นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีปัญหาข้อสอบเอนทรานซ์รั่วไหล ที่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนถึงความรับผิดชอบในกรณีดังกล่าวว่า หลายฝ่ายได้ออกมาเรียกร้องว่า เรื่องนี้หากปล่อยให้คลุมเครือต่อไปจะไม่เป็นผลดี ตนคิดว่ารัฐบาลชุดนี้ทำร้ายวงการศึกษามามาก ดังนั้นหากปล่อยให้เรื่องนี้ไม่มีข้อเท็จจริงต่อไป ความคลุมเครือตรงนี้จะย้อนกลับมาทำร้ายวงการศึกษาอีกครั้ง ซึ่งรัฐบาลไม่ควรทำเช่นนั้น
‘ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ออกมาทั้งหมด จะปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายฝ่ายเกิดความสงสัยว่าการเปิดข้อสอบ เป็นไปเพื่อประโยชน์บางอย่างหรือไม่ ประกอบกับการชี้แจงจากคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาตรวจสอบ คนทั่วไปก็เกิดความสงสัยว่า เป็นการตั้งพวกเดียวกันขึ้นมา ซึ่งการอุ้มทำนองนี้ก็เป็นลักษณะที่หลายคนสามารถสงสัยได้ ผมคิดว่าทางที่ดีที่สุดคือตั้งคณะกรรมการใหม่ขึ้นมา จากบุคคลที่เป็นกลางซึ่งได้รับการยอมรับนับถือทางสังคมค่อนข้างสูง มาพิสูจน์เรื่องนี้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรแน่ ผมคิดว่าวิธีนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ต่อข้อถามว่า ท่าทีของรมว.ศึกษาไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้มากเท่าที่ควร นายบัญญัติกล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่หากปล่อยเรื่องนี้ต่อไปตนคิดว่าจะไม่ดีต่อตัวรมว.ศึกษาธิการเอง รวมทั้งความเชื่อมั่นของส่วนรวมที่มีต่อระบบการศึกษา อย่างไรก็ตามคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย เพราะระบบการสอบคัดเลือกเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่ผ่านได้รับความเชื่อถือสูง แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้ความรู้สึกเชื่อมั่นลดน้อยลงไป เด็กก็อาจจะมีสิทธิคิดได้ว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม และที่สำคัญอาจมีการคิดไปว่าในระบบสังคมไทยต่อไปนี้ ใครที่มีเส้นสายหรือพรรคพวก ก็จะมีโอกาสหาความสำเร็จให้ตัวเองได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นแล้วก็จะเท่ากับว่าเป็นการสนับสนุนให้พฤติกรรมของเด็กมีแนวโน้มที่จะแข่งขันแก่งแย่งกันมากขึ้น ระบบคุณธรรมก็จะลดน้อยลง
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่ามีลูกหลานของผู้ใหญ่ในรัฐบาลจะเข้าสอบในปีนี้พอดี นายบัญญัติกล่าวว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน แต่อยากจะบอกให้ฟังว่าเสียงซุบซิบทำนองนี้มีมาก ซึ่งตนก็ได้บอกดังๆให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องให้รายการ ‘ประชาธิปัตย์ออนไลน์’ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาไปแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อมูลเรื่องการศึกษานี้จะเป็นเนื้อหาที่นำไปสู่การอภิปรายหรือไม่ นายบัญญัติกล่าวว่า ข้อมูลทุกเรื่องฝ่ายค้านได้ทำการรวบรวมไว้แล้ว แต่ว่าเรื่องใดที่จะนำไปสู่การอภิปรายหรือไม่นั้น ก็จะต้องนำมาศึกษาอีกรอบ สำหรับการอภิปรายคาดว่าจะมีขึ้นก่อนที่การประชุมสภาฯสมัยสามัญทั่วไปจะสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคมนี้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23/03/47--จบ--
-สส-
‘ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ออกมาทั้งหมด จะปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายฝ่ายเกิดความสงสัยว่าการเปิดข้อสอบ เป็นไปเพื่อประโยชน์บางอย่างหรือไม่ ประกอบกับการชี้แจงจากคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาตรวจสอบ คนทั่วไปก็เกิดความสงสัยว่า เป็นการตั้งพวกเดียวกันขึ้นมา ซึ่งการอุ้มทำนองนี้ก็เป็นลักษณะที่หลายคนสามารถสงสัยได้ ผมคิดว่าทางที่ดีที่สุดคือตั้งคณะกรรมการใหม่ขึ้นมา จากบุคคลที่เป็นกลางซึ่งได้รับการยอมรับนับถือทางสังคมค่อนข้างสูง มาพิสูจน์เรื่องนี้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรแน่ ผมคิดว่าวิธีนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ต่อข้อถามว่า ท่าทีของรมว.ศึกษาไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้มากเท่าที่ควร นายบัญญัติกล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่หากปล่อยเรื่องนี้ต่อไปตนคิดว่าจะไม่ดีต่อตัวรมว.ศึกษาธิการเอง รวมทั้งความเชื่อมั่นของส่วนรวมที่มีต่อระบบการศึกษา อย่างไรก็ตามคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย เพราะระบบการสอบคัดเลือกเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่ผ่านได้รับความเชื่อถือสูง แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้ความรู้สึกเชื่อมั่นลดน้อยลงไป เด็กก็อาจจะมีสิทธิคิดได้ว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม และที่สำคัญอาจมีการคิดไปว่าในระบบสังคมไทยต่อไปนี้ ใครที่มีเส้นสายหรือพรรคพวก ก็จะมีโอกาสหาความสำเร็จให้ตัวเองได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นแล้วก็จะเท่ากับว่าเป็นการสนับสนุนให้พฤติกรรมของเด็กมีแนวโน้มที่จะแข่งขันแก่งแย่งกันมากขึ้น ระบบคุณธรรมก็จะลดน้อยลง
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่ามีลูกหลานของผู้ใหญ่ในรัฐบาลจะเข้าสอบในปีนี้พอดี นายบัญญัติกล่าวว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน แต่อยากจะบอกให้ฟังว่าเสียงซุบซิบทำนองนี้มีมาก ซึ่งตนก็ได้บอกดังๆให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องให้รายการ ‘ประชาธิปัตย์ออนไลน์’ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาไปแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อมูลเรื่องการศึกษานี้จะเป็นเนื้อหาที่นำไปสู่การอภิปรายหรือไม่ นายบัญญัติกล่าวว่า ข้อมูลทุกเรื่องฝ่ายค้านได้ทำการรวบรวมไว้แล้ว แต่ว่าเรื่องใดที่จะนำไปสู่การอภิปรายหรือไม่นั้น ก็จะต้องนำมาศึกษาอีกรอบ สำหรับการอภิปรายคาดว่าจะมีขึ้นก่อนที่การประชุมสภาฯสมัยสามัญทั่วไปจะสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคมนี้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23/03/47--จบ--
-สส-