นางสาวพจนีย์ ธนวรานิช อธิบดีกรมการประกันภัย เปิดเผยว่า ณ 31 ธันวาคม 2546 บริษัทประกันชีวิตทั้ง 26 บริษัท ได้วางทรัพย์สินสำหรับเป็นเงินสำรองประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันชีวิตไว้กับกรมการประกันภัยทั้งสิ้น 65,128 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงต่อผู้เอาประกันภัย ซึ่งมีรายละเอียดทรัพย์สินดังนี้
1. พันธบัตรรัฐบาลไทยจำนวน 40,472 ล้านบาท คิดเป็น 62.14% ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้ 2. พันธบัตรรัฐวิสาหกิจจำนวน 17,282 ล้านบาท คิดเป็น 26.54% ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้ 3. ตั๋วแลกเงินและตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 5,501 ล้านบาท คิดเป็น 8.45% ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้ 4. หุ้น หุ้นกู้ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและหุ้นกู้บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จำนวน 1,096 ล้านบาท คิดเป็น 1.69% ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้ 5. ที่ดินและอาคารจำนวน 587 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ .90 % ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้ 6. สมุดเงินฝาก ใบรับฝากเงินและบัตรเงินฝากจำนวน 190 ล้านบาท คิดเป็น .29% ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้
บริษัทประกันชีวิตจะต้องจัดสรรเบี้ยประกันภัยไว้เป็นเงินสำรองประกันภัยเพื่อเตรียมไว้จ่ายเงินให้แก่ผู้เอาประกันชีวิตหรือผู้รับประโยชน์ในอนาคตตามที่กำหนดไว้ในสัญญาที่ได้ทำไว้กับลูกค้า เช่น เมื่อครบกำหนดสัญญา เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต หรือเมื่อเวนคืนกรมธรรม์ ฯลฯ กฎหมายกำหนดให้บริษัทจะต้องนำเงินสำรองประกันภัยมาวางไว้กับกรมการประกันภัยเป็นมูลค่าร้อยละยี่สิบห้าของเงินสำรองประกันภัยหลังจากหักด้วยเงินให้กู้ยืม โดยมีกรมธรรม์ประกันภัยเป็นประกัน
ทรัพย์สินเงินสำรองประกันภัยที่บริษัทประกันชีวิตได้วางไว้กับกรมการประกันภัยนี้เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงสำหรับผู้ทำประกันภัยกับบริษัทประกันชีวิต ดังนั้นกรมการประกันภัยจึงกำหนดให้บริษัทจะต้องนำทรัพย์สินที่มีความมั่นคงสูงเท่านั้นที่นำมาวางกับกรมการประกันภัยได้
ที่มา: http://www.doi.go.th