นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ธปท.) แถลงถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันนี้ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มในระยะต่อไป เพื่อกำหนดแนวนโยบายการเงินที่เหมาะสม โดยมีประเด็นที่สำคัญ ดังนี้
1. คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาข้อมูลล่าสุดของภาวะเศรษฐกิจไทย และมีความเห็นว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2546 ขยายตัวในเกณฑ์ดีที่ร้อยละ 6.7 โดยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2546 ขยายตัวร้อยละ 7.8 เป็นผลจากการใช้จ่ายภายในประเทศเป็นสำคัญ สำหรับในเดือนมกราคม 2547 เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวต่อเนื่อง แม้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนจะลดลงบ้างจากข่าวเรื่องการระบาดของโรคไข้หวัดนก แต่อุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่มูลค่าส่งออกยังอยู่ในเกณฑ์ดี
2. เสถียรภาพด้านต่างประเทศยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี โดยดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล เงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง และฐานะหนี้ต่างประเทศปรับลดลง
3. เสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ ในเดือนกุมภาพันธ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 2.2 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.2 ต่อปีในเดือนมกราคม เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในหมวดอาหารสดและพลังงาน สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนกุมภาพันธ์ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 0.2 จากที่ลดลงร้อยละ 0.1 ต่อปีในเดือนมกราคม
4. คณะกรรมการฯ ประเมินว่า โดยรวมแรงขับเคลื่อนของการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี และไม่ได้แสดงสัญญาณที่ขยายตัวร้อนแรงจนจะมีผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป รวมทั้งยังไม่ได้สร้างความไม่สมดุลทางการเงิน (financial imbalance) ในบางภาคเศรษฐกิจ แต่แรงกดดันทางด้านราคาจะสูงขึ้นบ้างจากต้นทุนการผลิตและอุปสงค์ อย่างไรก็ดี คณะกรรมการฯ ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ในช่วงเป้าหมาย
คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า นโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ จึงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน ไว้ที่ร้อยละ 1.25 ต่อปี
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาข้อมูลล่าสุดของภาวะเศรษฐกิจไทย และมีความเห็นว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2546 ขยายตัวในเกณฑ์ดีที่ร้อยละ 6.7 โดยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2546 ขยายตัวร้อยละ 7.8 เป็นผลจากการใช้จ่ายภายในประเทศเป็นสำคัญ สำหรับในเดือนมกราคม 2547 เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวต่อเนื่อง แม้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนจะลดลงบ้างจากข่าวเรื่องการระบาดของโรคไข้หวัดนก แต่อุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่มูลค่าส่งออกยังอยู่ในเกณฑ์ดี
2. เสถียรภาพด้านต่างประเทศยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี โดยดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล เงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง และฐานะหนี้ต่างประเทศปรับลดลง
3. เสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ ในเดือนกุมภาพันธ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 2.2 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.2 ต่อปีในเดือนมกราคม เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในหมวดอาหารสดและพลังงาน สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนกุมภาพันธ์ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 0.2 จากที่ลดลงร้อยละ 0.1 ต่อปีในเดือนมกราคม
4. คณะกรรมการฯ ประเมินว่า โดยรวมแรงขับเคลื่อนของการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี และไม่ได้แสดงสัญญาณที่ขยายตัวร้อนแรงจนจะมีผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป รวมทั้งยังไม่ได้สร้างความไม่สมดุลทางการเงิน (financial imbalance) ในบางภาคเศรษฐกิจ แต่แรงกดดันทางด้านราคาจะสูงขึ้นบ้างจากต้นทุนการผลิตและอุปสงค์ อย่างไรก็ดี คณะกรรมการฯ ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ในช่วงเป้าหมาย
คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า นโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ จึงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน ไว้ที่ร้อยละ 1.25 ต่อปี
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-