกล่าวภายในปี 47 นี้ (ผู้จัดการรายวัน)
5. มูลค่าการนำเข้าและส่งออกของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยในปี 46 เพิ่มขึ้น
เมื่อเทียบต่อปี รายงานจากสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รายงานภาวะอุตสาหกรรมไฟฟ้าและ
อิเล็กทรอนิกส์ของไทยว่า สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ามีมูลค่าส่งออกปี 46 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบกับช่วง
เดียวกันของปีก่อน ในขณะที่มูลค่าการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ปี 46 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 สำหรับมูลค่าการนำ
เข้าของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยปี 46 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 เมื่อเทียบกับช่วง
เดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ามีมูลค่าการนำเข้าปี 46 เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3 ส่วนอิเล็กทรอนิกส์มี
การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ทั้งนี้ ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คือ ญี่ปุ่น สรอ.
และจีน ตามลำดับ (เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ.เพิ่มขึ้นสูงกว่าความคาดหมายร้อยละ 0.7 ในเดือน ก.พ.47
รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 15 มี.ค.47 The Federal Reserve Bank of New York เปิดเผยว่า ผล
ผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ.ในเดือน ก.พ.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อย
ละ 0.4 ขณะที่ประสิทธิภาพการผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้นสู่ระดับร้อยละ 76.6 จากร้อยละ 76.1 ในเดือน ม.ค.47
สำหรับผลผลิตโรงงานซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักมากกว่า 4 ใน 5 ส่วนของผลผลิตอุตสาหกรรมโดยรวม ก็เพิ่ม
ขึ้นเช่นกันร้อยละ 1 โดยประสิทธิภาพการผลิตโรงงานเพิ่มขึ้นที่ระดับร้อยละ 75.2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่
เดือน มิ.ย.44 นอกจากนี้ ยังมีการคาดคะเนว่า ภาคอุตสาหกรรมการผลิตของ สรอ. ซึ่งประสบปัญหาอย่าง
มากในช่วงเศรษฐกิจถดถอยเมื่อปี 2544 ทำให้บริษัทต่างๆ ไม่กล้าที่จะลงทุนในเครื่องมือใหม่ๆ ต่อไปนี้จะค่อยๆ
ปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนมากนักก็ตาม อนึ่ง คาดว่าตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นจะไม่ส่งผล
กระทบต่อการกำหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของ ธ.กลาง สรอ.ที่จะมีการประชุมในวันอังคารนี้ โดย
คาดว่า ธ.กลาง จะยังคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับร้อยละ 1 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 40 ปี จนกว่า
จะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน (รอยเตอร์)
2. อัตราการจ้างงานทั่วโลกมีแนวโน้มดีขึ้น รายงานจากกรุงสต็อคโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อ
วันที่ 15 มี.ค.47 หนังสือพิมพ์ชั้นนำของสวีเดนเปิดเผยผลการสำรวจอัตราการจ้างงานทั่วโลกจากการสอบ
ถามนายจ้างกว่า 35,000 ราย พบว่า แนวโน้มการจ้างงานมีการปรับตัวดีขึ้น โดยนายจ้างจาก 18 ใน 19
ประเทศ คาดว่าในช่วงไตรมาสสองของปีนี้อัตราการจ้างงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ โดยประเทศที่
จะมีการปรับตัวดีขึ้นมากที่สุด ได้แก่ สรอ. ญี่ปุ่น แคนาดา ออสเตรีย และสวีเดน มีเพียงเยอรมนีเท่านั้นที่
นายจ้างคาดว่าการจ้างงานจะมีการปรับตัวไม่ดีนัก แต่ก็เป็นการให้ความเห็นในแนวโน้มดีขึ้นกว่าการสำรวจ
ครั้งก่อน (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางจีนจะออกจำหน่ายพันธบัตรเพื่อดูดซับปริมาณเงินส่วนเกินและต่อต้านเงินเฟ้อ รายงาน
จาก เชี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 47 ธ.กลางจีนมีแผนจะออกจำหน่ายพันธบัตรจำนวน 60 พัน ล. หยวน
(7.3 พัน ล.ดอลลาร์สรอ.) ระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี เพื่อซื้อ-ขายในตลาดinterbank
ในจำนวนเท่ากับที่ออกจำหน่ายเมื่อสัปดาห์ก่อนเพื่อดูดซับปริมาณเงินส่วนเกินและป้องกันเงินเฟ้อซึ่งทางการจีน
ได้ใช้เวลากว่าปีในการจัดการเรื่องปริมาณเงินส่วนเกินดังกล่าวโดยเงินเฟ้อในเดือน ม.ค. 47 สูงถึงร้อยละ
3.2 จากระยะเดียวกันปีที่แล้ว สูงที่สุดในรอบเกือบ 7 ปีขณะที่เดือนก.พ. เงินเฟ้ออยู่ในระดับร้อยละ 2.1
ลดลงเล็กน้อยเนื่องจากราคาอาหารที่สูงขึ้น และอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในวัตถุดิบ นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวย้ำถึงภาพ
เศรษฐกิจจีนที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของโลกกำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อท่ามกลางการลงทุนมากเกิน
ไปในบางอุตสาหกรรมและเกรงว่าเงินเฟ้ออาจจะกลับมาสูงอีกครั้งหนึ่ง (รอยเตอร์)
4. FDI ของจีนในเดือน ม.ค. — ก.พ. 47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3 จากช่วงเดียวกันปีก่อน
รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 47 ทางการจีนเปิดเผยว่าในเดือนก.พ. 47 การลงทุนโดยตรงจาก
ต่างประเทศของจีน (Foreign Direct Investment — FDI ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากระยะเดียวกันปีที่
แล้วอยู่ที่ระดับ 4.2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากต่างชาติเพิ่มการลงทุนจำนวนมากในภาวะที่เศรษฐกิจ
ขยายตัว โดย FDI ที่มีสัญญาการลงทุนแล้วในเดือนก.พ. สูงถึง 8.9 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวถึง
ร้อยละ 80 จากระยะเดียวกันปีที่แล้ว ทั้งนี้ FDI รวมของเดือนม.ค.และ ก.พ. มีจำนวน 8.3 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10.3 จากปีที่แล้ว ส่วน FDI ที่มีสัญญาการลงทุนแล้วมีจำนวน 19.1 พัน
ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 34.5 อนึ่ง FDI ได้มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจีน
ให้ขยายตัวถึงร้อยละ 9.1 ในปี 46 โดยบริษัทต่างชาติจำนวนมากลงทุนในธุรกิจที่มีความก้าวหน้าทางเทคโน
โลยี่และธุรกิจสมัยใหม่ และใช้จีนเป็นฐานการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก เนื่องจากจีนได้เปรียบจากต้นทุนแรง
งานต่ำแต่เมื่อเร็วๆนี้ธุรกิจตั้งเป้าหมายที่ตลาดในประเทศเนื่องจากอุปสงค์ผู้บริโภคเพิ่มขึ้น(รอยเตอร์)
5. ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์ในเดือน ม.ค.47 ลดลงหลังการขึ้นภาษีผู้บริโภค รายงานจากสิงคโปร์
เมื่อ 15 มี.ค.47 ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์ในเดือน ม.ค.47 ลดลงถึงร้อยละ 5.3 จากเดือน ธ.ค.46 เกิน
กว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้จากผลสำรวจของรอยเตอร์ว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 0.1 จากเดือน ธ.ค.46 อันเป็น
ผลจากยอดขายที่ลดลงของสินค้าราคาแพงอย่างนาฬิกาและเฟอร์นิเจอร์ซึ่งได้ผลกระทบจากการขึ้นภาษีผู้บริโภค
ร้อยละ 25 จากร้อยละ 4.0 เป็นร้อยละ 5.0 ซึ่งมีผลตั้งแต่ต้นปีนี้ นอกจากนี้ยังได้รับผลกระทบจากความ
กังวลของผู้บริโภคที่เกิดจากการว่างงานที่เพิ่มขึ้นอันเป็นผลจากการที่ธุรกิจหลายแห่งเคลื่อนย้ายงานไปยัง
ประเทศที่มีค่าแรงถูกกว่าอย่างจีนและอินเดีย แต่อย่างไรก็ตามหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนแล้ว
ยอดค้าปลีกของเดือน ม.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 นับเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของยอด
ขายอาหารและเครื่องดื่มและสินค้าซุปเปอร์มาร์เก็ตจากการซื้อสินค้าเพื่อเตรียมฉลองตรุษจีนของชาวสิงคโปร์
(รอยเตอร์)
6. คาดว่าเศรษฐกิจของสิงคโปร์จะขยายตัวร้อยละ 5.5 ในไตรมาสแรกปีนี้ รายงานจากสิงคโปร์
เมื่อ 15 มี.ค.47 ผลสำรวจความเห็นของภาคเอกชนของ ธ.กลางสิงคโปร์ คาดว่าเศรษฐกิจของสิงคโปร์จะ
ขยายตัวร้อยละ 5.5 และร้อยละ 8.3 ในไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปีนี้ตามลำดับ และคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้
จะขยายตัวสูงกว่าร้อยละ 5.4 ซึ่งเป็นตัวเลขจากผลสำรวจเมื่อเดือน ธ.ค.46 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้น
ตัวหลังจากซบเซาจากการระบาดของโรคไข้หวัด SARS เล็กน้อย โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ในปีนี้จะอยู่ระหว่างร้อยละ 3.5 ถึง 5.5 (รอยเตอร์)
7. ธ.กลางเกาหลีใต้คาดว่าเดือน ก.พ.47 จะมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 3 พันล้านดอลลาร์
สรอ. เจ้าหน้าที่อาวุโสของ ธ.กลางเกาหลีใต้คาดการณ์ว่าในเดือน ก.พ.47 เกาหลีใต้จะมียอดเกินดุล
บัญชีเดินสะพัด 3 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจาก 2.34 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือน ม.ค.47 และ
คาดว่าในไตรมาสแรกของปีนี้เกาหลีใต้จะมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดรวมประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ส่วนในเรื่องการที่รัฐสภาเกาหลีใต้ลงมติถอดถอนประธานาธิบดี Roh Moo-hyun ออกจากตำแหน่งเมื่อ
สัปดาห์ก่อน ทำให้ประชาชนทั่วประเทศเดินขบวนประท้วงเป็นจำนวนมากจะไม่ส่งผลกระทบต่อระดับความน่า
เชื่อถือของประเทศ และคาดว่าจะไม่กระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินวอนมากนัก (รอยเตอร์)
7. เดือน ม.ค.47 การส่งออกของมาเลเซียเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 เทียบต่อปี รายงานจากกัวลา
ลัมเปอร์ เมื่อ 15 มี.ค.47 ทางการมาเลเซีย เปิดเผยว่า การส่งออกของมาเลเซียในเดือน ม.ค.47
เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 เทียบต่อปี สาเหตุจากการส่งออกไปยังจีนเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของสินค้า
ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ถึงร้อยละ 48.4 ของการส่งออกโดยรวม ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เทียบต่อปี
โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของสินค้าประเภทวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูปในสัดส่วนร้อยละ 69.3 ของยอดการนำเข้าโดยรวม
ส่งผลให้เกินดุลการค้าเป็นจำนวน 6.48 พัน ล.ริงกิต (1.7 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) เทียบกับจำนวน 6.53
พัน ล.ริงกิตในเดือนก่อน และ 7.06 พัน ล.ริงกิตในเดือนเดียวกันของปีก่อน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 16/3/47 15/3/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.46 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.2544/39.5431 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1250 - 1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 678.42/19.60 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,400/7,500 7,350/7,450 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 31.44 30.13 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-