กรุงเทพ--20 ก.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน ว่าผลจากการที่ไทยกับนิวซีแลนด์ได้มีการลงนามในความตกลงหุ้นส่วนใกล้ชิด (Closer Economic Partnership —CEP)
ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2548 ทำให้สามารถนำผลไม้ไทยเข้าไปจำหน่ายยังประเทศนิวซีแลนด์ได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. นายนรชิต สิงหเสนี เอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน ได้รายงานว่า ภายหลังจากที่ได้มี การลงนามความตกลงหุ้นส่วนใกล้ชิด (Closer Economic Partnership —CEP) ระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์แล้ว ทั้งสองฝ่ายยังมีการลดอัตราภาษีสำหรับสินค้าระหว่างกัน มีการอำนวยความสะดวกในการนำเข้าสินค้าต่างๆ
ระหว่างกัน อาทิเช่น ผัก ผลไม้ เนื่องจากนิวซีแลนด์มีกฎระเบียบการนำเข้าผักและผลไม้ที่เข้มงวดมาก เพื่อพิทักษ์อุตสาหกรรมเกษตรของนิวซีแลนด์เอง
2. ฝ่ายไทยได้เสนอให้ฝ่ายนิวซีแลนด์พิจารณาออกข้อกำหนดมาตรฐานสินค้าและกระบวนการตรวจสอบสินค้าของนิวซีแลนด์สำหรับ ผัก และผลไม้สด รวม 5 ประเภท ได้แก่ ลำไย ลิ้นจี่ มังคุด ขิง และทุเรียน นอกเหนือจากสับปะรด และมะม่วง ที่ได้รับอนุญาตก่อนหน้านี้แล้ว
3. ฝ่ายนิวซีแลนด์ได้ออกข้อกำหนดมาตรฐานสินค้าสำหรับ ลำไย และลิ้นจี่เรียบร้อยแล้ว โดยลำไยของไทยชุดแรกมีกำหนดจะส่งไปถึงนิวซีแลนด์ในวันที่ 24 กันยายน 2548 ซึ่งอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายเกษตรจะนำลำไยของไทยไปแสดงให้ชาวนิวซีแลนด์ได้ทดลองรับประทานในงาน Festival of Thailand 2005 ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ จะจัดขึ้นในวันที่ 25 กันยายน 2548 ที่นครโอ๊คแลนด์ และในวันที่ 1 ตุลาคม 2548 ที่เมืองไคร้สเชิร์ช
4. สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รายงานว่า บริษัทผู้นำเข้าของไทยได้นำมะม่วงไทย พันธุ์น้ำดอกไม้ และมะม่วงเขียวเสวยเข้าไปจำหน่ายยังประเทศนิวซีแลนด์เฉลี่ยเดือนละ 10 ตัน โดยผู้จัดจำหน่ายในนิวซีแลนด์ พอใจและเชื่อถือในคุณภาพของมะม่วงไทยมากและเป็นที่นิยมของชาวนิวซีแลนด์ โดยเฉพาะผู้ที่มีเชื้อสายเอเชีย และในอนาคตสถานเอกอัครราชทูตฯ มั่นใจว่าชาวนิวซีแลนด์เมื่อได้ลิ้มรสผลไม้ไทยแล้วคงจะสนใจและตัดสินใจ ซื้อผลไม้ของไทยเพิ่มมากขึ้น
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน ว่าผลจากการที่ไทยกับนิวซีแลนด์ได้มีการลงนามในความตกลงหุ้นส่วนใกล้ชิด (Closer Economic Partnership —CEP)
ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2548 ทำให้สามารถนำผลไม้ไทยเข้าไปจำหน่ายยังประเทศนิวซีแลนด์ได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. นายนรชิต สิงหเสนี เอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน ได้รายงานว่า ภายหลังจากที่ได้มี การลงนามความตกลงหุ้นส่วนใกล้ชิด (Closer Economic Partnership —CEP) ระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์แล้ว ทั้งสองฝ่ายยังมีการลดอัตราภาษีสำหรับสินค้าระหว่างกัน มีการอำนวยความสะดวกในการนำเข้าสินค้าต่างๆ
ระหว่างกัน อาทิเช่น ผัก ผลไม้ เนื่องจากนิวซีแลนด์มีกฎระเบียบการนำเข้าผักและผลไม้ที่เข้มงวดมาก เพื่อพิทักษ์อุตสาหกรรมเกษตรของนิวซีแลนด์เอง
2. ฝ่ายไทยได้เสนอให้ฝ่ายนิวซีแลนด์พิจารณาออกข้อกำหนดมาตรฐานสินค้าและกระบวนการตรวจสอบสินค้าของนิวซีแลนด์สำหรับ ผัก และผลไม้สด รวม 5 ประเภท ได้แก่ ลำไย ลิ้นจี่ มังคุด ขิง และทุเรียน นอกเหนือจากสับปะรด และมะม่วง ที่ได้รับอนุญาตก่อนหน้านี้แล้ว
3. ฝ่ายนิวซีแลนด์ได้ออกข้อกำหนดมาตรฐานสินค้าสำหรับ ลำไย และลิ้นจี่เรียบร้อยแล้ว โดยลำไยของไทยชุดแรกมีกำหนดจะส่งไปถึงนิวซีแลนด์ในวันที่ 24 กันยายน 2548 ซึ่งอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายเกษตรจะนำลำไยของไทยไปแสดงให้ชาวนิวซีแลนด์ได้ทดลองรับประทานในงาน Festival of Thailand 2005 ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ จะจัดขึ้นในวันที่ 25 กันยายน 2548 ที่นครโอ๊คแลนด์ และในวันที่ 1 ตุลาคม 2548 ที่เมืองไคร้สเชิร์ช
4. สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รายงานว่า บริษัทผู้นำเข้าของไทยได้นำมะม่วงไทย พันธุ์น้ำดอกไม้ และมะม่วงเขียวเสวยเข้าไปจำหน่ายยังประเทศนิวซีแลนด์เฉลี่ยเดือนละ 10 ตัน โดยผู้จัดจำหน่ายในนิวซีแลนด์ พอใจและเชื่อถือในคุณภาพของมะม่วงไทยมากและเป็นที่นิยมของชาวนิวซีแลนด์ โดยเฉพาะผู้ที่มีเชื้อสายเอเชีย และในอนาคตสถานเอกอัครราชทูตฯ มั่นใจว่าชาวนิวซีแลนด์เมื่อได้ลิ้มรสผลไม้ไทยแล้วคงจะสนใจและตัดสินใจ ซื้อผลไม้ของไทยเพิ่มมากขึ้น
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-