นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการหายตัวของทนายสมชายว่า ในเรื่องนี้พรรคปชป.ได้ติดตามมาตั้งแต่ในแรกที่เกิดเหตุการณ์นี้ ซึ่งพบว่ามีการแสดงความคิดเห็นและการดำเนินการของรัฐบาล หลายประการที่ส่อให้เห็นถึงความไม่ตั้งใจจริงในการติดตามหาตังทนายสมชาย
ประการแรกที่ต้องการชี้ให้เห็นก็คือ เริ่มจากการที่ท่านนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาบอกว่ายังไม่รู้รายละเอียดและเข้าใจว่ายังไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ในกรุงเทพฯเพราะทะเลาะกับครอบครัวแล้วหนีมาโดยไม่ได้บอกใคร ในขณะที่ท่านรองนายกฯชวลิต มีความเห็นไปทำนองเดียวกัน คือมองว่า ทนายสมชาย มีปัญหาทะเลาะกับภรรยา
‘ผมคิดว่าส่วนนี้ถือว่าเป็นท่าที ของผู้นำประเทศที่ชี้ให้เห็นถึงความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นการหายตัวของคุณสมชาย ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ซึ้งไม่ควรเป็นภาระหน้าที่ของนายกฯที่จะออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงชี้นำการทำงานของเจ้าหน้าที่ในระดับล่างเช่นนี้’นายองอาจกล่าว
ส่วนอีกประการที่ 2 การหายตัวของทนายสมชาย ได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วพบว่าไม่ใช่ฝีมือของตำรวจที่อุ้มทนายสมชายไป ในเรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกตการว่า คงไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านใดหรือหน่วยงานใดไปปบอกนายกฯว่าตนเองเป็นคนทำ ถึงแม้ว่าจะทำจริงก็ตาม เพราะฉะนั้นนายกฯไม่ควรที่จะมายืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของทนายสมชาย เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็ได้
พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องไปถึงท่านนายกฯ เกี่ยวกับกรณีการหายตัวของทนายสมชาย อยู่ 3 ประการด้วยกัน คือ
ประการที่ 1. ต้องการให้ท่านนายกฯปรับท่าทีในการแสดงความเห็นถึงการหายตัวไปของทนายสมชาย และนายกฯไม่ควรชี้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการติดตามหาตัวทนายสมชาย ว่าเป็นเรื่องของการทะเลาะกันภายในครอบครัว หรือจะเป็นการพยายามปล่อยข่าว ว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ พยายามเอาเรื่องของเงินหลายแสนบาทที่มีการเบิก-ถอน ออกมาปล่อยให้สังคมได้รับรู้ ทั้งๆที่อาจจะมีสาเหตุอื่นที่เป็นชนวนให้เกิดการหายตัวไป
ประการที่ 2. นายกฯไม่ควรฟังรายงานของตำรวจแต่เพียงฝ่ายเดียว แล้วก็ออกมายืนยันว่า การหายตัวไปของทนายสมชายนั้นไม่ใช่ฝีมือของตำรวจ
ประการที่ 3. การที่รัฐบาลได้มีการแต่งตั้ง คณะกรรมการขึ้นมาหลายชุดในการติดตามกรณีของทนายสมชาย แต่ปรากฎว่า จากการตรวจสอบของทางพรรคปชป.พบว่าการทำงานของคณะกรรมการในหลายๆชุดที่ตั้งขึ้นมา มีการทำงานที่ไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน หรือมีการทำงานที่อาจจะก่อให้เกิดการขัดแย้งกันได้ เพราะฉะนั้นนายกฯควรจะบูรณาการการทำงานของคณะกรรมการชุดต่างๆที่ตั้งขึ้นมา ให้ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้การติดตามตัวทนายสมชาย มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
‘ความสำคัญของเรื่องนี้อยู่ที่ว่า ตลอดชีวิตของการทำอาชีพทนายความ ได้พิสูจน์ให้สังคมทนายความ และสังคมของผู้ที่รักความเป็นธรรม เห็นชัดเจนมาตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปีว่าเขาเป็นบุคคลที่อุทิศตัวเพื่อความเป็นธรรม มีบทบาทกับการต่อสู่เพื่อสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องหาที่ถูกละเมิดในเรื่องต่างๆ และทนายสมชายได้เป็นทนายคาวามเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ เพราะฉะนั้นเรื่องของทนายสมชายก็อาจจะเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดความไม่มั่นคงขึ้นในประเทศเพิ่มเติมได้ ถ้ารัฐบาลดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไม่ถูกต้อง’นายองอาจกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20/03/47--จบ--
-สส-
ประการแรกที่ต้องการชี้ให้เห็นก็คือ เริ่มจากการที่ท่านนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาบอกว่ายังไม่รู้รายละเอียดและเข้าใจว่ายังไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ในกรุงเทพฯเพราะทะเลาะกับครอบครัวแล้วหนีมาโดยไม่ได้บอกใคร ในขณะที่ท่านรองนายกฯชวลิต มีความเห็นไปทำนองเดียวกัน คือมองว่า ทนายสมชาย มีปัญหาทะเลาะกับภรรยา
‘ผมคิดว่าส่วนนี้ถือว่าเป็นท่าที ของผู้นำประเทศที่ชี้ให้เห็นถึงความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นการหายตัวของคุณสมชาย ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ซึ้งไม่ควรเป็นภาระหน้าที่ของนายกฯที่จะออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงชี้นำการทำงานของเจ้าหน้าที่ในระดับล่างเช่นนี้’นายองอาจกล่าว
ส่วนอีกประการที่ 2 การหายตัวของทนายสมชาย ได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วพบว่าไม่ใช่ฝีมือของตำรวจที่อุ้มทนายสมชายไป ในเรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกตการว่า คงไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านใดหรือหน่วยงานใดไปปบอกนายกฯว่าตนเองเป็นคนทำ ถึงแม้ว่าจะทำจริงก็ตาม เพราะฉะนั้นนายกฯไม่ควรที่จะมายืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของทนายสมชาย เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็ได้
พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องไปถึงท่านนายกฯ เกี่ยวกับกรณีการหายตัวของทนายสมชาย อยู่ 3 ประการด้วยกัน คือ
ประการที่ 1. ต้องการให้ท่านนายกฯปรับท่าทีในการแสดงความเห็นถึงการหายตัวไปของทนายสมชาย และนายกฯไม่ควรชี้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการติดตามหาตัวทนายสมชาย ว่าเป็นเรื่องของการทะเลาะกันภายในครอบครัว หรือจะเป็นการพยายามปล่อยข่าว ว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ พยายามเอาเรื่องของเงินหลายแสนบาทที่มีการเบิก-ถอน ออกมาปล่อยให้สังคมได้รับรู้ ทั้งๆที่อาจจะมีสาเหตุอื่นที่เป็นชนวนให้เกิดการหายตัวไป
ประการที่ 2. นายกฯไม่ควรฟังรายงานของตำรวจแต่เพียงฝ่ายเดียว แล้วก็ออกมายืนยันว่า การหายตัวไปของทนายสมชายนั้นไม่ใช่ฝีมือของตำรวจ
ประการที่ 3. การที่รัฐบาลได้มีการแต่งตั้ง คณะกรรมการขึ้นมาหลายชุดในการติดตามกรณีของทนายสมชาย แต่ปรากฎว่า จากการตรวจสอบของทางพรรคปชป.พบว่าการทำงานของคณะกรรมการในหลายๆชุดที่ตั้งขึ้นมา มีการทำงานที่ไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน หรือมีการทำงานที่อาจจะก่อให้เกิดการขัดแย้งกันได้ เพราะฉะนั้นนายกฯควรจะบูรณาการการทำงานของคณะกรรมการชุดต่างๆที่ตั้งขึ้นมา ให้ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้การติดตามตัวทนายสมชาย มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
‘ความสำคัญของเรื่องนี้อยู่ที่ว่า ตลอดชีวิตของการทำอาชีพทนายความ ได้พิสูจน์ให้สังคมทนายความ และสังคมของผู้ที่รักความเป็นธรรม เห็นชัดเจนมาตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปีว่าเขาเป็นบุคคลที่อุทิศตัวเพื่อความเป็นธรรม มีบทบาทกับการต่อสู่เพื่อสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องหาที่ถูกละเมิดในเรื่องต่างๆ และทนายสมชายได้เป็นทนายคาวามเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ เพราะฉะนั้นเรื่องของทนายสมชายก็อาจจะเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดความไม่มั่นคงขึ้นในประเทศเพิ่มเติมได้ ถ้ารัฐบาลดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไม่ถูกต้อง’นายองอาจกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20/03/47--จบ--
-สส-