จากข้อมูลการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังล่าสุด กรมการค้าต่างประเทศคาดการณ์ว่า ปริมาณการ
ส่งออกมันสำปะหลังในปี 2547 จะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2546/47 นี้ ตั้งแต่
เดือนมกราคม ถึง เดือนมีนาคม มีการส่งออกมันเส้นและมันอัดเม็ดแล้วจำนวน 1.485 ล้านตัน มูลค่า
4,149.575 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2546 ร้อยละ 57.18 และร้อยละ 59.44 ตาม
ลำดับ โดยส่งออกในรูปของมันเส้นจำนวน 0.640 ล้านตัน มูลค่า 1,766.795 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ
24.99 และร้อยละ 20.61 จากปี 2546 และส่งออกในรูปมันอัดเม็ด มีปริมาณ 0.845 ล้านตัน มูลค่า
2,382.780 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2546 ร้อยละ 95.24 และร้อยละ 109.45 ตามลำดับ สำหรับการส่ง
ออกแป้งมันสำปะหลัง ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์มีการส่งออกรวม 0.298 ล้านตัน มูลค่า
2,843.985 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2546 ร้อยละ 0.49 และร้อยละ 0.47 ตามลำดับ
โดยมีการส่งออกในรูปของแป้งมันสำปะหลังดิบประมาณ 0.202 ล้านตัน มูลค่า 1,370.937 ล้านบาท และส่ง
ออกในรูปของแป้งมันสำปะหลังแปรรูปประมาณ 0.096 ล้านตัน มูลค่า 1,473.048 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมี
การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอื่นๆ จำนวน 0.031 ล้านตัน มูลค่า 105.373 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ
219.82 จากปี 2546
สำหรับการส่งออกในช่วงเวลาต่อไป กรมการค้าต่างประเทศคาดการณ์ว่า แนวโน้มการส่งออก
ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประเทศคู่ค้ารายใหญ่ อันได้แก่ สหภาพ
ยุโรป และสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งมีความต้องการมันเส้นและมันอัดเม็ดในปริมาณมาก เนื่องจากเกิดปัญหา
ภาวะอากาศแห้งแล้งจึงส่งผลให้ผลผลิตธัญพืชที่ผลิตได้ในกลุ่มประเทศดังกล่าวมีปริมาณลดต่ำลง ไม่เพียงพอกับ
ความต้องการใช้ภายในประเทศ ทำให้ปี 2547 นี้ มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่าง
มาก ประกอบกับผลจากการลงนามใน FTA ระหว่างไทยกับประเทศคู่ค้าต่างๆ เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน
การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยจึงมีต้นทุนลดต่ำลง กระตุ้นให้มีการนำเข้ามากขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็น
ผลสืบเนื่องจากการพัฒนาเพื่อยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังส่งออก เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและ
ความไว้วางใจให้กับผู้นำเข้าต่างประเทศ รวมทั้ง เน้นหนักในด้านการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานของ
สินค้าในการส่งออก ทั้งนี้ เพื่อรักษาตลาดต่างประเทศ พร้อมๆ กับการขยายตลาดไปสู่ประเทศผู้นำเข้ารายใหม่
เช่น อินเดีย ปากีสถาน เป็นต้น
--กรมการค้าต่างประเทศ เมษายน 2547--
-สส-
ส่งออกมันสำปะหลังในปี 2547 จะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2546/47 นี้ ตั้งแต่
เดือนมกราคม ถึง เดือนมีนาคม มีการส่งออกมันเส้นและมันอัดเม็ดแล้วจำนวน 1.485 ล้านตัน มูลค่า
4,149.575 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2546 ร้อยละ 57.18 และร้อยละ 59.44 ตาม
ลำดับ โดยส่งออกในรูปของมันเส้นจำนวน 0.640 ล้านตัน มูลค่า 1,766.795 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ
24.99 และร้อยละ 20.61 จากปี 2546 และส่งออกในรูปมันอัดเม็ด มีปริมาณ 0.845 ล้านตัน มูลค่า
2,382.780 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2546 ร้อยละ 95.24 และร้อยละ 109.45 ตามลำดับ สำหรับการส่ง
ออกแป้งมันสำปะหลัง ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์มีการส่งออกรวม 0.298 ล้านตัน มูลค่า
2,843.985 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2546 ร้อยละ 0.49 และร้อยละ 0.47 ตามลำดับ
โดยมีการส่งออกในรูปของแป้งมันสำปะหลังดิบประมาณ 0.202 ล้านตัน มูลค่า 1,370.937 ล้านบาท และส่ง
ออกในรูปของแป้งมันสำปะหลังแปรรูปประมาณ 0.096 ล้านตัน มูลค่า 1,473.048 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมี
การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอื่นๆ จำนวน 0.031 ล้านตัน มูลค่า 105.373 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ
219.82 จากปี 2546
สำหรับการส่งออกในช่วงเวลาต่อไป กรมการค้าต่างประเทศคาดการณ์ว่า แนวโน้มการส่งออก
ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประเทศคู่ค้ารายใหญ่ อันได้แก่ สหภาพ
ยุโรป และสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งมีความต้องการมันเส้นและมันอัดเม็ดในปริมาณมาก เนื่องจากเกิดปัญหา
ภาวะอากาศแห้งแล้งจึงส่งผลให้ผลผลิตธัญพืชที่ผลิตได้ในกลุ่มประเทศดังกล่าวมีปริมาณลดต่ำลง ไม่เพียงพอกับ
ความต้องการใช้ภายในประเทศ ทำให้ปี 2547 นี้ มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่าง
มาก ประกอบกับผลจากการลงนามใน FTA ระหว่างไทยกับประเทศคู่ค้าต่างๆ เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน
การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยจึงมีต้นทุนลดต่ำลง กระตุ้นให้มีการนำเข้ามากขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็น
ผลสืบเนื่องจากการพัฒนาเพื่อยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังส่งออก เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและ
ความไว้วางใจให้กับผู้นำเข้าต่างประเทศ รวมทั้ง เน้นหนักในด้านการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานของ
สินค้าในการส่งออก ทั้งนี้ เพื่อรักษาตลาดต่างประเทศ พร้อมๆ กับการขยายตลาดไปสู่ประเทศผู้นำเข้ารายใหม่
เช่น อินเดีย ปากีสถาน เป็นต้น
--กรมการค้าต่างประเทศ เมษายน 2547--
-สส-