ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ประกาศแนวทางการป้องกันการทุจริตผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตด้วยวิธี Phishing ผู้
ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกหนังสือเวียนถึง ธพ. และสถาบันการเงินพิเศษของรัฐทุกแห่ง ถึง
แนวทางการป้องกันการทุจริตผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตด้วยวิธี Phishing โดยกำหนดให้สถาบันการเงินเพิ่ม
ความระวังและจัดให้มีการรักษาความปลอดภัย ในกรณีที่สถาบันการเงินมีการให้บริการส่งอีเมล์ไปยังลูกค้า จะต้อง
ไม่แนบ link เพื่อเชื่อมโยงเว็บไซต์ของสถาบันการเงินหรือแบบฟอร์มการสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลไปให้ลูกค้า รวม
ทั้งยังต้องการให้มีกระบวนการประเมินความเสี่ยงและจัดให้มีมาตรการป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น กรณีที่
สถาบันการเงินให้บริการโอนเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้าไปยังบุคคลที่สามผ่านอินเตอร์เน็ต โดยลูกค้าไม่ต้องแจ้ง
สถาบันการเงินเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนการใช้บริการ สถาบันการเงินควรพิจารณากำหนดวงเงินสูงสุดในการโอน
เงินที่เหมาะสม (ข่าวสด, เดลินิวส์, ไทยรัฐ, กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
2. ธปท.กังวลปัจจัยเสี่ยงในประเทศอาจกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม ผู้ว่าการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง “ปัจจัยเสี่ยงของชาติ” ซึ่งจัดโดยมูลนิธิสถาบันภูมิแผ่นดินไทย ว่า
เศรษฐกิจไทยยังคงมีปัจจัยเสี่ยง โดยแบ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงภายในประเทศ คือ หนี้ภาคครัวเรือนในปี 47 ได้เพิ่มขึ้น
อย่างรวดเร็ว และการออมของภาคครัวเรือนลดลง โดยในปี 43-47 อัตราการออมต่อจีดีพีเหลือต่ำกว่าร้อยละ
4.0 ด้านสินเชื่อส่วนบุคคลที่ยังมีความเสี่ยง โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคลของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (นอน
แบงก์) ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 50 และมีอัตราดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 32-58.6 ในปี 47 ขณะที่สินเชื่อบุคคลของ
ธนาคารขยายตัวเพียงร้อยละ 11.0 คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 13-24 ซึ่งการคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูง ธปท.เห็นว่า
อาจกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ (ผู้จัดการรายวัน)
3. ธปท.กำหนดเพดานนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศรวมกันได้ 2,000 ล้านดอลลาร์ สรอ.
รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ออกระเบียบกำหนดวงเงินการลงทุนใน
หลักทรัพย์ต่างประเทศรวมกันได้จำนวน 2,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 7.9-8 หมื่นล้านบาท โดย
ระเบียบการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินเกี่ยวกับการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศจะใช้ครอบคลุมกับผู้ลงทุน 6
ประเภท ได้แก่ บ.ประกันชีวิต กองทุนบำเหน็จบำนาญ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนประกันสังคม กองทุนรวม
และสถาบันการเงินที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้ง ทั้งนี้ การผ่อนปรนดังกล่าวเพื่อให้นักลงทุนไทยสามารถลงทุนในหลัก
ทรัพย์ต่างประเทศได้หลากหลายขึ้น และเพื่อให้ผู้ลงทุนมีความคล่องตัวมากขึ้นในการบริหารจัดการการลงทุน ผู้สนใจ
ต้องยื่นอนุญาตต่อเจ้าพนักงานควบคุมกดารแลกเปลี่ยนภายใน 30 เม.ย.48 นี้ โดยต้องระบุวงเงินที่ต้องการรับการ
จัดสรร และประเภทหลักทรัพย์ที่ต้องการลงทุนให้ชัดเจน (โพสต์ทูเดย์)
4. รมว.คลังมอบหมายให้กรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีของนิติบุคคล รมว.คลัง เปิดเผยว่า
ได้มอบหมายนโยบายให้กรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีของนิติบุคคล หากพบว่านิติบุคคลใดมีพฤติกรรมไม่ถูก
ต้อง มีพฤติกรรมไซฟอนเงิน หรือบริษัทแม่ไม่มีกำไร แต่บริษัทลูกกลับมีกำไรสูง ให้กรมสรรพากรทำเรื่องส่งคณะ
กรรมการว่าด้วยการประสานงานคดีการเงินการคลัง ที่มีปลัด ก.คลังเป็นประธาน เพื่อดำเนินการลงโทษกับบริษัทที่
มีพฤติกรรมมิชอบ เพื่อสร้างความโปร่งใส และเพิ่มความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างประเทศต่อบริษัทในประเทศไทย
โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียน เพราะขณะนี้ต่างชาติให้ความสำคัญต่อการลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น (สยามรัฐ, โพสต์ทูเดย์)
5. ก.พลังงานเตรียมนำเรื่องการออกจำหน่ายพันธบัตรชดเชยหนี้กองทุนน้ำมันกว่า 85,000 ล้านบาท
เสนอ ครม. รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ก.พลังงานจะนำเรื่องการออกจำหน่ายพันธบัตรชดเชยหนี้ของกองทุนน้ำมัน
กว่า 85,000 ล้านบาทเสนอต่อที่ประชุม ครม.โดยขณะนี้ให้ปลัด ก.พลังงานเร่งจัดทำแหล่งที่มาของกระแสเงินสด
ของกองทุนน้ำมันให้ชัดเจน เพื่อให้ บ.ทริสเรทติ้งจัดอันดับความเชื่อถือพันธบัตรก่อนออกจำหน่าย โดยคาดว่าจะอยู่ที่
ระดับ A เท่ากับพันธบัตรรัฐบาล หรือไลบอร์บวกเล็กน้อยมีระยะเวลา 5 ปี แต่จะออกพันธบัตรในมูลค่าจริงเพียง
63,000-65,000 ล้านบาทเท่านั้น โดยแบ่งเป็นงวด ๆ ละ 20,000 ล้านบาท ออกจำหน่ายในเดือน มิ.ย.นี้
(ไทยรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ตัวเลขคนว่างของ สรอ. ในสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงถึง 36,000 คน รายงานจากกรุงวอชิงตัน
ประเทศ สรอ. เมื่อวันที่ 21 เม.ย.48 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า จำนวนคนอเมริกันที่แจ้งว่าไม่มีงานทำ
และขอรับความช่วยเหลือจากรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงมากถึง 36,000 คน อยู่ที่ระดับ 296,000 คน ซึ่งเป็น
ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และเป็นตัวเลขการลดลงรายสัปดาห์ครั้งใหญ่สุดในรอบกว่า 3 ปี
นับตั้งแต่ที่มีการลดลง 73,000 คน ในช่วงต้นเดือน ธ.ค.44 ในขณะที่ตัวเลขเคลื่อนไหวเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของ
สัปดาห์ก่อนที่นักเศรษฐศาสตร์ถือว่ามีความน่าเชื่อถือได้ในการติดตามแนวโน้มความเคลื่อนไหวด้านแรงงาน ลดลงอยู่
ที่ระดับ 330,250 คน จาก 338,750 คน ในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น (9 เม.ย.) ส่วนจำนวนคนอเมริกันที่ว่างงาน
และยังคงลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากรัฐลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง จำนวน 17,000 คน อยู่ที่ระดับ
2.64 ล้านคน ในสัปดาห์สิ้นสุด 9 เม.ย.48 ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่าตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจมี
ความแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อเทียบกับตัวเลขในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
2. ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน มี.ค.48 ลดลงร้อยละ 0.1 จากเดือนก่อน รายงาน
จากลอนดอน เมื่อ 21 เม.ย.48 ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน มี.ค.48 ลดลงร้อยละ 0.1 จากเดือนก่อน จาก
ที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ส่งผลให้ยอดค้าปลีกในเดือน มี.ค.48 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.7 ต่อ
ปี ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค.46 และทำให้ยอดค้าปลีกในไตรมาสแรกปีนี้เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับ
ไตรมาสก่อน โดยเป็นผลจากยอดขายสินค้าประเภทเครื่องใช้ในบ้านที่ขายผ่านร้านค้ารวมทั้งที่ขายทางอินเตอร์เน็ต
และทางไปรษณีย์ลดลง อันเป็นผลจากราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยยอดขายสินค้าผ่านร้านค้าลดลงร้อยละ 0.6 จาก
ยอดขายเฟอร์นิเจอร์ที่ลดลงเนื่องมาจากราคาที่สูงขึ้น ในขณะที่ยอดขายสินค้าทางอินเตอร์เน็ตและไปรษณีย์ลดลงร้อย
ละ 3.9 นับเป็นการลดลงต่อเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.46 นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขยอดค้าปลีกที่ลดลงดัง
กล่าวจะส่งผลให้ ธ.กลางอังกฤษตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 4.75 ต่อปี เป็นเดือนที่ 9 ติดต่อ
กัน แม้ว่าตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเมื่อต้นสัปดาห์นี้จะอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีก็ตาม (รอยเตอร์)
3. จีนลดการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันและโลหะเนื่องจากราคาสูงขึ้น รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 21
เม.ย. 48 รัฐบาลจีนเปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกปี 48 การนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมัน และโลหะลดลงเนื่องจากราคา
ในตลาดโลกสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันทั่วโลกทำสถิติสูงสุดประกอบกับการจำกัดการใช้น้ำมันในประเทศช่วยให้การนำ
เข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันสุทธิในเดือนมี.ค. ลดลงถึง 1 ใน 3 จากช่วงเดียวกันปีที่แล้วอยู่ที่ระดับ 300,000 บาร์เรลล์
อย่างไรก็ตามผู้ค้ากล่าวว่าการที่เศรษฐกิจจีนขยายตัวอย่างแข็งแกร่งจะกระตุ้นให้การนำเข้าเพิ่มขึ้นอีก โดยการนำ
เข้าทองแดงในไตรมาสแรกลดลงถึงร้อยละ 15.4 อยู่ที่ระดับ 328,777 ตัน โดยราคานำเข้าทำสถิติสูงสุดเมื่อ
เดือนที่แล้ว ทั้งนี้ประเทศจีนเป็นผู้บริโภคทองแดงเป็นอันดับที่ 5 ของโลก อย่างไรก็ตามความต้องการสินค้าจากจีนที่
เกี่ยวกับการกลั่นน้ำมัน และการหลอมอลูมิเนียมที่จีนได้รับประโยชน์จากการส่งออกเนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
ในตลาดโลกมีราคาสูงขึ้น สำหรับวัตถุดิบอลูมิเนียมที่จีนนำเข้าในไตรมาสแรกลดลงร้อยละ 44 แต่การส่งออกผลิต
ภัณฑ์อลูมิเนียมกลับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 35 ในขณะที่ผู้ค้านำมันไม่คาดว่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจะยืนนัก (รอยเตอร์)
4. ภาคบริการของญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่แข็งแกร่งในช่วงไตรมาสแรกของปี 48 แม้ว่าจะชะลอตัวในเดือน
ก.พ.48 รายงานจากโตเกียวเมื่อ 22 เม.ย.48 The Ministry of Economy, Trade and Industry
เปิดเผยว่า ดัชนีชี้วัดภาคบริการของญี่ปุ่น (tertiary sector index) ในเดือน ก.พ.48 ลดลงเป็นครั้งแรกใน
รอบ 7 เดือนร้อยละ 1.0 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 ในเดือน ม.ค.48 แต่ยังคงต่ำกว่าการคาดการณ์ของนัก
เศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะลดลงร้อยละ 1.4 อย่างไรก็ตาม บรรดานักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นว่า หากพิจารณา
จากอัตราเฉลี่ย 2 เดือน (ม.ค.และ ก.พ.) ดัชนีฯ ยังคงสูงกว่าช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่า
ภาคบริการญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่อาจแข็งแกร่งในช่วงไตรมาสแรกของปี 48 ซึ่งก่อให้เกิดความคาดหวังว่า ความต้องการ
ภายในประเทศจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจซึ่งประสบภาวะชะลอตัวมาตั้งแต่ปีก่อน ในขณะที่การส่งออกซึ่ง
เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักประสบกับภาวะชะลอตัวเช่นกัน สำหรับดัชนีชี้วัดภาคเศรษฐกิจโดยรวม (all-
industries index) ซึ่งรวมภาคบริการ ภาคอุตสาหกรรม และส่วนอื่นๆ ของระบบเศรษฐกิจในเดือน ก.พ.
ลดลงร้อยละ 1.1 จากเดือนก่อนหน้า ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะลดลงร้อยละ 1.5 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 22 เม.ย. 48 21 เม.ย. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.463 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.2148/39.5055 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.2500 - 2.3500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 680.60/16.84 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,050/8,150 8,050/8,150 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 47.31 46.32 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.89*/18.19** 22.89*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 12 เม.ย. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ประกาศแนวทางการป้องกันการทุจริตผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตด้วยวิธี Phishing ผู้
ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกหนังสือเวียนถึง ธพ. และสถาบันการเงินพิเศษของรัฐทุกแห่ง ถึง
แนวทางการป้องกันการทุจริตผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตด้วยวิธี Phishing โดยกำหนดให้สถาบันการเงินเพิ่ม
ความระวังและจัดให้มีการรักษาความปลอดภัย ในกรณีที่สถาบันการเงินมีการให้บริการส่งอีเมล์ไปยังลูกค้า จะต้อง
ไม่แนบ link เพื่อเชื่อมโยงเว็บไซต์ของสถาบันการเงินหรือแบบฟอร์มการสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลไปให้ลูกค้า รวม
ทั้งยังต้องการให้มีกระบวนการประเมินความเสี่ยงและจัดให้มีมาตรการป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น กรณีที่
สถาบันการเงินให้บริการโอนเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้าไปยังบุคคลที่สามผ่านอินเตอร์เน็ต โดยลูกค้าไม่ต้องแจ้ง
สถาบันการเงินเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนการใช้บริการ สถาบันการเงินควรพิจารณากำหนดวงเงินสูงสุดในการโอน
เงินที่เหมาะสม (ข่าวสด, เดลินิวส์, ไทยรัฐ, กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
2. ธปท.กังวลปัจจัยเสี่ยงในประเทศอาจกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม ผู้ว่าการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง “ปัจจัยเสี่ยงของชาติ” ซึ่งจัดโดยมูลนิธิสถาบันภูมิแผ่นดินไทย ว่า
เศรษฐกิจไทยยังคงมีปัจจัยเสี่ยง โดยแบ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงภายในประเทศ คือ หนี้ภาคครัวเรือนในปี 47 ได้เพิ่มขึ้น
อย่างรวดเร็ว และการออมของภาคครัวเรือนลดลง โดยในปี 43-47 อัตราการออมต่อจีดีพีเหลือต่ำกว่าร้อยละ
4.0 ด้านสินเชื่อส่วนบุคคลที่ยังมีความเสี่ยง โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคลของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (นอน
แบงก์) ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 50 และมีอัตราดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 32-58.6 ในปี 47 ขณะที่สินเชื่อบุคคลของ
ธนาคารขยายตัวเพียงร้อยละ 11.0 คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 13-24 ซึ่งการคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูง ธปท.เห็นว่า
อาจกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ (ผู้จัดการรายวัน)
3. ธปท.กำหนดเพดานนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศรวมกันได้ 2,000 ล้านดอลลาร์ สรอ.
รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ออกระเบียบกำหนดวงเงินการลงทุนใน
หลักทรัพย์ต่างประเทศรวมกันได้จำนวน 2,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 7.9-8 หมื่นล้านบาท โดย
ระเบียบการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินเกี่ยวกับการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศจะใช้ครอบคลุมกับผู้ลงทุน 6
ประเภท ได้แก่ บ.ประกันชีวิต กองทุนบำเหน็จบำนาญ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนประกันสังคม กองทุนรวม
และสถาบันการเงินที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้ง ทั้งนี้ การผ่อนปรนดังกล่าวเพื่อให้นักลงทุนไทยสามารถลงทุนในหลัก
ทรัพย์ต่างประเทศได้หลากหลายขึ้น และเพื่อให้ผู้ลงทุนมีความคล่องตัวมากขึ้นในการบริหารจัดการการลงทุน ผู้สนใจ
ต้องยื่นอนุญาตต่อเจ้าพนักงานควบคุมกดารแลกเปลี่ยนภายใน 30 เม.ย.48 นี้ โดยต้องระบุวงเงินที่ต้องการรับการ
จัดสรร และประเภทหลักทรัพย์ที่ต้องการลงทุนให้ชัดเจน (โพสต์ทูเดย์)
4. รมว.คลังมอบหมายให้กรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีของนิติบุคคล รมว.คลัง เปิดเผยว่า
ได้มอบหมายนโยบายให้กรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีของนิติบุคคล หากพบว่านิติบุคคลใดมีพฤติกรรมไม่ถูก
ต้อง มีพฤติกรรมไซฟอนเงิน หรือบริษัทแม่ไม่มีกำไร แต่บริษัทลูกกลับมีกำไรสูง ให้กรมสรรพากรทำเรื่องส่งคณะ
กรรมการว่าด้วยการประสานงานคดีการเงินการคลัง ที่มีปลัด ก.คลังเป็นประธาน เพื่อดำเนินการลงโทษกับบริษัทที่
มีพฤติกรรมมิชอบ เพื่อสร้างความโปร่งใส และเพิ่มความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างประเทศต่อบริษัทในประเทศไทย
โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียน เพราะขณะนี้ต่างชาติให้ความสำคัญต่อการลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น (สยามรัฐ, โพสต์ทูเดย์)
5. ก.พลังงานเตรียมนำเรื่องการออกจำหน่ายพันธบัตรชดเชยหนี้กองทุนน้ำมันกว่า 85,000 ล้านบาท
เสนอ ครม. รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ก.พลังงานจะนำเรื่องการออกจำหน่ายพันธบัตรชดเชยหนี้ของกองทุนน้ำมัน
กว่า 85,000 ล้านบาทเสนอต่อที่ประชุม ครม.โดยขณะนี้ให้ปลัด ก.พลังงานเร่งจัดทำแหล่งที่มาของกระแสเงินสด
ของกองทุนน้ำมันให้ชัดเจน เพื่อให้ บ.ทริสเรทติ้งจัดอันดับความเชื่อถือพันธบัตรก่อนออกจำหน่าย โดยคาดว่าจะอยู่ที่
ระดับ A เท่ากับพันธบัตรรัฐบาล หรือไลบอร์บวกเล็กน้อยมีระยะเวลา 5 ปี แต่จะออกพันธบัตรในมูลค่าจริงเพียง
63,000-65,000 ล้านบาทเท่านั้น โดยแบ่งเป็นงวด ๆ ละ 20,000 ล้านบาท ออกจำหน่ายในเดือน มิ.ย.นี้
(ไทยรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ตัวเลขคนว่างของ สรอ. ในสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงถึง 36,000 คน รายงานจากกรุงวอชิงตัน
ประเทศ สรอ. เมื่อวันที่ 21 เม.ย.48 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า จำนวนคนอเมริกันที่แจ้งว่าไม่มีงานทำ
และขอรับความช่วยเหลือจากรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงมากถึง 36,000 คน อยู่ที่ระดับ 296,000 คน ซึ่งเป็น
ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และเป็นตัวเลขการลดลงรายสัปดาห์ครั้งใหญ่สุดในรอบกว่า 3 ปี
นับตั้งแต่ที่มีการลดลง 73,000 คน ในช่วงต้นเดือน ธ.ค.44 ในขณะที่ตัวเลขเคลื่อนไหวเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของ
สัปดาห์ก่อนที่นักเศรษฐศาสตร์ถือว่ามีความน่าเชื่อถือได้ในการติดตามแนวโน้มความเคลื่อนไหวด้านแรงงาน ลดลงอยู่
ที่ระดับ 330,250 คน จาก 338,750 คน ในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น (9 เม.ย.) ส่วนจำนวนคนอเมริกันที่ว่างงาน
และยังคงลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากรัฐลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง จำนวน 17,000 คน อยู่ที่ระดับ
2.64 ล้านคน ในสัปดาห์สิ้นสุด 9 เม.ย.48 ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่าตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจมี
ความแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อเทียบกับตัวเลขในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
2. ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน มี.ค.48 ลดลงร้อยละ 0.1 จากเดือนก่อน รายงาน
จากลอนดอน เมื่อ 21 เม.ย.48 ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน มี.ค.48 ลดลงร้อยละ 0.1 จากเดือนก่อน จาก
ที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ส่งผลให้ยอดค้าปลีกในเดือน มี.ค.48 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.7 ต่อ
ปี ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค.46 และทำให้ยอดค้าปลีกในไตรมาสแรกปีนี้เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับ
ไตรมาสก่อน โดยเป็นผลจากยอดขายสินค้าประเภทเครื่องใช้ในบ้านที่ขายผ่านร้านค้ารวมทั้งที่ขายทางอินเตอร์เน็ต
และทางไปรษณีย์ลดลง อันเป็นผลจากราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยยอดขายสินค้าผ่านร้านค้าลดลงร้อยละ 0.6 จาก
ยอดขายเฟอร์นิเจอร์ที่ลดลงเนื่องมาจากราคาที่สูงขึ้น ในขณะที่ยอดขายสินค้าทางอินเตอร์เน็ตและไปรษณีย์ลดลงร้อย
ละ 3.9 นับเป็นการลดลงต่อเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.46 นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขยอดค้าปลีกที่ลดลงดัง
กล่าวจะส่งผลให้ ธ.กลางอังกฤษตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 4.75 ต่อปี เป็นเดือนที่ 9 ติดต่อ
กัน แม้ว่าตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเมื่อต้นสัปดาห์นี้จะอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีก็ตาม (รอยเตอร์)
3. จีนลดการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันและโลหะเนื่องจากราคาสูงขึ้น รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 21
เม.ย. 48 รัฐบาลจีนเปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกปี 48 การนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมัน และโลหะลดลงเนื่องจากราคา
ในตลาดโลกสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันทั่วโลกทำสถิติสูงสุดประกอบกับการจำกัดการใช้น้ำมันในประเทศช่วยให้การนำ
เข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันสุทธิในเดือนมี.ค. ลดลงถึง 1 ใน 3 จากช่วงเดียวกันปีที่แล้วอยู่ที่ระดับ 300,000 บาร์เรลล์
อย่างไรก็ตามผู้ค้ากล่าวว่าการที่เศรษฐกิจจีนขยายตัวอย่างแข็งแกร่งจะกระตุ้นให้การนำเข้าเพิ่มขึ้นอีก โดยการนำ
เข้าทองแดงในไตรมาสแรกลดลงถึงร้อยละ 15.4 อยู่ที่ระดับ 328,777 ตัน โดยราคานำเข้าทำสถิติสูงสุดเมื่อ
เดือนที่แล้ว ทั้งนี้ประเทศจีนเป็นผู้บริโภคทองแดงเป็นอันดับที่ 5 ของโลก อย่างไรก็ตามความต้องการสินค้าจากจีนที่
เกี่ยวกับการกลั่นน้ำมัน และการหลอมอลูมิเนียมที่จีนได้รับประโยชน์จากการส่งออกเนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
ในตลาดโลกมีราคาสูงขึ้น สำหรับวัตถุดิบอลูมิเนียมที่จีนนำเข้าในไตรมาสแรกลดลงร้อยละ 44 แต่การส่งออกผลิต
ภัณฑ์อลูมิเนียมกลับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 35 ในขณะที่ผู้ค้านำมันไม่คาดว่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจะยืนนัก (รอยเตอร์)
4. ภาคบริการของญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่แข็งแกร่งในช่วงไตรมาสแรกของปี 48 แม้ว่าจะชะลอตัวในเดือน
ก.พ.48 รายงานจากโตเกียวเมื่อ 22 เม.ย.48 The Ministry of Economy, Trade and Industry
เปิดเผยว่า ดัชนีชี้วัดภาคบริการของญี่ปุ่น (tertiary sector index) ในเดือน ก.พ.48 ลดลงเป็นครั้งแรกใน
รอบ 7 เดือนร้อยละ 1.0 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 ในเดือน ม.ค.48 แต่ยังคงต่ำกว่าการคาดการณ์ของนัก
เศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะลดลงร้อยละ 1.4 อย่างไรก็ตาม บรรดานักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นว่า หากพิจารณา
จากอัตราเฉลี่ย 2 เดือน (ม.ค.และ ก.พ.) ดัชนีฯ ยังคงสูงกว่าช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่า
ภาคบริการญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่อาจแข็งแกร่งในช่วงไตรมาสแรกของปี 48 ซึ่งก่อให้เกิดความคาดหวังว่า ความต้องการ
ภายในประเทศจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจซึ่งประสบภาวะชะลอตัวมาตั้งแต่ปีก่อน ในขณะที่การส่งออกซึ่ง
เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักประสบกับภาวะชะลอตัวเช่นกัน สำหรับดัชนีชี้วัดภาคเศรษฐกิจโดยรวม (all-
industries index) ซึ่งรวมภาคบริการ ภาคอุตสาหกรรม และส่วนอื่นๆ ของระบบเศรษฐกิจในเดือน ก.พ.
ลดลงร้อยละ 1.1 จากเดือนก่อนหน้า ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะลดลงร้อยละ 1.5 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 22 เม.ย. 48 21 เม.ย. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.463 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.2148/39.5055 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.2500 - 2.3500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 680.60/16.84 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,050/8,150 8,050/8,150 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 47.31 46.32 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.89*/18.19** 22.89*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 12 เม.ย. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--