คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2547 เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง ในเรื่องกรอบหลักเกณฑ์การกระจายหุ้นรัฐวิสาหกิจให้ประชาชนทั่วไป หลักเกณฑ์การจัดสรรหุ้นให้พนักงานรัฐวิสาหกิจที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมทั้งกำหนดหลักการดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน ผู้บริโภค และพนักงานรัฐวิสาหกิจ เพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการดำเนินการ ดังนี้
1. หลักเกณฑ์การกระจายหุ้นรัฐวิสาหกิจให้กับประชาชนทั่วไป
เพื่อให้การกระจายหุ้นรัฐวิสาหกิจที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความโปร่งใส เป็นธรรม และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของรัฐวิสาหกิจอย่างแท้จริง จึงเห็นชอบการกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเสนอขายหุ้นครั้งแรก (Initial Public Offering: IPO) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนี้
(1) ในการกระจายหุ้นจะให้ความสำคัญกับผู้ลงทุนในประเทศทั้งประชาชนทั่วไป และนักลงทุนสถาบัน
(2) ไม่มีการจัดสรรหุ้นให้ผู้มีอุปการคุณ
(3) ลูกค้าของสถาบันการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ ให้จองหุ้นผ่านกระบวนการสุ่มเลือก (Random) รวมกับประชาชนทั่วไป
(4) การกระจายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป จะจัดสรรผ่านกระบวนการสุ่มเลือก (Random) โดยวิธีการจัดสรรแบบขั้นบันไดผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ และให้โอกาสกับผู้จองซื้อหุ้นจำนวนน้อยเป็นสำคัญ โดยจะเปิดระยะเวลาจองให้เพียงพอ
(5) รัฐบาลจะถือหุ้นข้างมากไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน เพื่อคงสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจ สำหรับรัฐวิสาหกิจที่ประกอบกิจการด้านไฟฟ้าและน้ำประปา ภาครัฐจะยังคงถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของทุนจดทะเบียน
ในทุกกรณี บุคคลใดไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างประเทศจะถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 5 ของทุนจดทะเบียนไม่ได้ เว้นแต่กรณีที่ผู้ถือหุ้นเป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ กองทุนรวมที่จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีและมีวัตถุประสงค์มุ่งเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ของรัฐบาล หรือนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น
และ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง นักลงทุนต่างประเทศจะถือหุ้นรวมกันเกินกว่าร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียนของบริษัทไม่ได้
2. หลักเกณฑ์การจัดสรรหุ้นให้พนักงานรัฐวิสาหกิจ
เพื่อให้การจัดสรรหุ้นให้พนักงานรัฐวิสาหกิจมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น จึงมีมติให้ทบทวนมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2547 เกี่ยวกับกรอบหลักเกณฑ์การจัดสรรหุ้นให้พนักงานรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินการแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชนและนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและจำหน่ายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเห็นชอบการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรหุ้นให้พนักงานรัฐวิสาหกิจใหม่ เป็นดังนี้
(1) ให้พนักงานได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นจำนวน 8 เท่าของเงินเดือน ณ วันก่อนการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท (ผลประโยชน์ตอบแทนคำนวณจากผลต่างระหว่างราคาที่เสนอขายให้นักลงทุนทั่วไป กับราคาที่พนักงานจ่ายเงินซื้อหุ้น) และเป็นการให้ครั้งเดียวเมื่อมีการนำรัฐวิสาหกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
(2) ในการจัดสรรหุ้น รัฐต้องการสนับสนุนให้พนักงานรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของหุ้น จึงให้กำหนดทางเลือกไว้ 2 ทางเลือก เพื่อเป็นการช่วยลดภาระทางการเงินของพนักงาน โดยทั้ง 2 ทางเลือก พนักงานจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นจำนวนเท่ากัน
ทางเลือกที่ 1 พนักงานจ่ายเงินซื้อหุ้นในราคาตามมูลค่าที่ตราไว้ (PAR) โดยกระทรวงการคลังจะหาแหล่งเงินกู้ซึ่งให้สินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน
ทางเลือกที่ 2 พนักงานไม่ต้องจ่ายเงินซื้อหุ้น โดยรัฐวิสาหกิจจ่ายแทน ในราคาตามมูลค่าที่ตราไว้ (PAR) ซึ่งพนักงานจะได้รับหุ้นในจำนวนที่น้อยกว่าทางเลือกที่ 1
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งเป็นผู้พิจารณาจัดสรรหุ้นให้พนักงาน ตามหลักเกณฑ์ในข้อ (1) และ (2) โดยให้กำหนดระยะเวลาขั้นต่ำที่พนักงานต้องถือครองหุ้นไว้ด้วย
(3) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพนักงานรัฐวิสาหกิจนั้นๆ จะได้รับการจัดสรรหุ้นจำนวนหนึ่งในราคาที่เสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไป
3. หลักการดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน ผู้บริโภค และพนักงานรัฐวิสาหกิจ
เห็นชอบการกำหนดหลักการดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชนผู้บริโภค และพนักงานรัฐวิสาหกิจ เพื่อรัฐยึดเป็นกรอบในการดำเนินการแปลงสภาพรัฐวิสาหกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนี้
3.1 หลักการดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
(1) รักษาสาธารณสมบัติและทรัพย์สินของชาติไม่ให้ตกอยู่ในการครอบครองของบุคคล กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยนำมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 มาใช้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีจะอนุมัติให้ทรัพย์สินที่ได้มาโดยใช้อำนาจรัฐไปเป็นของกระทรวงการคลังหรือเป็นของบริษัทก็ได้ตามความจำเป็นแล้วแต่กรณี ส่วนสิทธิในการใช้ที่ราชพัสดุหรือสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่รัฐวิสาหกิจเคยมีอยู่ ให้บริษัทยังคงใช้ต่อไปได้ตามเงื่อนไขเดิม แต่ต้องจ่ายค่าตอบแทนเป็นรายได้แผ่นดินตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
(2) ให้ประชาชนชาวไทยมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของรัฐวิสาหกิจอย่างแท้จริง โดยเน้นจัดสรรหุ้นให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยก่อน และจะไม่มีการจัดสรรในลักษณะที่ให้สิทธิพิเศษแก่บุคคล กลุ่มหนึ่งกลุ่มใด
(3) ป้องกันมิให้บุคคลรายใดรายหนึ่งเข้ามาครอบงำกิจการของรัฐวิสาหกิจ โดยจะดำเนินการให้มีการจำกัดสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ลงทุนแต่ละรายไม่เกินร้อยละ 5 ของทุนจดทะเบียน และในกรณีที่เป็นนักลงทุนต่างประเทศจะถือหุ้นรวมกันได้ไม่เกินร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียน
(4) มีกลไกกำกับดูแลการใช้อำนาจผูกขาดอย่างเป็นระบบ เพื่อไม่ให้รัฐวิสาหกิจที่แปลงสภาพใช้อำนาจผูกขาดโดยไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการรายอื่น
(5) สร้างวินัยทางการเงินให้กับรัฐวิสาหกิจและสร้างความเสมอภาคในการประกอบธุรกิจ โดยรัฐจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจ
3.2 หลักการดูแลผลประโยชน์ของผู้บริโภค
(1) มีกลไกกำกับดูแลการใช้อำนาจผูกขาดอย่างเป็นระบบ เพื่อไม่ให้รัฐวิสาหกิจที่แปลงสภาพใช้อำนาจผูกขาดโดยไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค
(2) คงสถานะความเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ รัฐจะถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจที่แปลงสภาพไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน เพื่อสร้างความมั่นใจว่ารัฐวิสาหกิจจะดำเนินการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไป สำหรับรัฐวิสาหกิจที่ประกอบกิจการด้านไฟฟ้าและน้ำประปารัฐจะยังคงถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของทุนจดทะเบียน ทั้งนี้ ไม่รวมถึงรัฐวิสาหกิจที่รัฐไม่จำเป็นต้องดำเนินการ เนื่องจากมีภาคเอกชนดำเนินการได้ดีอยู่แล้ว
3.3 หลักการดูแลผลประโยชน์ของพนักงาน
(1) สร้างความมั่นคงและรักษาสิทธิประโยชน์ของพนักงาน โดยพนักงานจะได้รับสิทธิประโยชน์ไม่น้อยกว่าเดิม นับอายุงานต่อเนื่อง และไม่ปลดพนักงาน
(2) จัดสรรหุ้นให้พนักงานมีส่วนเป็นเจ้าของ พนักงานจะได้รับการจัดสรรหุ้นในราคาพิเศษ เพื่อตอบแทนความร่วมมือที่พนักงานได้ร่วมกันสร้างองค์กร
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 23/2547 7 เมษายน 2547--
-นท-
1. หลักเกณฑ์การกระจายหุ้นรัฐวิสาหกิจให้กับประชาชนทั่วไป
เพื่อให้การกระจายหุ้นรัฐวิสาหกิจที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความโปร่งใส เป็นธรรม และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของรัฐวิสาหกิจอย่างแท้จริง จึงเห็นชอบการกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเสนอขายหุ้นครั้งแรก (Initial Public Offering: IPO) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนี้
(1) ในการกระจายหุ้นจะให้ความสำคัญกับผู้ลงทุนในประเทศทั้งประชาชนทั่วไป และนักลงทุนสถาบัน
(2) ไม่มีการจัดสรรหุ้นให้ผู้มีอุปการคุณ
(3) ลูกค้าของสถาบันการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ ให้จองหุ้นผ่านกระบวนการสุ่มเลือก (Random) รวมกับประชาชนทั่วไป
(4) การกระจายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป จะจัดสรรผ่านกระบวนการสุ่มเลือก (Random) โดยวิธีการจัดสรรแบบขั้นบันไดผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ และให้โอกาสกับผู้จองซื้อหุ้นจำนวนน้อยเป็นสำคัญ โดยจะเปิดระยะเวลาจองให้เพียงพอ
(5) รัฐบาลจะถือหุ้นข้างมากไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน เพื่อคงสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจ สำหรับรัฐวิสาหกิจที่ประกอบกิจการด้านไฟฟ้าและน้ำประปา ภาครัฐจะยังคงถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของทุนจดทะเบียน
ในทุกกรณี บุคคลใดไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างประเทศจะถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 5 ของทุนจดทะเบียนไม่ได้ เว้นแต่กรณีที่ผู้ถือหุ้นเป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ กองทุนรวมที่จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีและมีวัตถุประสงค์มุ่งเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ของรัฐบาล หรือนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น
และ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง นักลงทุนต่างประเทศจะถือหุ้นรวมกันเกินกว่าร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียนของบริษัทไม่ได้
2. หลักเกณฑ์การจัดสรรหุ้นให้พนักงานรัฐวิสาหกิจ
เพื่อให้การจัดสรรหุ้นให้พนักงานรัฐวิสาหกิจมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น จึงมีมติให้ทบทวนมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2547 เกี่ยวกับกรอบหลักเกณฑ์การจัดสรรหุ้นให้พนักงานรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินการแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชนและนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและจำหน่ายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเห็นชอบการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรหุ้นให้พนักงานรัฐวิสาหกิจใหม่ เป็นดังนี้
(1) ให้พนักงานได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นจำนวน 8 เท่าของเงินเดือน ณ วันก่อนการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท (ผลประโยชน์ตอบแทนคำนวณจากผลต่างระหว่างราคาที่เสนอขายให้นักลงทุนทั่วไป กับราคาที่พนักงานจ่ายเงินซื้อหุ้น) และเป็นการให้ครั้งเดียวเมื่อมีการนำรัฐวิสาหกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
(2) ในการจัดสรรหุ้น รัฐต้องการสนับสนุนให้พนักงานรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของหุ้น จึงให้กำหนดทางเลือกไว้ 2 ทางเลือก เพื่อเป็นการช่วยลดภาระทางการเงินของพนักงาน โดยทั้ง 2 ทางเลือก พนักงานจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นจำนวนเท่ากัน
ทางเลือกที่ 1 พนักงานจ่ายเงินซื้อหุ้นในราคาตามมูลค่าที่ตราไว้ (PAR) โดยกระทรวงการคลังจะหาแหล่งเงินกู้ซึ่งให้สินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน
ทางเลือกที่ 2 พนักงานไม่ต้องจ่ายเงินซื้อหุ้น โดยรัฐวิสาหกิจจ่ายแทน ในราคาตามมูลค่าที่ตราไว้ (PAR) ซึ่งพนักงานจะได้รับหุ้นในจำนวนที่น้อยกว่าทางเลือกที่ 1
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งเป็นผู้พิจารณาจัดสรรหุ้นให้พนักงาน ตามหลักเกณฑ์ในข้อ (1) และ (2) โดยให้กำหนดระยะเวลาขั้นต่ำที่พนักงานต้องถือครองหุ้นไว้ด้วย
(3) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพนักงานรัฐวิสาหกิจนั้นๆ จะได้รับการจัดสรรหุ้นจำนวนหนึ่งในราคาที่เสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไป
3. หลักการดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน ผู้บริโภค และพนักงานรัฐวิสาหกิจ
เห็นชอบการกำหนดหลักการดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชนผู้บริโภค และพนักงานรัฐวิสาหกิจ เพื่อรัฐยึดเป็นกรอบในการดำเนินการแปลงสภาพรัฐวิสาหกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนี้
3.1 หลักการดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
(1) รักษาสาธารณสมบัติและทรัพย์สินของชาติไม่ให้ตกอยู่ในการครอบครองของบุคคล กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยนำมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 มาใช้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีจะอนุมัติให้ทรัพย์สินที่ได้มาโดยใช้อำนาจรัฐไปเป็นของกระทรวงการคลังหรือเป็นของบริษัทก็ได้ตามความจำเป็นแล้วแต่กรณี ส่วนสิทธิในการใช้ที่ราชพัสดุหรือสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่รัฐวิสาหกิจเคยมีอยู่ ให้บริษัทยังคงใช้ต่อไปได้ตามเงื่อนไขเดิม แต่ต้องจ่ายค่าตอบแทนเป็นรายได้แผ่นดินตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
(2) ให้ประชาชนชาวไทยมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของรัฐวิสาหกิจอย่างแท้จริง โดยเน้นจัดสรรหุ้นให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยก่อน และจะไม่มีการจัดสรรในลักษณะที่ให้สิทธิพิเศษแก่บุคคล กลุ่มหนึ่งกลุ่มใด
(3) ป้องกันมิให้บุคคลรายใดรายหนึ่งเข้ามาครอบงำกิจการของรัฐวิสาหกิจ โดยจะดำเนินการให้มีการจำกัดสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ลงทุนแต่ละรายไม่เกินร้อยละ 5 ของทุนจดทะเบียน และในกรณีที่เป็นนักลงทุนต่างประเทศจะถือหุ้นรวมกันได้ไม่เกินร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียน
(4) มีกลไกกำกับดูแลการใช้อำนาจผูกขาดอย่างเป็นระบบ เพื่อไม่ให้รัฐวิสาหกิจที่แปลงสภาพใช้อำนาจผูกขาดโดยไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการรายอื่น
(5) สร้างวินัยทางการเงินให้กับรัฐวิสาหกิจและสร้างความเสมอภาคในการประกอบธุรกิจ โดยรัฐจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจ
3.2 หลักการดูแลผลประโยชน์ของผู้บริโภค
(1) มีกลไกกำกับดูแลการใช้อำนาจผูกขาดอย่างเป็นระบบ เพื่อไม่ให้รัฐวิสาหกิจที่แปลงสภาพใช้อำนาจผูกขาดโดยไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค
(2) คงสถานะความเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ รัฐจะถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจที่แปลงสภาพไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน เพื่อสร้างความมั่นใจว่ารัฐวิสาหกิจจะดำเนินการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไป สำหรับรัฐวิสาหกิจที่ประกอบกิจการด้านไฟฟ้าและน้ำประปารัฐจะยังคงถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของทุนจดทะเบียน ทั้งนี้ ไม่รวมถึงรัฐวิสาหกิจที่รัฐไม่จำเป็นต้องดำเนินการ เนื่องจากมีภาคเอกชนดำเนินการได้ดีอยู่แล้ว
3.3 หลักการดูแลผลประโยชน์ของพนักงาน
(1) สร้างความมั่นคงและรักษาสิทธิประโยชน์ของพนักงาน โดยพนักงานจะได้รับสิทธิประโยชน์ไม่น้อยกว่าเดิม นับอายุงานต่อเนื่อง และไม่ปลดพนักงาน
(2) จัดสรรหุ้นให้พนักงานมีส่วนเป็นเจ้าของ พนักงานจะได้รับการจัดสรรหุ้นในราคาพิเศษ เพื่อตอบแทนความร่วมมือที่พนักงานได้ร่วมกันสร้างองค์กร
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 23/2547 7 เมษายน 2547--
-นท-