นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ที่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งซ่อมจังหวัดนครปฐมพรรคประชาธิปัตย์ ในการเดินทางไปสังเกตการการเลือกตั้งซ่อมวันนี้ (20 มี.ค.47) ถึงการโยกย้าย พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) และพล.ท.พงษ์ศักดิ์ เอกบรรณสิงห์ แม่ทัพภาคที่ 4 เข้าไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ตามมาว่า สาเหตุของการย้ายเนื่องมาจากการแก้ปัญหาภาคใต้ไม่สำเร็จว่า การโยกย้ายแม่ทัพภาคที่ 4 ชัดเจนว่าสืบเนื่องมาจากปัญหาชายแดนภาคใต้ เพราะดูแลพื้นที่ภาคใต้อยู่แล้ว ส่วนการย้ายผบ.ตร.จะเกี่ยวกับปัญหาภาคใต้หรือไม่นั้น ยังไม่ชัดเจน เพราะข่าวการย้ายมีมานานแล้วโดยมีสาเหตุมาจากการทำงานที่ไม่เข้าขากัน
‘วันนี้ในขณะที่มีการย้ายแม่ทัพภาคที่ 4 สายงานตำรวจในพื้นที่ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นตรงนี้เลยทำให้ไม่ชัดเจนว่าย้ายคุณสันต์เกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ ที่ผมพูดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าจะให้ไปย้ายตำรวจด้วย เพราะผมเองก็มีความรู้สึกไม่อยากให้รัฐบาลเอาข้าราชการมาเป็นแพะรับบาป หมายความว่าเมื่อมีความล้มเหลวเกิดขึ้นในพื้นที่ก็โยนบาปให้กับข้าราชการเสอไป ผมคิดว่าอย่างนี้ไม่ถูกต้องนัก’ นายบัญญัติกล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ความรุนแรงในจังหวัดภาคใต้ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะท่าทีของผู้รับผิดชอบด้านนโยบายแสดงออกว่าต้องใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา เช่น คำพูดของนายกฯ รมว.กลาโหม รมว.มหาดไทย หรือแม้กระทั่งคำพูดของผบ.ตร. แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจว่การใช้อำนาจเบ็ดเสร็จจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นเมื่อท่าทีของผู้บริหารระดับสูงแสดงออกอย่างชัดเจนเช่นนี้แล้ว ก็เป็นเรื่องปกติที่ข้าราชการในพื้นที่จะต้องดำเนินตามแนวทางของผู้บังคับบัญชา จนทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายมาถึงขณะนี้
นายบัญญัติกล่าวว่า วันนี้รัฐบาลต้องยอมรับความจริงได้แล้วว่าความรุนแรง และอำนาจที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ซึ่งทางแก้ไขที่ตนอยากจะเสนอคือ รัฐบาลต้องเปลี่ยนแนวทางหันมาใช้ความประณีประนอมและหลักสันติวิธีในการแก้ปัญหาโดยต้องประกาศให้เป็นนโยบายที่ชัดเจน
‘ถ้ารัฐบาลยังแสดงทีท่ารุนแรงอยู่ คำก็ต้องเด็ดขาด สองคำก็ต้องเด็ดขาด แล้วถ้ารัฐบาลยังแสดงทีท่าเช่นนั้นแล้วข้าราชการไปใช้ความเด็ดขาดก็ไปตำหนิเขาไม่ได้ เพราะเขาฟังรัฐบาล ผมถึงไม่อยากเห็นรัฐบาลโดยแพะ เอาข้าราชการเป็นเหยื่อ อยากจะบอกตรงนี้ว่า ถ้าเปลี่ยนทีท่าใหม่นโยบายใหม่ ยอมรับว่าในเวลาที่แล้วมาล้มเหลว การให้นโยบายกับข้าราชการในพื้นที่ต้องชัดเจน’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
เมื่อถามว่าการโยกย้ายที่เกี่ยวขึ้น จะสืบเนื่องมาจากการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร ประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม และทนายความผู้ต้องหาคดีเจไอหรือไม่ นายบัญญัติกล่าวว่า มีเหตุผลสนับสนุนเพราะที่ผ่านมานายสมชาย มีบทบาทในฐานะที่เป็นทนายแก้ต่างในหลายคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ อย่างไรก็ตามไม่อยากให้รัฐบาลหรือนายกฯกล่าวในทำนองบั่นทอนกำลังใจหรือหักหาญน้ำใจกันเช่นที่ระบุว่าเป็นเรื่องการทะเลาะของผัวเมีย เพราะนายสมชายถือเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึก หรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องสิทธิมนุษยชน เป็นต้น ทั้งนี้คิดว่าหากรัฐบาลยังไม่สามารถดำเนินการจับตัวคนที่กระทำผิดได้แล้ว รัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20/03/47--จบ--
-สส-
‘วันนี้ในขณะที่มีการย้ายแม่ทัพภาคที่ 4 สายงานตำรวจในพื้นที่ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นตรงนี้เลยทำให้ไม่ชัดเจนว่าย้ายคุณสันต์เกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ ที่ผมพูดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าจะให้ไปย้ายตำรวจด้วย เพราะผมเองก็มีความรู้สึกไม่อยากให้รัฐบาลเอาข้าราชการมาเป็นแพะรับบาป หมายความว่าเมื่อมีความล้มเหลวเกิดขึ้นในพื้นที่ก็โยนบาปให้กับข้าราชการเสอไป ผมคิดว่าอย่างนี้ไม่ถูกต้องนัก’ นายบัญญัติกล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ความรุนแรงในจังหวัดภาคใต้ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะท่าทีของผู้รับผิดชอบด้านนโยบายแสดงออกว่าต้องใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา เช่น คำพูดของนายกฯ รมว.กลาโหม รมว.มหาดไทย หรือแม้กระทั่งคำพูดของผบ.ตร. แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจว่การใช้อำนาจเบ็ดเสร็จจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นเมื่อท่าทีของผู้บริหารระดับสูงแสดงออกอย่างชัดเจนเช่นนี้แล้ว ก็เป็นเรื่องปกติที่ข้าราชการในพื้นที่จะต้องดำเนินตามแนวทางของผู้บังคับบัญชา จนทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายมาถึงขณะนี้
นายบัญญัติกล่าวว่า วันนี้รัฐบาลต้องยอมรับความจริงได้แล้วว่าความรุนแรง และอำนาจที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ซึ่งทางแก้ไขที่ตนอยากจะเสนอคือ รัฐบาลต้องเปลี่ยนแนวทางหันมาใช้ความประณีประนอมและหลักสันติวิธีในการแก้ปัญหาโดยต้องประกาศให้เป็นนโยบายที่ชัดเจน
‘ถ้ารัฐบาลยังแสดงทีท่ารุนแรงอยู่ คำก็ต้องเด็ดขาด สองคำก็ต้องเด็ดขาด แล้วถ้ารัฐบาลยังแสดงทีท่าเช่นนั้นแล้วข้าราชการไปใช้ความเด็ดขาดก็ไปตำหนิเขาไม่ได้ เพราะเขาฟังรัฐบาล ผมถึงไม่อยากเห็นรัฐบาลโดยแพะ เอาข้าราชการเป็นเหยื่อ อยากจะบอกตรงนี้ว่า ถ้าเปลี่ยนทีท่าใหม่นโยบายใหม่ ยอมรับว่าในเวลาที่แล้วมาล้มเหลว การให้นโยบายกับข้าราชการในพื้นที่ต้องชัดเจน’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
เมื่อถามว่าการโยกย้ายที่เกี่ยวขึ้น จะสืบเนื่องมาจากการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร ประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม และทนายความผู้ต้องหาคดีเจไอหรือไม่ นายบัญญัติกล่าวว่า มีเหตุผลสนับสนุนเพราะที่ผ่านมานายสมชาย มีบทบาทในฐานะที่เป็นทนายแก้ต่างในหลายคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ อย่างไรก็ตามไม่อยากให้รัฐบาลหรือนายกฯกล่าวในทำนองบั่นทอนกำลังใจหรือหักหาญน้ำใจกันเช่นที่ระบุว่าเป็นเรื่องการทะเลาะของผัวเมีย เพราะนายสมชายถือเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึก หรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องสิทธิมนุษยชน เป็นต้น ทั้งนี้คิดว่าหากรัฐบาลยังไม่สามารถดำเนินการจับตัวคนที่กระทำผิดได้แล้ว รัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20/03/47--จบ--
-สส-