นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยว่า ขณะนี้สภาสูงสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาออกกฎหมาย Trade Relieve Assistance for Developing Economics Act of 2005 หรือ Trade Act of 2005 ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าทั่วไปและสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มให้แก่ประเทศพัฒนาน้อย 15 ประเทศ ที่ส่งสินค้าไปจำหน่ายยังสหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลือ ส่งเสริมและสร้างโอกาสในการแข่งขันให้ประเทศพัฒนาน้อยที่ประสบปัญหาจากการยกเลิกระบบโควตาสิ่งทอตั้งแต่เดือนมกราคม 2548 ซึ่งส่งผลให้รายได้หลักจากการส่งออกสินค้าสิ่งทอและสินค้าอื่นๆของประเทศพัฒนาน้อยหลายประเทศได้รับผลกระทบ ประกอบกับบางประเทศในเขตมหาสมุทรอินเดียได้รับความเสียหายจากธรณีพิบัติและภัยจากคลื่นสึนามิ
ประเทศพัฒนาน้อย 15 ประเทศที่ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าตาม Trade Act of 2005 ได้แก่ อัฟกานิสถาน บังคลาเทศ ภูฎาน กัมพูชา คิรีบาตี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เนปาล ซามัว หมู่เกาะโซโลมอน ติมอร์ตะวันออก ตูวาลู วานูอาตู เยเมน มัลดีฟ และศรีลังกา โดย 2 ประเทศสุดท้ายเป็นประเทศที่ประสบภัยพิบัติจากคลื่นสึนามิ ซึ่งจะได้รับความความช่วยเหลือทางการเงินและความช่วยเหลืออื่นๆ เป็นการเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ หากกฎหมายฉบับนี้ได้รับความเห็นชอบจากสภาสูงสหรัฐฯ ก็จะมีผลบังคับใช้ 10 ปี โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 และสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2557
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้กลุ่มประเทศที่อยู่ภายใต้ the African Growth and Opportunity Act :AGOA (ประกอบด้วย ประเทศทางใต้ของทะเลทรายซาฮาราในทวีปแอฟริกา ได้แก่ บอสวานา เลโซโธ มาดากัสการ์ มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย สวาวิแลนด์ แซมเบีย และซิมบับเว) ที่นำเข้าวัตถุดิบ เช่น ด้ายและเส้นใยจากประเทศพัฒนาน้อย 15 ประเทศดังกล่าวประเทศใดประเทศหนึ่งหรือหลายประเทศและนำมาผลิตสินค้าเครื่องนุ่งห่มส่งไปจำหน่ายในสหรัฐฯ จะได้รับยกเว้นภาษีนำเข้าด้วยเช่นกัน
นายราเชนทร์ พจนสุนทร กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศผู้ผลิตสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่อาจได้รับผลกระทบจากกฎหมายฉบับนี้คือ จีน อินเดีย และปากีสถาน ซึ่งเป็นประเทศที่สหรัฐฯ นำเข้ารายใหญ่เป็นอันดับที่ 1 (มูลค่านำเข้า 14,560 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) อันดับที่ 4 (มูลค่า 3,633 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และอันดับที่ 10 (มูลค่า 2,546 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ตามลำดับ โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 12 (มูลค่า 2,198 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ) สำหรับประเทศพัฒนา น้อย 15 ประเทศที่ได้รับยกเว้นภาษีนำเข้าตามกฎหมายดังกล่าวมีเพียง 3 ประเทศที่มีมูลค่านำเข้าสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไปจำหน่ายในสหรัฐฯ ค่อนข้างสูงคือ บังคลาเทศ มูลค่า 2,065 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ศรีลังกา มูลค่า 1,585 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และกัมพูชา มูลค่า 1,441 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งประเทศเหล่านี้จะกลายเป็นเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยในอนาคตจากการได้รับประโยชน์ครั้งนี้ อย่างไรก็ดี ผู้ส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ จะได้รับประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้ หากย้ายฐานการผลิตไปประเทศที่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีนำเข้าตาม Trade Act of 2005 เช่น ลาว และกัมพูชา เป็นต้น
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-
ประเทศพัฒนาน้อย 15 ประเทศที่ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าตาม Trade Act of 2005 ได้แก่ อัฟกานิสถาน บังคลาเทศ ภูฎาน กัมพูชา คิรีบาตี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เนปาล ซามัว หมู่เกาะโซโลมอน ติมอร์ตะวันออก ตูวาลู วานูอาตู เยเมน มัลดีฟ และศรีลังกา โดย 2 ประเทศสุดท้ายเป็นประเทศที่ประสบภัยพิบัติจากคลื่นสึนามิ ซึ่งจะได้รับความความช่วยเหลือทางการเงินและความช่วยเหลืออื่นๆ เป็นการเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ หากกฎหมายฉบับนี้ได้รับความเห็นชอบจากสภาสูงสหรัฐฯ ก็จะมีผลบังคับใช้ 10 ปี โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 และสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2557
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้กลุ่มประเทศที่อยู่ภายใต้ the African Growth and Opportunity Act :AGOA (ประกอบด้วย ประเทศทางใต้ของทะเลทรายซาฮาราในทวีปแอฟริกา ได้แก่ บอสวานา เลโซโธ มาดากัสการ์ มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย สวาวิแลนด์ แซมเบีย และซิมบับเว) ที่นำเข้าวัตถุดิบ เช่น ด้ายและเส้นใยจากประเทศพัฒนาน้อย 15 ประเทศดังกล่าวประเทศใดประเทศหนึ่งหรือหลายประเทศและนำมาผลิตสินค้าเครื่องนุ่งห่มส่งไปจำหน่ายในสหรัฐฯ จะได้รับยกเว้นภาษีนำเข้าด้วยเช่นกัน
นายราเชนทร์ พจนสุนทร กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศผู้ผลิตสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่อาจได้รับผลกระทบจากกฎหมายฉบับนี้คือ จีน อินเดีย และปากีสถาน ซึ่งเป็นประเทศที่สหรัฐฯ นำเข้ารายใหญ่เป็นอันดับที่ 1 (มูลค่านำเข้า 14,560 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) อันดับที่ 4 (มูลค่า 3,633 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และอันดับที่ 10 (มูลค่า 2,546 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ตามลำดับ โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 12 (มูลค่า 2,198 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ) สำหรับประเทศพัฒนา น้อย 15 ประเทศที่ได้รับยกเว้นภาษีนำเข้าตามกฎหมายดังกล่าวมีเพียง 3 ประเทศที่มีมูลค่านำเข้าสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไปจำหน่ายในสหรัฐฯ ค่อนข้างสูงคือ บังคลาเทศ มูลค่า 2,065 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ศรีลังกา มูลค่า 1,585 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และกัมพูชา มูลค่า 1,441 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งประเทศเหล่านี้จะกลายเป็นเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยในอนาคตจากการได้รับประโยชน์ครั้งนี้ อย่างไรก็ดี ผู้ส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ จะได้รับประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้ หากย้ายฐานการผลิตไปประเทศที่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีนำเข้าตาม Trade Act of 2005 เช่น ลาว และกัมพูชา เป็นต้น
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-