ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ก.คลังกำลังศึกษาซื้อกองทุนรวมคิดเป็นค่าใช้จ่ายหักลดภาษีได้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รมว.ก.คลัง เปิดเผยว่ากำลังศึกษาหามาตรการภาษีสนับสนุนให้มีการลงทุนระยะยาวของนักลงทุนสถาบันไทยใน
ตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น โดยมีหลายแนวทางที่เป็นไปได้ เช่น การให้สิทธิในการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคล
ธรรมดาจากเงินที่ลงทุนในกองทุนรวม แต่ต้องผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบจากกรมสรรพากรก่อน และอาจ
จะหาแนวทางจูงใจให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทเอกชนที่มีจำนวนเงินเป็นแสนล้านบาทเข้ามาลงทุนใน
ตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น ในขณะที่ อธิบดีกรมสรรพากรมีความเห็นว่าการลดภาษีเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลง
ทุนของกองทุนเป็นเรื่องไม่ง่าย เมื่อลดให้คนถือหน่วยลงทุนกองทุนรวม ก็ต้องนึกถึงคนที่ถือหุ้นในบริษัททั่วไปว่า
จะทำอย่างไร ส่วนที่มีคนเสนอให้นำส่วนที่ขาดทุนจากการถือหน่วยลงทุนไปขอลดหย่อนภาษีนั้น เป็นเรื่องที่ทำไม่
ได้ เพราะตอนได้กำไรไม่ยอมเสียภาษี เมื่อขาดทุนก็ไม่มีความจำเป็นต้องนำมาลดหย่อน สำหรับด้านบริษัทหลัก
ทรัพย์ นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไอเอ็นจี ในฐานะนายกสมาคม
บริษัทจัดการกองทุน กล่าวว่า หากมีมาตรการลดหย่อนภาษีให้แก่ผู้ลงทุนผ่านกองทุนรวม ถือเป็นเรื่องที่ดีอย่าง
มาก เชื่อว่าจะจูงใจนักลงทุนมาลงทุนมากขึ้น นอกเหนือจากแนวคิดของทางการที่จะยกเว้นภาษีเงินปันผลให้แก่
ผู้ลงทุนผ่านกองทุนรวมด้วย โดยคาดว่าจะส่งผลให้ธุรกิจกองทุนรวมขยายตัวได้ถึง 100% ในปีนี้ (โพสต์ทูเดย์)
2. ก.คลังตั้งคณะกรรมการกำกับมาตรฐานบริษัทหลักทรัพย์ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.ก.
คลัง
กล่าวว่า ผลสรุปของการประชุมร่วมกับกรรมการบริหารสมาคมบริษัทหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้
ข้อสรุป 2 เรื่อง ได้แก่ การตั้งคณะกรรมการกำกับมาตรฐานบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และจัดชี้แจงข้อมูลบริษัท
จดทะเบียนให้กับนักลงทุนต่างชาติ สำหรับคณะกรรมการกำกับมาตรฐาน บล. ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ประกอบด้วย ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ สมาคม บล. และสมาคมนักลงทุนไทย ร่วมกันแต่งตั้งตัวแทน โดย
คณะกรรมการจะมีหน้าที่ประเมินคุณภาพของบริษัทสมาชิกของสมาคมบริษัท บล. โดยจัดให้มีการวัดเรตติ้งของ
สมาคมบริษัท บล. โดยจัดให้มีการวัดเรตติ้งคุณภาพบริษัทและงานวิเคราะห์ ถ้าบริษัทใดมีคุณภาพดีก็จะให้รางวัล
แต่ถ้าบริษัทใดไม่มีคุณภาพและไม่มีการพัฒนาก็จะสั่งให้เลิกทำธุรกิจ และหาก บล.ขนาดกลางหรือเล็กมีขีด
จำกัดในการพัฒนา ตลาดหลักทรัพย์จะช่วยสนับสนุนโดยมีงบประมาณรองรับ 12 ล้านบาท ส่วนเรื่องการชี้แจง
ข้อมูลให้กับนักลงทุนต่างชาติที่จะจัดในประเทศไทย ได้มอบหมายให้สภาหอการค้าไทยกับสมาคม บล. เชิญผู้
จัดการกองทุนต่างชาติเข้ามารับฟังข้อมูลพื้นฐานของเศรษฐกิจและฐานะของบริษัทจดทะเบียนซึ่งมีทิศทางที่ดีขึ้น
แล้วและเชื่อว่าจะมีความเข้าใจมากขึ้น (โพสทูเดย์)
3. สมาคมธนาคารไทยจัดตั้งคณะกรรมการรับการเปิดเสรีทางการเงิน ดร.บันลือศักดิ์ ปุสสะ
รังษี
รองผู้จัดการฝ่ายวิจัย ธ.กรุงเทพ เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทยได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อหาแนวทาง
การพัฒนาตลาดการเงินในระยะยาวให้มีความแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพสามารถแข่งขันกับธนาคารต่างชาติได้
โดยคณะกรรมการชุดนี้จะมีตัวแทนจากธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดใหญ่ ได้แก่ ธ.กรุงเทพ ธ.กรุงไทย ธ.
กสิกรไทย และ ธ.ไทยพาณิชย์ ในขณะนี้มีประเทศที่มีความสนใจจะเข้ามาเจรจาให้ไทยเปิดเสรีการเงิน 8
ประเทศ กับ 1 กลุ่ม คือ สรอ. ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย บาห์เรน จีน อินเดีย เปรู นิวซีแลนด์ และกลุ่มเอเชีย
ใต้รวมพม่าด้วย สำหรับประเทศแรกที่ไทยต้องมีการเจรจาด้วยคือ สรอ. เนื่องจากที่ผ่านมา สรอ. ได้มีการ
เจรจากับประเทศ ชิลี ออสเตรเลีย และสิงคโปร์แล้ว ซึ่งเงื่อนไขที่จะใช้ในการเจรจากับไทยคงเป็นเงื่อนไข
เดียวกับที่ใช้เจรจากับสิงคโปร์ สิ่งที่น่าเป็นห่วงภายใต้เงื่อนไขของ สรอ. คือ การที่ธุรกิจการเงินของ สรอ.
สามารถให้บริการทางการเงินได้หมดในประเทศที่ได้มีการเซ็นสัญญากัน ดังนั้น ธนาคารต้องปรับตัวอย่างครบ
วงจร ทั้งเรื่องการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและการแลกเปลี่ยนเงินตรา ทั้งนี้ ผลกระทบดังกล่าวสอดคล้อง
กับแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินของ ธปท. ที่ต้องการให้ระบบสถาบันการเงินมีความพร้อมสำหรับการแข่งขัน
อย่างเสรี และให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีแรกนี้
จะเป็นการปรับโครงสร้างของสถาบันการเงินไทยด้วยการควบรวมกิจการ เนื่องจากขนาดเป็นสิ่งจำเป็นใน
การแข่งขันอย่างเสรี หลังจากนั้นในปีที่ 4 จึงจะเห็นการเปิดเสรีทางการเงินกับต่างประเทศในลักษณะค่อย
เป็นค่อยไปเพื่อให้ระบบการเงินไทยปรับตัวได้ทัน (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ตลาดหลักทรัพย์ไทยเตรียมจัดตั้งตลาดซื้อขายล่วงหน้า (ตลาดอนุพันธ์) นายกิตติรัตน์ ณ
ระนอง กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีมติให้ตลาดหลักทรัพย์ให้
การสนับสนุนด้านการเงินเพื่อจัดตั้งตลาดซื้อขายล่วงหน้า (ตลาดอนุพันธ์) โดยอนุมัติงบประมาณเพื่อการจัดตั้ง
ตลาดอนุพันธ์ไว้ประมาณ 300 ล้านบาท แต่คาดว่าในทางปฏิบัติจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท
เนื่องจากจะต้องมีการติดตั้งระบบการซื้อขาย การชำระราคาค่าซื้อขายหุ้นแบบสุทธิ (เคลียริ่ง) และค่าใช้จ่าย
ต่าง ๆ ทั้งในส่วนของบุคลากร เทคโนโลยี ส่วนกรณีที่สถาบันการเงินอื่น เช่น ธ.พาณิชย์ต้องการเข้าร่วม
เป็นผู้ถือหุ้นในการจัดตั้งตลาดสามารถดำเนินการได้ แต่ตลาดหลักทรัพย์มีเงื่อนไขในเรื่องสัดส่วนการถือหุ้น
เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ต้องการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในสัดส่วนมากกว่า 50% เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการ
จัดตั้งและดำเนินการให้ตลาดเกิด ขณะเดียวกันก็มีความพร้อมที่จะเป็นผู้ถือหุ้นทั้ง 100% สำหรับระยะเวลาใน
การจัดตั้งคาดว่าจะสามารถดำเนินการทดสอบระบบซื้อขายได้ประมาณปลายปี 47 และเริ่มซื้อขายจริงในเดือน
พ.ค.48 ส่วนสมาชิกของตลาดนี้ก็จะเปิดโอกาสให้สมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ที่ต้องการทำ
ธุรกิจด้านนี้เข้าร่วมเป็นสมาชิกได้ แต่จะต้องเสียค่าธรรมเนียมการเป็นสมาชิก ซึ่งรวมถึง ธ.พาณิชย์ด้วย แต่
การเข้าเป็นสมาชิกโดยตรงของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่โบรกเกอร์อาจจะต้องมีการพิจารณาคุณสมบัติที่เหมาะสม
ประกอบด้วย สำหรับสินค้าที่อนุญาตให้มีการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์เบื้องต้นจะเป็นประเภท ฟิวเจอร์ หรือดัชนี
ซื้อขายล่วงหน้า อินเด็กซ์ ออปชั่น และการซื้อขายอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้า เป็นต้น นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์
อยู่ระหว่างพิจารณาว่าเมื่อมีการเปิดให้บริการตลาดอนุพันธ์นั้น จำเป็นหรือไม่ที่จะนำใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์
ประเภทเดลิเวทีฟวอร์แรนท์ (ดี-วอร์แรนท์) และ คัฟเวอวอร์แรนท์ (ซี-วอร์แรนท์) เข้าไปซื้อขายในตลาด
อนุพันธ์ด้วย (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. IMF คาดว่าสรอ.จะค่อยๆใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดขณะที่ธ.กลางยุโรปจะยังไม่ปรับ
อัตราดอกเบี้ย รายงานจากโรมเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 47 นสพ. La Repubblica รายงานความเห็นของ
IMF ว่าปัจจุปันนโยบายการเงินของธ.กลางสรอ.ค่อนข้างผ่อนปรนแต่คาดว่าจะค่อยๆปรับให้สู่สมดุลและจะ
ค่อยๆเข้มงวดขึ้นเพื่อไม่ให้ตลาดเกิดความตื่นตระหนกมากนักในขณะที่นโยบายการเงินในปัจจุบันของธ.กลาง
ยุโรปถือว่ายังคงเหมาะสมอยู่และคงยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนกว่าจะมีสัญญานบางอย่างที่เด่นชัดถึงการฟื้นตัว
ของเศรษฐกิจบนพื้นฐานของอุปสงค์ภายในประเทศเอง นอกจากนั้น IMF คาดว่าเศรษฐกิจของสรอ. ญี่ปุ่น จีน
เยอรมนี และฝรั่งเศสในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 4.6 3.2 8.5 1.7 และ 2.0 ตามลำดับ สำหรับแนว
โน้มในปีหน้าคาดว่าจะเศรษฐกิจของประเทศดังกล่าวจะขยายตัวร้อยละ 3.9 1.7 8.0 2.1 และ 2.6
ตามลำดับ ส่วนเศรษฐกิจโลกคาดว่าในระยะสั้นจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งโดยจะขยายตัวร้อยละ 4.6 ในปีนี้
และร้อยละ 4.4 ในปี 48 สำหรับเศรษฐกิจในยูโรโซนคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.9 ในปีนี้และร้อยละ 2.5
ในปีหน้า(รอยเตอร์)
2. คาดว่าเงินเฟ้อในเมืองโตเกียวในเดือนมี.ค. จะลดลง รายงานจากโตเกียวเมื่อวันที่ 19
มี.ค. 47 ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ 23 คนคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่น -Core CPI (ไม่
รวมราคาอาหารสดและพลังงาน) ในกรุงโตเกียวในเดือนมี.ค. จะลดลงร้อยละ 0.2 จากช่วงเดียวกันปีที่
แล้วหลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.2 เมื่อเดือนก.พ. และคาดว่า Core CPI รวมทั้งประเทศในเดือนก.พ.จะลด
ลงที่ระดับร้อยละ 0.1จากช่วงเดียวกันปีก่อนหลังจากลดลงร้อยละ 0.1 เมื่อเดือนม.ค. ทั้งนี้ Core CPI
ของญี่ปุ่นเป็นเครื่องชี้ที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดเพื่อเป็นเครื่องมือของธ.กลางในการดำเนินนโยบายทางการ
เงินเพื่อรักษาระดับราคาให้มีเสถียรภาพ โดยปกติดัชนีฯของโตเกียวจะออกล่วงหน้า 1 เดือนก่อนตัวเลขรวม
ของทั้งประเทศ ทั้งนี้รัฐบาลญี่ปุ่นมีกำหนดที่จะประกาศตัวเลขทั้งคู่อย่างเป็นทางการในวันที่ 26 มี.ค. เวลา
8.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
3. รอยเตอร์คาดว่ายอดการค้าปลีกโดยรวมของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.47 จะเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกใน
รอบ 4 เดือน รายงานจากโตเกียว เมื่อ 19 มี.ค.47 ผลสำรวจรอยเตอร์พบว่า ยอดการค้าปลีกโดยรวม
ของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.47 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน อยู่ที่ระดับร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบ
กับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากอากาศที่อบอุ่นขึ้น รวมทั้งวันหยุดเทศกาลที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ความต้องการซื้อ
สินค้าโดยเฉพาะเครื่องแต่งกายมีมากกว่าปกติ ทั้งนี้ ยอดการค้าปลีกโดยรวมเป็นเครื่องชี้วัดความแข็งแกร่ง
ของการบริโภคส่วนบุคคล โดยมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 55 ของเศรษฐกิจญี่ปุ่น อนึ่ง ตัวเลขยอดการค้าปลีกโดย
รวม ก.เศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมจะประกาศอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 26 มี.ค.47 (รอยเตอร์)
4. รอยเตอร์คาดว่าญี่ปุ่นเกินดุลการค้าในเดือน ก.พ.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.6 เทียบต่อปี
รายงานจากโตเกียวเมื่อ 19 มี.ค.47 ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่า ญี่ปุ่นจะเกินดุลการค้าในเดือน ก.พ.47
เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.6 เทียบต่อปี อยู่ที่จำนวน 1.1829 ล้านล้านเยน (ตัวเลขก่อนปรับฤดูกาล) ทั้งนี้ เนื่อง
จากความต้องการอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องในสินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ และสินค้าหมวดอื่น ๆ จาก
ประเทศจีนและตลาดอื่น ๆ ทั่วโลก โดยการส่งออกและนำเข้าของญี่ปุ่นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.0 และ 4.0
ตามลำดับ ทั้งนี้ ตัวเลขดุลการค้าของญี่ปุ่นจะประกาศอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีที่ 25 มี.ค.47 (รอย
เตอร์)
5. ผลสำรวจคาดว่าอัตราเงินเฟ้อของสิงคโปร์ในเดือน ก.พ.47 จะชะลอตัวลง รายงานจาก
สิงคโปร์ เมื่อ 19 มี.ค.47 ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์ คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของ
สิงคโปร์ในเดือน ก.พ.47 จะลดลงร้อยละ 0.3 จากเดือนก่อน จากการลดลงของราคาอาหารหลังจากที่เพิ่ม
ขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่หากเทียบต่อปีแล้วคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน ก.พ.47 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ
1.4 นับเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน อันเป็นผลจากการที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวหลังการระบาดของโรคไข้หวัด SARS
นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและจำนวนนักท่องเที่ยว ราคาอาหารและไข่รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่
ไม่ใช่จากสัตว์ปีกที่สูงขึ้นจากการระบาดของโรคไข้หวัดนก และการเพิ่มขึ้นของภาษีผู้บริโภคอีกร้อยละ 25 จาก
ร้อยละ 4.0 เป็น 5.0 นับตั้งแต่ต้นปีนี้ล้วนมีส่วนทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคสูงกว่าปีที่ผ่านมา ก.สถิติมีกำหนดจะ
ประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคในวันอังคารนี้ เวลา 13.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ธ.กลางสิงคโปร์คาดว่า
เศรษฐกิจในปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นโดยอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ร้อยละ 1.2 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ
22/3/47 19/3/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$)
39.423 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$)
39.2057/39.4922 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ)
1.1250 - 1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท)
681.27/15.43 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ)
7,600/7,700 7,600/7,700 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล)
31.36 31.23 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท)
16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ก.คลังกำลังศึกษาซื้อกองทุนรวมคิดเป็นค่าใช้จ่ายหักลดภาษีได้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รมว.ก.คลัง เปิดเผยว่ากำลังศึกษาหามาตรการภาษีสนับสนุนให้มีการลงทุนระยะยาวของนักลงทุนสถาบันไทยใน
ตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น โดยมีหลายแนวทางที่เป็นไปได้ เช่น การให้สิทธิในการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคล
ธรรมดาจากเงินที่ลงทุนในกองทุนรวม แต่ต้องผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบจากกรมสรรพากรก่อน และอาจ
จะหาแนวทางจูงใจให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทเอกชนที่มีจำนวนเงินเป็นแสนล้านบาทเข้ามาลงทุนใน
ตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น ในขณะที่ อธิบดีกรมสรรพากรมีความเห็นว่าการลดภาษีเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลง
ทุนของกองทุนเป็นเรื่องไม่ง่าย เมื่อลดให้คนถือหน่วยลงทุนกองทุนรวม ก็ต้องนึกถึงคนที่ถือหุ้นในบริษัททั่วไปว่า
จะทำอย่างไร ส่วนที่มีคนเสนอให้นำส่วนที่ขาดทุนจากการถือหน่วยลงทุนไปขอลดหย่อนภาษีนั้น เป็นเรื่องที่ทำไม่
ได้ เพราะตอนได้กำไรไม่ยอมเสียภาษี เมื่อขาดทุนก็ไม่มีความจำเป็นต้องนำมาลดหย่อน สำหรับด้านบริษัทหลัก
ทรัพย์ นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไอเอ็นจี ในฐานะนายกสมาคม
บริษัทจัดการกองทุน กล่าวว่า หากมีมาตรการลดหย่อนภาษีให้แก่ผู้ลงทุนผ่านกองทุนรวม ถือเป็นเรื่องที่ดีอย่าง
มาก เชื่อว่าจะจูงใจนักลงทุนมาลงทุนมากขึ้น นอกเหนือจากแนวคิดของทางการที่จะยกเว้นภาษีเงินปันผลให้แก่
ผู้ลงทุนผ่านกองทุนรวมด้วย โดยคาดว่าจะส่งผลให้ธุรกิจกองทุนรวมขยายตัวได้ถึง 100% ในปีนี้ (โพสต์ทูเดย์)
2. ก.คลังตั้งคณะกรรมการกำกับมาตรฐานบริษัทหลักทรัพย์ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.ก.
คลัง
กล่าวว่า ผลสรุปของการประชุมร่วมกับกรรมการบริหารสมาคมบริษัทหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้
ข้อสรุป 2 เรื่อง ได้แก่ การตั้งคณะกรรมการกำกับมาตรฐานบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และจัดชี้แจงข้อมูลบริษัท
จดทะเบียนให้กับนักลงทุนต่างชาติ สำหรับคณะกรรมการกำกับมาตรฐาน บล. ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ประกอบด้วย ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ สมาคม บล. และสมาคมนักลงทุนไทย ร่วมกันแต่งตั้งตัวแทน โดย
คณะกรรมการจะมีหน้าที่ประเมินคุณภาพของบริษัทสมาชิกของสมาคมบริษัท บล. โดยจัดให้มีการวัดเรตติ้งของ
สมาคมบริษัท บล. โดยจัดให้มีการวัดเรตติ้งคุณภาพบริษัทและงานวิเคราะห์ ถ้าบริษัทใดมีคุณภาพดีก็จะให้รางวัล
แต่ถ้าบริษัทใดไม่มีคุณภาพและไม่มีการพัฒนาก็จะสั่งให้เลิกทำธุรกิจ และหาก บล.ขนาดกลางหรือเล็กมีขีด
จำกัดในการพัฒนา ตลาดหลักทรัพย์จะช่วยสนับสนุนโดยมีงบประมาณรองรับ 12 ล้านบาท ส่วนเรื่องการชี้แจง
ข้อมูลให้กับนักลงทุนต่างชาติที่จะจัดในประเทศไทย ได้มอบหมายให้สภาหอการค้าไทยกับสมาคม บล. เชิญผู้
จัดการกองทุนต่างชาติเข้ามารับฟังข้อมูลพื้นฐานของเศรษฐกิจและฐานะของบริษัทจดทะเบียนซึ่งมีทิศทางที่ดีขึ้น
แล้วและเชื่อว่าจะมีความเข้าใจมากขึ้น (โพสทูเดย์)
3. สมาคมธนาคารไทยจัดตั้งคณะกรรมการรับการเปิดเสรีทางการเงิน ดร.บันลือศักดิ์ ปุสสะ
รังษี
รองผู้จัดการฝ่ายวิจัย ธ.กรุงเทพ เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทยได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อหาแนวทาง
การพัฒนาตลาดการเงินในระยะยาวให้มีความแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพสามารถแข่งขันกับธนาคารต่างชาติได้
โดยคณะกรรมการชุดนี้จะมีตัวแทนจากธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดใหญ่ ได้แก่ ธ.กรุงเทพ ธ.กรุงไทย ธ.
กสิกรไทย และ ธ.ไทยพาณิชย์ ในขณะนี้มีประเทศที่มีความสนใจจะเข้ามาเจรจาให้ไทยเปิดเสรีการเงิน 8
ประเทศ กับ 1 กลุ่ม คือ สรอ. ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย บาห์เรน จีน อินเดีย เปรู นิวซีแลนด์ และกลุ่มเอเชีย
ใต้รวมพม่าด้วย สำหรับประเทศแรกที่ไทยต้องมีการเจรจาด้วยคือ สรอ. เนื่องจากที่ผ่านมา สรอ. ได้มีการ
เจรจากับประเทศ ชิลี ออสเตรเลีย และสิงคโปร์แล้ว ซึ่งเงื่อนไขที่จะใช้ในการเจรจากับไทยคงเป็นเงื่อนไข
เดียวกับที่ใช้เจรจากับสิงคโปร์ สิ่งที่น่าเป็นห่วงภายใต้เงื่อนไขของ สรอ. คือ การที่ธุรกิจการเงินของ สรอ.
สามารถให้บริการทางการเงินได้หมดในประเทศที่ได้มีการเซ็นสัญญากัน ดังนั้น ธนาคารต้องปรับตัวอย่างครบ
วงจร ทั้งเรื่องการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและการแลกเปลี่ยนเงินตรา ทั้งนี้ ผลกระทบดังกล่าวสอดคล้อง
กับแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินของ ธปท. ที่ต้องการให้ระบบสถาบันการเงินมีความพร้อมสำหรับการแข่งขัน
อย่างเสรี และให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีแรกนี้
จะเป็นการปรับโครงสร้างของสถาบันการเงินไทยด้วยการควบรวมกิจการ เนื่องจากขนาดเป็นสิ่งจำเป็นใน
การแข่งขันอย่างเสรี หลังจากนั้นในปีที่ 4 จึงจะเห็นการเปิดเสรีทางการเงินกับต่างประเทศในลักษณะค่อย
เป็นค่อยไปเพื่อให้ระบบการเงินไทยปรับตัวได้ทัน (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ตลาดหลักทรัพย์ไทยเตรียมจัดตั้งตลาดซื้อขายล่วงหน้า (ตลาดอนุพันธ์) นายกิตติรัตน์ ณ
ระนอง กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีมติให้ตลาดหลักทรัพย์ให้
การสนับสนุนด้านการเงินเพื่อจัดตั้งตลาดซื้อขายล่วงหน้า (ตลาดอนุพันธ์) โดยอนุมัติงบประมาณเพื่อการจัดตั้ง
ตลาดอนุพันธ์ไว้ประมาณ 300 ล้านบาท แต่คาดว่าในทางปฏิบัติจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท
เนื่องจากจะต้องมีการติดตั้งระบบการซื้อขาย การชำระราคาค่าซื้อขายหุ้นแบบสุทธิ (เคลียริ่ง) และค่าใช้จ่าย
ต่าง ๆ ทั้งในส่วนของบุคลากร เทคโนโลยี ส่วนกรณีที่สถาบันการเงินอื่น เช่น ธ.พาณิชย์ต้องการเข้าร่วม
เป็นผู้ถือหุ้นในการจัดตั้งตลาดสามารถดำเนินการได้ แต่ตลาดหลักทรัพย์มีเงื่อนไขในเรื่องสัดส่วนการถือหุ้น
เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ต้องการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในสัดส่วนมากกว่า 50% เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการ
จัดตั้งและดำเนินการให้ตลาดเกิด ขณะเดียวกันก็มีความพร้อมที่จะเป็นผู้ถือหุ้นทั้ง 100% สำหรับระยะเวลาใน
การจัดตั้งคาดว่าจะสามารถดำเนินการทดสอบระบบซื้อขายได้ประมาณปลายปี 47 และเริ่มซื้อขายจริงในเดือน
พ.ค.48 ส่วนสมาชิกของตลาดนี้ก็จะเปิดโอกาสให้สมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ที่ต้องการทำ
ธุรกิจด้านนี้เข้าร่วมเป็นสมาชิกได้ แต่จะต้องเสียค่าธรรมเนียมการเป็นสมาชิก ซึ่งรวมถึง ธ.พาณิชย์ด้วย แต่
การเข้าเป็นสมาชิกโดยตรงของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่โบรกเกอร์อาจจะต้องมีการพิจารณาคุณสมบัติที่เหมาะสม
ประกอบด้วย สำหรับสินค้าที่อนุญาตให้มีการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์เบื้องต้นจะเป็นประเภท ฟิวเจอร์ หรือดัชนี
ซื้อขายล่วงหน้า อินเด็กซ์ ออปชั่น และการซื้อขายอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้า เป็นต้น นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์
อยู่ระหว่างพิจารณาว่าเมื่อมีการเปิดให้บริการตลาดอนุพันธ์นั้น จำเป็นหรือไม่ที่จะนำใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์
ประเภทเดลิเวทีฟวอร์แรนท์ (ดี-วอร์แรนท์) และ คัฟเวอวอร์แรนท์ (ซี-วอร์แรนท์) เข้าไปซื้อขายในตลาด
อนุพันธ์ด้วย (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. IMF คาดว่าสรอ.จะค่อยๆใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดขณะที่ธ.กลางยุโรปจะยังไม่ปรับ
อัตราดอกเบี้ย รายงานจากโรมเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 47 นสพ. La Repubblica รายงานความเห็นของ
IMF ว่าปัจจุปันนโยบายการเงินของธ.กลางสรอ.ค่อนข้างผ่อนปรนแต่คาดว่าจะค่อยๆปรับให้สู่สมดุลและจะ
ค่อยๆเข้มงวดขึ้นเพื่อไม่ให้ตลาดเกิดความตื่นตระหนกมากนักในขณะที่นโยบายการเงินในปัจจุบันของธ.กลาง
ยุโรปถือว่ายังคงเหมาะสมอยู่และคงยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนกว่าจะมีสัญญานบางอย่างที่เด่นชัดถึงการฟื้นตัว
ของเศรษฐกิจบนพื้นฐานของอุปสงค์ภายในประเทศเอง นอกจากนั้น IMF คาดว่าเศรษฐกิจของสรอ. ญี่ปุ่น จีน
เยอรมนี และฝรั่งเศสในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 4.6 3.2 8.5 1.7 และ 2.0 ตามลำดับ สำหรับแนว
โน้มในปีหน้าคาดว่าจะเศรษฐกิจของประเทศดังกล่าวจะขยายตัวร้อยละ 3.9 1.7 8.0 2.1 และ 2.6
ตามลำดับ ส่วนเศรษฐกิจโลกคาดว่าในระยะสั้นจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งโดยจะขยายตัวร้อยละ 4.6 ในปีนี้
และร้อยละ 4.4 ในปี 48 สำหรับเศรษฐกิจในยูโรโซนคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.9 ในปีนี้และร้อยละ 2.5
ในปีหน้า(รอยเตอร์)
2. คาดว่าเงินเฟ้อในเมืองโตเกียวในเดือนมี.ค. จะลดลง รายงานจากโตเกียวเมื่อวันที่ 19
มี.ค. 47 ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ 23 คนคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่น -Core CPI (ไม่
รวมราคาอาหารสดและพลังงาน) ในกรุงโตเกียวในเดือนมี.ค. จะลดลงร้อยละ 0.2 จากช่วงเดียวกันปีที่
แล้วหลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.2 เมื่อเดือนก.พ. และคาดว่า Core CPI รวมทั้งประเทศในเดือนก.พ.จะลด
ลงที่ระดับร้อยละ 0.1จากช่วงเดียวกันปีก่อนหลังจากลดลงร้อยละ 0.1 เมื่อเดือนม.ค. ทั้งนี้ Core CPI
ของญี่ปุ่นเป็นเครื่องชี้ที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดเพื่อเป็นเครื่องมือของธ.กลางในการดำเนินนโยบายทางการ
เงินเพื่อรักษาระดับราคาให้มีเสถียรภาพ โดยปกติดัชนีฯของโตเกียวจะออกล่วงหน้า 1 เดือนก่อนตัวเลขรวม
ของทั้งประเทศ ทั้งนี้รัฐบาลญี่ปุ่นมีกำหนดที่จะประกาศตัวเลขทั้งคู่อย่างเป็นทางการในวันที่ 26 มี.ค. เวลา
8.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
3. รอยเตอร์คาดว่ายอดการค้าปลีกโดยรวมของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.47 จะเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกใน
รอบ 4 เดือน รายงานจากโตเกียว เมื่อ 19 มี.ค.47 ผลสำรวจรอยเตอร์พบว่า ยอดการค้าปลีกโดยรวม
ของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.47 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน อยู่ที่ระดับร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบ
กับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากอากาศที่อบอุ่นขึ้น รวมทั้งวันหยุดเทศกาลที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ความต้องการซื้อ
สินค้าโดยเฉพาะเครื่องแต่งกายมีมากกว่าปกติ ทั้งนี้ ยอดการค้าปลีกโดยรวมเป็นเครื่องชี้วัดความแข็งแกร่ง
ของการบริโภคส่วนบุคคล โดยมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 55 ของเศรษฐกิจญี่ปุ่น อนึ่ง ตัวเลขยอดการค้าปลีกโดย
รวม ก.เศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมจะประกาศอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 26 มี.ค.47 (รอยเตอร์)
4. รอยเตอร์คาดว่าญี่ปุ่นเกินดุลการค้าในเดือน ก.พ.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.6 เทียบต่อปี
รายงานจากโตเกียวเมื่อ 19 มี.ค.47 ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่า ญี่ปุ่นจะเกินดุลการค้าในเดือน ก.พ.47
เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.6 เทียบต่อปี อยู่ที่จำนวน 1.1829 ล้านล้านเยน (ตัวเลขก่อนปรับฤดูกาล) ทั้งนี้ เนื่อง
จากความต้องการอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องในสินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ และสินค้าหมวดอื่น ๆ จาก
ประเทศจีนและตลาดอื่น ๆ ทั่วโลก โดยการส่งออกและนำเข้าของญี่ปุ่นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.0 และ 4.0
ตามลำดับ ทั้งนี้ ตัวเลขดุลการค้าของญี่ปุ่นจะประกาศอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีที่ 25 มี.ค.47 (รอย
เตอร์)
5. ผลสำรวจคาดว่าอัตราเงินเฟ้อของสิงคโปร์ในเดือน ก.พ.47 จะชะลอตัวลง รายงานจาก
สิงคโปร์ เมื่อ 19 มี.ค.47 ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์ คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของ
สิงคโปร์ในเดือน ก.พ.47 จะลดลงร้อยละ 0.3 จากเดือนก่อน จากการลดลงของราคาอาหารหลังจากที่เพิ่ม
ขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่หากเทียบต่อปีแล้วคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน ก.พ.47 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ
1.4 นับเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน อันเป็นผลจากการที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวหลังการระบาดของโรคไข้หวัด SARS
นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและจำนวนนักท่องเที่ยว ราคาอาหารและไข่รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่
ไม่ใช่จากสัตว์ปีกที่สูงขึ้นจากการระบาดของโรคไข้หวัดนก และการเพิ่มขึ้นของภาษีผู้บริโภคอีกร้อยละ 25 จาก
ร้อยละ 4.0 เป็น 5.0 นับตั้งแต่ต้นปีนี้ล้วนมีส่วนทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคสูงกว่าปีที่ผ่านมา ก.สถิติมีกำหนดจะ
ประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคในวันอังคารนี้ เวลา 13.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ธ.กลางสิงคโปร์คาดว่า
เศรษฐกิจในปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นโดยอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ร้อยละ 1.2 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ
22/3/47 19/3/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$)
39.423 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$)
39.2057/39.4922 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ)
1.1250 - 1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท)
681.27/15.43 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ)
7,600/7,700 7,600/7,700 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล)
31.36 31.23 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท)
16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-