วานนี้(7 เม.ย.47)เวลา 19.00น. ที่ห้องวิภาวดีบอลรูมซี โรงแรมเซนทรัลพลาซ่าลาดพร้าว มีการจัดงานครบรอบ 1 ปีหนังสือพิมพ์ไฮไลท์การเมือง ซึ่งภายในงานมีการเสวนาในหัวข้อ ‘ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.47’ โดยมีตัวแทนพรรคการเมืองและผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.เข้าร่วมเสวนา คือ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กทม. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ นายพีระพงษ์ ถนอมพงศ์พันธุ์ ผู้สมัครอิสระ และนายการุนต์ จันทรางศุ จากพรรคไทยรักไทย
ก่อนเริ่มการเสวนา ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กทม. ได้กล่าวถึงคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นผู้ว่าฯกทม. ว่า บุคคลที่จะมารับตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. จะต้องเข้าถึงเนื้อในของคนกรุงเทพ ทั้งต้องสนับสนุนศิลปวัฒนธรรมไทย ส่วนในด้านของปัญหามลภาวะ จะต้องให้คนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา ร่วมรับผลได้ผลเสียมากกว่าคิดเพียงคนเดียว และเมื่อมีปัญหาก็ผลักภาระให้คนกทม. ซึ่งเป็นการคิดอย่างแคบ นอกจากนี้ผู้ว่าฯ จะต้องมองชีวิตริมบาทวิถีของคนกทม.ด้วยความเห็นใจและเข้าใจวิถีชีวิตที่แตกต่าง
‘ไม่อยากเห็นผู้ว่าฯกทม. ยึดการท่องเที่ยวเป็นศูนย์กลางและการกำหนดนโยบาย เพราะจะเป็นการละเลยรากเหง้าของวัฒนธรรมไทย เช่น การจัดงานสงกรานต์โดยมีอุโมงค์ฉีดน้ำ เลียนแบบดิสนีย์แลนด์ของประเทศอเมริกา ผมคิดว่าคนที่จะมาเป็นผู้ว่าฯ จะต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้กรุงเทพฯเล็กลง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องทำให้ประเทศไทยใหญ่ขึ้นด้วย’ ดร.เจิมศักดิ์กล่าว
สำหรับรูปแบบการเสวนา จะให้ผู้สมัครทุกคนได้แสดงวิสัยทัศน์ของผู้ว่าฯกทม. เพื่อนำเสนอต่อผู้เข้าร่วมฟังการเสวนา โดยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงวิสัยทัศน์โดยเน้นไปที่รูปแบบชีวิตความเป็นอยู่ของคนในกรุงเทพ และเขตรอบนอกกรุงเทพ โดยระบุว่า ขณะนี้การพัฒนากรุงเทพจะเป็นการพัฒนาเฉพาะกรุงเทพชั้นใน ส่วนกรุงเทพรอบนอกนั้นยังไม่ได้รับการเอาใจใส่เท่าที่ควร ทำให้คนจากกรุงเทพรอบนอกต้องเข้ามาทำงานในกรุงเทพชั้นใน ทำให้เป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาการจราจร และความแออัดที่เกิดขึ้น ดังนั้นจุดนี้จึงเป็นหลักสำคัญที่จะนำมาสู่นโยบายที่จะเสนอต่อคนกรุงเทพต่อไป ด้านนายการุนต์ จันทรางศุ จากพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงแนวทางของตัวเองโดยเน้นว่า ผู้ที่จะมาเป็นผู้ว่าฯกทม. จะต้องมีความสัมพันธ์และมีแนวทางเดียวกับรัฐบาล เพื่อให้การดำเนินนโยบายต่างๆ เป็นไปด้วยความสะดวก
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8/04/47--จบ--
-สส-
ก่อนเริ่มการเสวนา ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กทม. ได้กล่าวถึงคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นผู้ว่าฯกทม. ว่า บุคคลที่จะมารับตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. จะต้องเข้าถึงเนื้อในของคนกรุงเทพ ทั้งต้องสนับสนุนศิลปวัฒนธรรมไทย ส่วนในด้านของปัญหามลภาวะ จะต้องให้คนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา ร่วมรับผลได้ผลเสียมากกว่าคิดเพียงคนเดียว และเมื่อมีปัญหาก็ผลักภาระให้คนกทม. ซึ่งเป็นการคิดอย่างแคบ นอกจากนี้ผู้ว่าฯ จะต้องมองชีวิตริมบาทวิถีของคนกทม.ด้วยความเห็นใจและเข้าใจวิถีชีวิตที่แตกต่าง
‘ไม่อยากเห็นผู้ว่าฯกทม. ยึดการท่องเที่ยวเป็นศูนย์กลางและการกำหนดนโยบาย เพราะจะเป็นการละเลยรากเหง้าของวัฒนธรรมไทย เช่น การจัดงานสงกรานต์โดยมีอุโมงค์ฉีดน้ำ เลียนแบบดิสนีย์แลนด์ของประเทศอเมริกา ผมคิดว่าคนที่จะมาเป็นผู้ว่าฯ จะต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้กรุงเทพฯเล็กลง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องทำให้ประเทศไทยใหญ่ขึ้นด้วย’ ดร.เจิมศักดิ์กล่าว
สำหรับรูปแบบการเสวนา จะให้ผู้สมัครทุกคนได้แสดงวิสัยทัศน์ของผู้ว่าฯกทม. เพื่อนำเสนอต่อผู้เข้าร่วมฟังการเสวนา โดยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงวิสัยทัศน์โดยเน้นไปที่รูปแบบชีวิตความเป็นอยู่ของคนในกรุงเทพ และเขตรอบนอกกรุงเทพ โดยระบุว่า ขณะนี้การพัฒนากรุงเทพจะเป็นการพัฒนาเฉพาะกรุงเทพชั้นใน ส่วนกรุงเทพรอบนอกนั้นยังไม่ได้รับการเอาใจใส่เท่าที่ควร ทำให้คนจากกรุงเทพรอบนอกต้องเข้ามาทำงานในกรุงเทพชั้นใน ทำให้เป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาการจราจร และความแออัดที่เกิดขึ้น ดังนั้นจุดนี้จึงเป็นหลักสำคัญที่จะนำมาสู่นโยบายที่จะเสนอต่อคนกรุงเทพต่อไป ด้านนายการุนต์ จันทรางศุ จากพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงแนวทางของตัวเองโดยเน้นว่า ผู้ที่จะมาเป็นผู้ว่าฯกทม. จะต้องมีความสัมพันธ์และมีแนวทางเดียวกับรัฐบาล เพื่อให้การดำเนินนโยบายต่างๆ เป็นไปด้วยความสะดวก
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8/04/47--จบ--
-สส-