การเติบโตอย่างรวดเร็วของจีนที่มีข้อมูลเศรษฐกิจเป็นตัวยืนยันความสำเร็จของว่าที่มหาอำนาจรายใหม่แห่งซีกโลกตะวันออกอย่างชัดเจน และมีความเป็นไปได้สูงที่การค้าระหว่างประเทศ ของจีนเมื่อครบปี 2548 จะได้เปรียบดุลการค้าโดยรวม 90,000-100,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่าตัวจากยอดได้เปรียบดุลการค้าของปี 2547
องค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ระบุว่าอุตสาหกรรมของจีนจำนวนมากได้รวมเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตโลก ดังนั้นหากจีนมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่าง รวดเร็วและต่อเนื่องต่อไปเรื่องๆ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จีนจะเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลกในช่วงต้น ทศวรรษหน้า อย่างไรก็ตามการเติบโตอย่างรวดเร็วก็นำมาซึ่งปัญหามากมาย เช่น การเกิดความขัดแย้งทางการค้าใหม่ๆ ที่กำลังตามมาโดยเฉพาะการเพิ่มแรงกดดันในเรื่องการปรับค่าเงินหยวนซึ่งส่งผลให้จีนต้องปฏิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยนมาใช้ระบบตะกร้าเงินเมื่อ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา ปัญหาสินค้าสิ่งทอที่ยังตกลงกันไม่ได้กับสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป รวมถึงปัญหาช่องว่างรายได้ของคนจนและคนรวยในประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มไปสู้ระดับที่อันตรายมากขึ้นและหากยังไม่มีมาตรการที่มีประสิทธิภาพ ก็จะทำให้ช่องว่างขยายตัวต่อไปจนถึงเส้นแดงภายใน 5 ปี
ประเด็นวิเคราะห์
แม้จีนจะมีตัวเลขได้เปรียบดุลการค้าที่สูงมาก แต่จีนก็ต้องประสบปัญหาต่างๆ ตามมาเช่นกัน ดังนั้นรัฐบาลจีนจึงต้องเตรียมมาตรการต่างๆ มารองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น โดยจีนจำเป็นต้องเพิ่มความต้องการภายในประเทศอย่างเร่งด่วน เพื่อควบคุมการขยายตัวของการส่งออกและป้องกันปัญหาการขัดแย้งทางการค้ากับประเทศคู่ค้ารายใหญ่มิให้บานปลาย นอกจากนี้จีนยังต้องรับมือกับปัญหาการว่างงาน ความ-ยากจน การอพยพของแรงงานข้ามถิ่น จนถึงความไม่สงบในสังคม ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจีนมาพร้อมกับปัญหาที่ท้าทายจำนวนมาก
ที่มา: http://www.depthai.go.th