‘ประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตวิปฝ่ายค้าน’ .เปิดข้อมูลความไม่โปร่งใสการทุจริตโครงการบัตรสมาร์ทการ์ด ตั้งข้อสังเกต รีบร้อน ลุกลี้ลุกลน เร่งออกบัตร ทั้งที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับ พร้อมแนะรบ.สิทธิเสรีภาพของประชาชนต้องมาก่อน
นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตของคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนอิเลคทรอนิค หรือบัตรสมาร์ทการด์ ที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าข้อมูลที่อยู่ในบัตรจะมีเพียงลายนิ้วมือและข้อมูลบัตรประชาชนเพียง 13 หลักว่า เป็นคำพูดที่ขัดกับที่กระทรวงไอทีซีชี้แจงมาโดยตลอดคือ จะมีการบรรจุข้อมูลลงไปในบัตรเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องเพิ่มความจุของตัวบัตรเป็น 32K จากเดิมที่กำหนดไว้เพียง 16K ซึ่งจะเป็นการประหยัดงบประมาณการจัดทำไปอีกหลายพันล้านบาท ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าสิ่งที่นายกฯกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ
สำหรับประเด็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล นายอลงกรณ์ระบุว่า เป็นเรื่องที่มีความสำคัญฯที่นายกฯควรจะตระหนักอย่างมาก เพราะในฐานะของผู้นำรัฐบาลจะต้องยึดหลักในการคุ้มครองสิทธิของประชาชน มากกว่าธุรกิจหรือผลประโยชน์จากโครงการดังกล่าว ทั้งนี้รัฐบาลควรต้องเร่งเสนอกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายป้องกันอาชญากรรมบัตรอิเลคทรอนิค เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ก่อนที่จะมีการนำข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนไปใส่ไว้ในสมาร์ทการ์ด
‘เป็นเรื่องแปลกมากที่รัฐบาลไทยจะดำเนินโครงการสมาร์ทการ์ด โดยยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลในด้านข้อมูลของประชาชน จนเกิดความสงสัยว่าทำไมทั้งนายกฯและรมต.ที่เกี่ยวข้องจึงลุกลี้ลุกลนในการเร่งรัดโครงการและทุรนทุรายเมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์โครงการ ซึ่งรัฐบาลควรรับฟังข้อท้วงติงก่อนที่จะดำเนินโครงการนี้ ส่วนการที่นายกฯกล่าวหาคนที่ออกมาวิจารณ์ว่าไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เทคโนโลยี คงต้องย้อนถามกลับไปว่าใครกันแน่ที่ไม่รู้เรื่อง หรือว่าใครกันแน่ที่ไม่พูดความจริง และใครกันแน่ที่ไม่โปร่งใสเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างโครงการสมาร์ทการ์ด 7,910 ล้านบาท’ ประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตฯกล่าว
ทั้งนี้นายอลงกรณ์ ยังได้เสนอแนะว่า รัฐบาลควรจะยืดระยะเวลาโครงการจัดทำบัตรสมาร์ทการ์ดออกไปก่อน พร้อมกับเร่งออกกฎหมายที่จำเป็น รวมถึงการสร้างระบบให้เกิดการใช้ประโยชน์ของบัตรให้ได้มากที่สุดก่อน อย่างไรก็ตามในวันอังคารที่ 30 มี.ค.ที่จะถึงนี้ คณะทำงานตรวจสอบการทุจริตจะเปิดสอบสวนโครงการสมาร์ทการ์ดอย่างเป็นทางการ โดยจะเชิญนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศ และนายโภคิน พลกุล รมว.มหาดไทย รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาชี้แจงต่อคณะทำงานที่ห้องกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน สภาผู้แทนราษฎร
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28/03/47--จบ--
-สส-
นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตของคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนอิเลคทรอนิค หรือบัตรสมาร์ทการด์ ที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าข้อมูลที่อยู่ในบัตรจะมีเพียงลายนิ้วมือและข้อมูลบัตรประชาชนเพียง 13 หลักว่า เป็นคำพูดที่ขัดกับที่กระทรวงไอทีซีชี้แจงมาโดยตลอดคือ จะมีการบรรจุข้อมูลลงไปในบัตรเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องเพิ่มความจุของตัวบัตรเป็น 32K จากเดิมที่กำหนดไว้เพียง 16K ซึ่งจะเป็นการประหยัดงบประมาณการจัดทำไปอีกหลายพันล้านบาท ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าสิ่งที่นายกฯกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ
สำหรับประเด็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล นายอลงกรณ์ระบุว่า เป็นเรื่องที่มีความสำคัญฯที่นายกฯควรจะตระหนักอย่างมาก เพราะในฐานะของผู้นำรัฐบาลจะต้องยึดหลักในการคุ้มครองสิทธิของประชาชน มากกว่าธุรกิจหรือผลประโยชน์จากโครงการดังกล่าว ทั้งนี้รัฐบาลควรต้องเร่งเสนอกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายป้องกันอาชญากรรมบัตรอิเลคทรอนิค เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ก่อนที่จะมีการนำข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนไปใส่ไว้ในสมาร์ทการ์ด
‘เป็นเรื่องแปลกมากที่รัฐบาลไทยจะดำเนินโครงการสมาร์ทการ์ด โดยยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลในด้านข้อมูลของประชาชน จนเกิดความสงสัยว่าทำไมทั้งนายกฯและรมต.ที่เกี่ยวข้องจึงลุกลี้ลุกลนในการเร่งรัดโครงการและทุรนทุรายเมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์โครงการ ซึ่งรัฐบาลควรรับฟังข้อท้วงติงก่อนที่จะดำเนินโครงการนี้ ส่วนการที่นายกฯกล่าวหาคนที่ออกมาวิจารณ์ว่าไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เทคโนโลยี คงต้องย้อนถามกลับไปว่าใครกันแน่ที่ไม่รู้เรื่อง หรือว่าใครกันแน่ที่ไม่พูดความจริง และใครกันแน่ที่ไม่โปร่งใสเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างโครงการสมาร์ทการ์ด 7,910 ล้านบาท’ ประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตฯกล่าว
ทั้งนี้นายอลงกรณ์ ยังได้เสนอแนะว่า รัฐบาลควรจะยืดระยะเวลาโครงการจัดทำบัตรสมาร์ทการ์ดออกไปก่อน พร้อมกับเร่งออกกฎหมายที่จำเป็น รวมถึงการสร้างระบบให้เกิดการใช้ประโยชน์ของบัตรให้ได้มากที่สุดก่อน อย่างไรก็ตามในวันอังคารที่ 30 มี.ค.ที่จะถึงนี้ คณะทำงานตรวจสอบการทุจริตจะเปิดสอบสวนโครงการสมาร์ทการ์ดอย่างเป็นทางการ โดยจะเชิญนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศ และนายโภคิน พลกุล รมว.มหาดไทย รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาชี้แจงต่อคณะทำงานที่ห้องกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน สภาผู้แทนราษฎร
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28/03/47--จบ--
-สส-