ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ยังคงเป้าหมายจีดีพีไทยปีนี้ ณ ระดับเดิมที่ร้อยละ 6.3-7.3 แม้สถานการณ์ภาคใต้จะส่ง
ผลกระทบกับการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นในการลงทุน ผู้อำนวยการอาวุโส สายนโยบายการเงิน ธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยในเดือน ก.พ.47 ยังขยายตัวได้ต่อ
เนื่อง โดยเฉพาะในด้านการลงทุนเอกชน ซึ่งดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวถึงร้อยละ 23.2 เมื่อเทียบกับ
ช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยขยายตัวขึ้นมากจากร้อยละ 14.7 ในเดือนก่อน แต่ปัญหาชายแดนภาคใต้ส่งผล
กระทบต่อการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นในการลงทุนของไทย โดยในเดือน ก.พ.47 ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่าง
ประเทศภาคใต้ชะลอลงประมาณร้อยละ 9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งประเทศลด
ลงร้อยละ 10.5 อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่เกิดขึ้นยังไม่ส่งผลให้ ธปท.ต้องปรับลดประมาณการทางเศรษฐกิจ
ของประเทศที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.3-7.3 เนื่องจากพื้นที่ที่มีปัญหาไม่ใช่จังหวัดที่นักท่องเที่ยวนิยมเดิน
ทางเข้าไป นอกจากนี้ ยังเชื่อมั่นว่าทางการจะสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ (กรุงเทพธุรกิจ, เดลินิวส์, ไทยรัฐ)
2. ธปท.เตรียมควบคุมธุรกิจบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น ผู้อำนวยการอาวุโส สายนโยบายสถาบันการเงิน
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในอนาคต ธปท.จะเข้าควบคุมธุรกิจบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น
หากบริษัทเครดิตบูโรเหลือเพียง 1 แห่ง และกลไกของบริษัทเครดิตบูโรมีความพร้อมมากกว่านี้ ทั้งนี้ ยอดบัตร
เครดิต ณ สิ้นปี 46 มีจำนวนทั้งสิ้น 6,735,000 บัตร เป็นบัตรเครดิตของสถาบันการเงิน 4,224,000 บัตร
และเป็นบัตรเครดิตของที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) จำนวน 2,511,000 บัตร และบัตรเครดิตที่มี
รายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท/เดือน จำนวน 2,371,000 บัตร แบ่งเป็นบัตรเครดิตที่ออกโดยนอนแบงก์จำนวน
1,413,000 บัตร ที่เหลือจำนวน 958,000 บัตรเป็นของสถาบันการเงิน นอกจากนี้ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
(เอ็นพีแอล) ของบัตรเครดิตทั้งระบบเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.3 ของสินเชื่อบัตรเครดิต โดยเป็นเอ็นพีแอลบัตร
เครดิตของสถาบันการเงินร้อยละ 3.4 และของนอนแบงก์ร้อยละ 3.2 (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด, ไทยรัฐ)
3.ธปท.เผยหากต้องการให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพต้องรักษาระดับการออมภายใน
ประเทศให้อยู่ระดับสูงและลดการพี่งพาเงินกู้จากต่างประเทศ ดร.บัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนา “วิสัยทัศน์ประเทศไทย ในโลกการค้า-การลงทุนยุคใหม่” ที่จัด
โดยคณะบริหารธุรกิจ และสมาคมศิษย์เก่าคณะบริหารธุรกิจ สถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ ร่วมกับหนังสือพิมพ์
ประชาชาติธุรกิจ ว่า การเปิดเสรีทางการเงินที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจและเอื้อต่อเสถียรภาพ
ของเศรษฐกิจในระยะยาว ต้องดำเนินการใน 3 ประเด็น คือ 1) สร้างความเข้าใจในเรื่องเงินทุนไหลเข้า
ให้ชัดเจน 2) การขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียภาพและมั่นคงต้องรักษาระดับการออมภายในประเทศให้
อยู่ในเกณฑ์สูงและมั่นคง และ 3) นำเงินออมไปลงทุนที่ก่อให้เกิดประโยชน์โดยผ่านระบบสถาบันการเงินที่มี
ประสิทธิภาพ โดยให้มีการแข่งขันในระบบสถาบันการเงินเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของเงินทุนไหลเข้า
(กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
4. ธปท.ปรับปรุงระเบียบการซื้อ ขาย ฝาก ถอนเงินตราต่างประเทศใหม่ รายงานจากธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ธปท.ได้ปรับปรุงระเบียบการซื้อ ขาย ฝาก ถอนเงินตราต่างประเทศใหม่
เพื่อให้ประชาชนมีความสะดวกขึ้น และลดจำนวนเอกสารที่ไม่จำเป็น โดยได้ยกเลิกประกาศ และหนังสือเวียน
ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งยกเลิกแบบรายงานการซื้อ ขาย ฝาก ถอน เงินตราต่างประเทศเดิม คือ แบบ
ธ.ต.3 ธ.ต. 4 และ ธ.ต.5 ทั้งหมด และให้ใช้แบบการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศแทน ซึ่งจะมีแบบ
เดียวสำหรับธุรกรรมทุกประเภท นอกจากนี้ จะเพิ่มวงเงินการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ จากเดิมที่กำหนด 1
หมื่นดอลลาร์ สรอ.ขึ้นไป เป็น 2 หมื่นดอลลลาร์ สรอ. ส่วนผู้ส่งออกและนำเข้าไม่ต้องแจ้งรายการสินค้าตาม
แบบ ธ.ต.1 และ ธ.ต.2 เพื่อลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล และเปลี่ยนวงเงินที่ผู้ส่งออกและนำเข้าต้องแจ้ง
รายการจากเดิมต้องเกิน 5 แสนบาท เป็น 2 หมื่นดอลลาร์ สรอ. (มติชน, โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. OPEC จะลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงร้อยละ 4 ต่อวันเริ่ม 1 เม.ย. รายงานจากเวียนนา
เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 47 กลุ่มประเทศผู้ผลิตเพื่อการส่งออกน้ำมัน (OPEC) ตกลงที่จะลดปริมาณการผลิตน้ำมัน
ลงจำนวน 1 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือลดลงวันละร้อยละ 4 เริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย. 47 การเข้มงวดปริมาณการ
ผลิตดังกล่าวของกลุ่ม OPEC เพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันไม่ให้ตกต่ำส่งผลให้น้ำมันดิบมีราคาสูงสุดในรอบเกือบ
13 ปีและทั้งๆที่สรอ. ได้กดดันให้กลุ่ม OPEC เพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออกเพื่อรักษาระดับราคาให้
มีเสถียรภาพ และป้องกันภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น แต่ก็ไม่เป็นผล
สำเร็จทางกลุ่ม OPEC ยังคงเดินหน้าตามปฎิบัติตามข้อตกลงของกลุ่มต่อไป สร้างความผิดหวังให้แก่สรอ.เป็น
อย่างยิ่งเนื่องจากการตัดสินใจดังกล่าวของกลุ่ม OPEC ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้บริโภคและเศรษฐกิจสรอ.
แต่ราคาน้ำมันดิบได้ลดลงเล็กน้อยหลังจากช่วง 1 สัปดาห์ที่มีการสต็อกน้ำมันของสรอ. และการคาดการณ์ของผู้
ค้าน้ำมันว่า กลุ่ม OPEC อาจจะชะลอการลดปริมาณการผลิตรวมทั้งการกำหนดราคาน้ำมันออกไปอีก ทั้งนี้
ราคาน้ำมันดิบอ้างอิงของสรอ.ที่นิวยอร์กลดลงอยู่ที่ระดับ 35.76 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลลดลงจากที่สูง
สุดกว่าบาร์เรลละ 38 ดอลลาร์สรอ.เมื่อเร็วๆนี้ (รอยเตอร์)
2. หนี้ต่างประเทศของ สรอ. ณ ธ.ค.46 พุ่งขึ้นถึงระดับ 6.8 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ.
รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 31 มี.ค.47 ก.คลังของ สรอ. เปิดเผยว่า หนี้ต่างประเทศของ สรอ. ณ
สิ้นปี 46 มีจำนวนทั้งสิ้น 6.800 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 4.7% จาก 6.494 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ.
ณ ก.ย.46 โดยแยกเป็นเงินต้น 1.448 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. และดอกเบี้ย 56.03 พันล้านดอลลาร์
สรอ. ซึ่งมีกำหนดจ่ายหลังไตรมาสแรกปี 47 ทั้งนี้ หนี้ต่างประเทศของ สรอ. ณ สิ้นปี 46 เทียบเท่ากับ
60.4% ของจีดีพี ตัวเลขดังกล่าวครอบคลุมถึงหนี้ของธนาคารพาณิชย์และรัฐบาลที่กู้ยืมจากนักลงทุนต่างชาติ
รัฐบาล ธนาคาร และหน่วยงานด้านการเงินของประเทศต่าง ๆ อนึ่ง รายงานดังกล่าวได้เพิ่มความวิตกต่อ
การจัดการด้านการเงินของสหรัฐที่มีปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจากการขาดดุลการค้าต่อประเทศคู่ค้าเป็น
จำนวนมหาศาล ประกอบกับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาค่าเงินดอลลาร์ที่ลดต่ำลงเป็นส่วนหนึ่งที่กระทบต่อการเติบโต
ด้านการค้าและการจัดทำงบประมาณของรัฐบาล (รอยเตอร์)
3. การจ้างงานของ สรอ. จะเพิ่มขึ้นมากในปี 47 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 31 มี.ค.47
Financial Executives Institute และ Duke University เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นจาก
ผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงิน 216 คน พบว่า บริษัทส่วนใหญ่จะมีการใช้จ่ายเงินลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่ง
ผลให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นด้วย นับเป็นสัญญาณที่ดีต่อระบบเศรษฐกิจ โดยภาพรวมจำนวนคนที่มีงานทำจะเพิ่มขึ้น
ประมาณ 5% เพิ่มสูงขึ้นอย่างเด่นชัดจากที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาว่าจะลดลงถึงเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 2%
ทั้งนี้ การจ้างงานของ สรอ. ลดลงอยู่ที่ระดับ 2.4 ล้านอัตรา จากจุดสูงสุดเมื่อเดือน มี.ค.44 ในขณะที่
การจ่ายค่าจ้างเพิ่มขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยปกตินักสำหรับการฟื้นตัวในรอบนี้ นอก
จากนี้ การสำรวจครั้งนี้ยังพบปรากฎการณ์ใหม่คือการจ้างงานนอกประเทศจะเพิ่มขึ้น โดย 27% ของบริษัทที่
สำรวจคาดว่าจะเพิ่มการจ้างงานนอกประเทศ เพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าจ้างแรงงานลง และ 25% ของ
บริษัทที่สำรวจกล่าวว่าบริษัทมีการจ้างงานนอกประเทศอยู่แล้ว ทั้งนี้ แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานนอก
ประเทศได้สร้างความกังวลต่อสัดส่วนการจ้างงานในประเทศในระยะยาว อนึ่ง การจ้างงานนอกประเทศได้
กลายเป็นประเด็นร้อนของการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี สรอ. ในเดือน พ.ย.นี้ด้วย โดยนาย John
Kerry ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตได้เสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับภาษี เพื่อจูงใจบริษัทต่าง ๆ ไม่ให้
ย้ายฐานการผลิตไปนอกประเทศ สรอ. (รอยเตอร์)
4. ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของธุรกิจในญี่ปุ่นในไตรมาสแรกปีนี้ดีขึ้น รายงานจากโตเกียว เมื่อ 1
เม.ย.47 ผลสำรวจความเชื่อมั่นของธุรกิจในญี่ปุ่นรายไตรมาสโดย ธ.กลางญี่ปุ่น ปรากฎว่าในไตรมาสแรกปีนี้
ความเชื่อมั่นของธุรกิจในญี่ปุ่นดีขึ้น โดยธุรกิจการผลิตขนาดใหญ่ดีขึ้นเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกันอยู่ที่ระดับ +12
จากระดับ +7 ในไตรมาสก่อนหน้า และนับเป็นการเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 40 ในขณะที่
ธุรกิจที่ไม่ใช่การผลิตขนาดใหญ่ ธุรกิจการผลิตขนาดเล็กและธุรกิจที่ไม่ใช่การผลิตขนาดเล็กดีขึ้นเป็นไตรมาสที่ 2
ไตรมาสที่ 8 และไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน (รอยเตอร์)
5. ดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้ในเดือน มี.ค.47 เพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ รายงานจากโซล
เมื่อ 1 เม.ย. 47 ดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้ในเดือน มี.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 จากเดือนก่อน
เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 และ 0.4 ในเดือน ม.ค.และ ก.พ.47 ตามลำดับ นับ
เป็นเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.46 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ต่อเดือน อันเป็นผลจากราคาโลหะโดย
เฉพาะเหล็กกล้าในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นทำให้ราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการคำนวณดัชนีเพิ่มขึ้นในประเทศที่ขาดแคลน
ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเกาหลีใต้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งเกาหลีใต้ต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้ง
หมดก็เพิ่มขึ้นมากในช่วงนี้ การประกาศตัวเลขดัชนีผู้บริโภคดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนหน้าการประชุมทบทวนนโยบาย
อัตราดอกเบี้ยประจำเดือนของ ธ.กลางเกาหลีใต้ในวันที่ 8 เม.ย.47 นี้ โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ถูกกำหนดอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ร้อยละ 3.75 จากการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร
และตลาดแรงงานที่ซบเซาทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลงแม้ว่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้นอย่างมากก็ตาม ธ.
กลางเกาหลีใต้คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคทั้งปีนี้จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 1/4/47 31/3/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.416 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.2676/39.5485 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.25 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 647.30/13.20 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,800/7,900 7,750/7,850 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 30.3 31.26 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท.ยังคงเป้าหมายจีดีพีไทยปีนี้ ณ ระดับเดิมที่ร้อยละ 6.3-7.3 แม้สถานการณ์ภาคใต้จะส่ง
ผลกระทบกับการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นในการลงทุน ผู้อำนวยการอาวุโส สายนโยบายการเงิน ธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยในเดือน ก.พ.47 ยังขยายตัวได้ต่อ
เนื่อง โดยเฉพาะในด้านการลงทุนเอกชน ซึ่งดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวถึงร้อยละ 23.2 เมื่อเทียบกับ
ช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยขยายตัวขึ้นมากจากร้อยละ 14.7 ในเดือนก่อน แต่ปัญหาชายแดนภาคใต้ส่งผล
กระทบต่อการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นในการลงทุนของไทย โดยในเดือน ก.พ.47 ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่าง
ประเทศภาคใต้ชะลอลงประมาณร้อยละ 9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งประเทศลด
ลงร้อยละ 10.5 อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่เกิดขึ้นยังไม่ส่งผลให้ ธปท.ต้องปรับลดประมาณการทางเศรษฐกิจ
ของประเทศที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.3-7.3 เนื่องจากพื้นที่ที่มีปัญหาไม่ใช่จังหวัดที่นักท่องเที่ยวนิยมเดิน
ทางเข้าไป นอกจากนี้ ยังเชื่อมั่นว่าทางการจะสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ (กรุงเทพธุรกิจ, เดลินิวส์, ไทยรัฐ)
2. ธปท.เตรียมควบคุมธุรกิจบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น ผู้อำนวยการอาวุโส สายนโยบายสถาบันการเงิน
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในอนาคต ธปท.จะเข้าควบคุมธุรกิจบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น
หากบริษัทเครดิตบูโรเหลือเพียง 1 แห่ง และกลไกของบริษัทเครดิตบูโรมีความพร้อมมากกว่านี้ ทั้งนี้ ยอดบัตร
เครดิต ณ สิ้นปี 46 มีจำนวนทั้งสิ้น 6,735,000 บัตร เป็นบัตรเครดิตของสถาบันการเงิน 4,224,000 บัตร
และเป็นบัตรเครดิตของที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) จำนวน 2,511,000 บัตร และบัตรเครดิตที่มี
รายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท/เดือน จำนวน 2,371,000 บัตร แบ่งเป็นบัตรเครดิตที่ออกโดยนอนแบงก์จำนวน
1,413,000 บัตร ที่เหลือจำนวน 958,000 บัตรเป็นของสถาบันการเงิน นอกจากนี้ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
(เอ็นพีแอล) ของบัตรเครดิตทั้งระบบเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.3 ของสินเชื่อบัตรเครดิต โดยเป็นเอ็นพีแอลบัตร
เครดิตของสถาบันการเงินร้อยละ 3.4 และของนอนแบงก์ร้อยละ 3.2 (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด, ไทยรัฐ)
3.ธปท.เผยหากต้องการให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพต้องรักษาระดับการออมภายใน
ประเทศให้อยู่ระดับสูงและลดการพี่งพาเงินกู้จากต่างประเทศ ดร.บัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนา “วิสัยทัศน์ประเทศไทย ในโลกการค้า-การลงทุนยุคใหม่” ที่จัด
โดยคณะบริหารธุรกิจ และสมาคมศิษย์เก่าคณะบริหารธุรกิจ สถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ ร่วมกับหนังสือพิมพ์
ประชาชาติธุรกิจ ว่า การเปิดเสรีทางการเงินที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจและเอื้อต่อเสถียรภาพ
ของเศรษฐกิจในระยะยาว ต้องดำเนินการใน 3 ประเด็น คือ 1) สร้างความเข้าใจในเรื่องเงินทุนไหลเข้า
ให้ชัดเจน 2) การขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียภาพและมั่นคงต้องรักษาระดับการออมภายในประเทศให้
อยู่ในเกณฑ์สูงและมั่นคง และ 3) นำเงินออมไปลงทุนที่ก่อให้เกิดประโยชน์โดยผ่านระบบสถาบันการเงินที่มี
ประสิทธิภาพ โดยให้มีการแข่งขันในระบบสถาบันการเงินเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของเงินทุนไหลเข้า
(กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
4. ธปท.ปรับปรุงระเบียบการซื้อ ขาย ฝาก ถอนเงินตราต่างประเทศใหม่ รายงานจากธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ธปท.ได้ปรับปรุงระเบียบการซื้อ ขาย ฝาก ถอนเงินตราต่างประเทศใหม่
เพื่อให้ประชาชนมีความสะดวกขึ้น และลดจำนวนเอกสารที่ไม่จำเป็น โดยได้ยกเลิกประกาศ และหนังสือเวียน
ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งยกเลิกแบบรายงานการซื้อ ขาย ฝาก ถอน เงินตราต่างประเทศเดิม คือ แบบ
ธ.ต.3 ธ.ต. 4 และ ธ.ต.5 ทั้งหมด และให้ใช้แบบการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศแทน ซึ่งจะมีแบบ
เดียวสำหรับธุรกรรมทุกประเภท นอกจากนี้ จะเพิ่มวงเงินการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ จากเดิมที่กำหนด 1
หมื่นดอลลาร์ สรอ.ขึ้นไป เป็น 2 หมื่นดอลลลาร์ สรอ. ส่วนผู้ส่งออกและนำเข้าไม่ต้องแจ้งรายการสินค้าตาม
แบบ ธ.ต.1 และ ธ.ต.2 เพื่อลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล และเปลี่ยนวงเงินที่ผู้ส่งออกและนำเข้าต้องแจ้ง
รายการจากเดิมต้องเกิน 5 แสนบาท เป็น 2 หมื่นดอลลาร์ สรอ. (มติชน, โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. OPEC จะลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงร้อยละ 4 ต่อวันเริ่ม 1 เม.ย. รายงานจากเวียนนา
เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 47 กลุ่มประเทศผู้ผลิตเพื่อการส่งออกน้ำมัน (OPEC) ตกลงที่จะลดปริมาณการผลิตน้ำมัน
ลงจำนวน 1 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือลดลงวันละร้อยละ 4 เริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย. 47 การเข้มงวดปริมาณการ
ผลิตดังกล่าวของกลุ่ม OPEC เพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันไม่ให้ตกต่ำส่งผลให้น้ำมันดิบมีราคาสูงสุดในรอบเกือบ
13 ปีและทั้งๆที่สรอ. ได้กดดันให้กลุ่ม OPEC เพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออกเพื่อรักษาระดับราคาให้
มีเสถียรภาพ และป้องกันภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น แต่ก็ไม่เป็นผล
สำเร็จทางกลุ่ม OPEC ยังคงเดินหน้าตามปฎิบัติตามข้อตกลงของกลุ่มต่อไป สร้างความผิดหวังให้แก่สรอ.เป็น
อย่างยิ่งเนื่องจากการตัดสินใจดังกล่าวของกลุ่ม OPEC ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้บริโภคและเศรษฐกิจสรอ.
แต่ราคาน้ำมันดิบได้ลดลงเล็กน้อยหลังจากช่วง 1 สัปดาห์ที่มีการสต็อกน้ำมันของสรอ. และการคาดการณ์ของผู้
ค้าน้ำมันว่า กลุ่ม OPEC อาจจะชะลอการลดปริมาณการผลิตรวมทั้งการกำหนดราคาน้ำมันออกไปอีก ทั้งนี้
ราคาน้ำมันดิบอ้างอิงของสรอ.ที่นิวยอร์กลดลงอยู่ที่ระดับ 35.76 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลลดลงจากที่สูง
สุดกว่าบาร์เรลละ 38 ดอลลาร์สรอ.เมื่อเร็วๆนี้ (รอยเตอร์)
2. หนี้ต่างประเทศของ สรอ. ณ ธ.ค.46 พุ่งขึ้นถึงระดับ 6.8 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ.
รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 31 มี.ค.47 ก.คลังของ สรอ. เปิดเผยว่า หนี้ต่างประเทศของ สรอ. ณ
สิ้นปี 46 มีจำนวนทั้งสิ้น 6.800 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 4.7% จาก 6.494 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ.
ณ ก.ย.46 โดยแยกเป็นเงินต้น 1.448 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. และดอกเบี้ย 56.03 พันล้านดอลลาร์
สรอ. ซึ่งมีกำหนดจ่ายหลังไตรมาสแรกปี 47 ทั้งนี้ หนี้ต่างประเทศของ สรอ. ณ สิ้นปี 46 เทียบเท่ากับ
60.4% ของจีดีพี ตัวเลขดังกล่าวครอบคลุมถึงหนี้ของธนาคารพาณิชย์และรัฐบาลที่กู้ยืมจากนักลงทุนต่างชาติ
รัฐบาล ธนาคาร และหน่วยงานด้านการเงินของประเทศต่าง ๆ อนึ่ง รายงานดังกล่าวได้เพิ่มความวิตกต่อ
การจัดการด้านการเงินของสหรัฐที่มีปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจากการขาดดุลการค้าต่อประเทศคู่ค้าเป็น
จำนวนมหาศาล ประกอบกับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาค่าเงินดอลลาร์ที่ลดต่ำลงเป็นส่วนหนึ่งที่กระทบต่อการเติบโต
ด้านการค้าและการจัดทำงบประมาณของรัฐบาล (รอยเตอร์)
3. การจ้างงานของ สรอ. จะเพิ่มขึ้นมากในปี 47 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 31 มี.ค.47
Financial Executives Institute และ Duke University เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นจาก
ผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงิน 216 คน พบว่า บริษัทส่วนใหญ่จะมีการใช้จ่ายเงินลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่ง
ผลให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นด้วย นับเป็นสัญญาณที่ดีต่อระบบเศรษฐกิจ โดยภาพรวมจำนวนคนที่มีงานทำจะเพิ่มขึ้น
ประมาณ 5% เพิ่มสูงขึ้นอย่างเด่นชัดจากที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาว่าจะลดลงถึงเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 2%
ทั้งนี้ การจ้างงานของ สรอ. ลดลงอยู่ที่ระดับ 2.4 ล้านอัตรา จากจุดสูงสุดเมื่อเดือน มี.ค.44 ในขณะที่
การจ่ายค่าจ้างเพิ่มขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยปกตินักสำหรับการฟื้นตัวในรอบนี้ นอก
จากนี้ การสำรวจครั้งนี้ยังพบปรากฎการณ์ใหม่คือการจ้างงานนอกประเทศจะเพิ่มขึ้น โดย 27% ของบริษัทที่
สำรวจคาดว่าจะเพิ่มการจ้างงานนอกประเทศ เพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าจ้างแรงงานลง และ 25% ของ
บริษัทที่สำรวจกล่าวว่าบริษัทมีการจ้างงานนอกประเทศอยู่แล้ว ทั้งนี้ แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานนอก
ประเทศได้สร้างความกังวลต่อสัดส่วนการจ้างงานในประเทศในระยะยาว อนึ่ง การจ้างงานนอกประเทศได้
กลายเป็นประเด็นร้อนของการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี สรอ. ในเดือน พ.ย.นี้ด้วย โดยนาย John
Kerry ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตได้เสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับภาษี เพื่อจูงใจบริษัทต่าง ๆ ไม่ให้
ย้ายฐานการผลิตไปนอกประเทศ สรอ. (รอยเตอร์)
4. ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของธุรกิจในญี่ปุ่นในไตรมาสแรกปีนี้ดีขึ้น รายงานจากโตเกียว เมื่อ 1
เม.ย.47 ผลสำรวจความเชื่อมั่นของธุรกิจในญี่ปุ่นรายไตรมาสโดย ธ.กลางญี่ปุ่น ปรากฎว่าในไตรมาสแรกปีนี้
ความเชื่อมั่นของธุรกิจในญี่ปุ่นดีขึ้น โดยธุรกิจการผลิตขนาดใหญ่ดีขึ้นเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกันอยู่ที่ระดับ +12
จากระดับ +7 ในไตรมาสก่อนหน้า และนับเป็นการเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 40 ในขณะที่
ธุรกิจที่ไม่ใช่การผลิตขนาดใหญ่ ธุรกิจการผลิตขนาดเล็กและธุรกิจที่ไม่ใช่การผลิตขนาดเล็กดีขึ้นเป็นไตรมาสที่ 2
ไตรมาสที่ 8 และไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน (รอยเตอร์)
5. ดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้ในเดือน มี.ค.47 เพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ รายงานจากโซล
เมื่อ 1 เม.ย. 47 ดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้ในเดือน มี.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 จากเดือนก่อน
เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 และ 0.4 ในเดือน ม.ค.และ ก.พ.47 ตามลำดับ นับ
เป็นเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.46 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ต่อเดือน อันเป็นผลจากราคาโลหะโดย
เฉพาะเหล็กกล้าในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นทำให้ราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการคำนวณดัชนีเพิ่มขึ้นในประเทศที่ขาดแคลน
ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเกาหลีใต้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งเกาหลีใต้ต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้ง
หมดก็เพิ่มขึ้นมากในช่วงนี้ การประกาศตัวเลขดัชนีผู้บริโภคดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนหน้าการประชุมทบทวนนโยบาย
อัตราดอกเบี้ยประจำเดือนของ ธ.กลางเกาหลีใต้ในวันที่ 8 เม.ย.47 นี้ โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ถูกกำหนดอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ร้อยละ 3.75 จากการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร
และตลาดแรงงานที่ซบเซาทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลงแม้ว่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้นอย่างมากก็ตาม ธ.
กลางเกาหลีใต้คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคทั้งปีนี้จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 1/4/47 31/3/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.416 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.2676/39.5485 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.25 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 647.30/13.20 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,800/7,900 7,750/7,850 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 30.3 31.26 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-