นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ของภาครัฐประจำเดือนมีนาคม 2547 และในช่วงครึ่งปีงบประมาณ 2547 (ตุลาคม 2546 - มีนาคม 2547) พร้อมทั้งสถานะหนี้สาธารณะล่าสุด ณ สิ้นเดือนมกราคม 2547 ดังนี้
1. การปรับโครงสร้างหนี้ของภาครัฐ
ในเดือนมีนาคม 2547 :-
ด้านต่างประเทศ
1.1 รัฐบาล
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศในวงเงินรวม 7,537 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 85 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 76 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1) การชำระคืนเงินกู้กองทุนเพื่อพัฒนาการเกษตรระหว่างประเทศ (International Fund For Agriculture Development : IFAD) ก่อนครบกำหนด 2.17 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 85 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 85 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 6 ล้านบาท
2) การ Roll Over เงินกู้ ECP (Euro Commercial Paper) ซึ่งใช้เป็น Bridge Financing ในการ Refinance เงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) 190 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,452 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 70 ล้านบาท
1.2 รัฐวิสาหกิจ
รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศในวงเงินรวม 14,081 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 32 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้รวม 1,585 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1) การชำระคืนเงินกู้ก่อนครบกำหนดสำหรับเงินกู้ ECP ซึ่งได้ใช้เป็น Bridge Financing ในการทำ Refinance เงินกู้ธนาคารโลกของการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 0.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 32 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 32 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 6 ล้านบาท และในโอกาสเดียวกันได้ Roll Over เงินกู้ ECP ส่วนที่เหลือ จำนวน 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 71 ล้านบาท ออกไปอีก 6 เดือน ซึ่งทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 1.5 ล้านบาท
2) การ Refinance เงินกู้ต่างประเทศด้วยเงินบาท วงเงินรวม 13,978 ล้านบาท โดยเป็นเงินกู้ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย 5,600 ล้านบาท บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) 1,378 ล้านบาท การไฟฟ้านครหลวง 2,800 ล้านบาท และการประปานครหลวง 4,200 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้รวม 1,577 ล้านบาท
ด้านในประเทศ
รัฐวิสาหกิจ ได้แก่ การเคหะแห่งชาติและการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ Roll Over พันธบัตรเป็นจำนวนรวม 2,500 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีงบประมาณ 2547 :-
ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศก่อนครบกำหนดในวงเงิน รวม 3,808 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 3,808 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 1,022 ล้านบาท และ Roll Over เงินกู้ ECP 190 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,452 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 70 ล้านบาท
สำหรับรัฐวิสาหกิจ ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศเป็นวงเงินรวม 49,927 ล้านบาท โดย 1) การชำระคืนก่อนกำหนด 15,270 ล้านบาท 2) การ Refinance 24,253 ล้านบาท ซึ่งเป็นการ Refinance เงินกู้ต่างประเทศด้วยเงินบาท 21,378 ล้านบาท และ 3) Roll Over จำนวนรวม 10,404 ล้านบาท ผลจากการดำเนินการดังกล่าว ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 15,270 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 6,858 ล้านบาท
ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ Roll Over พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) วงเงิน 50,000 ล้านบาท ด้วยการออกพันธบัตรระยะยาว 30,000 ล้านบาท และตั๋วปรับโครงสร้างหนี้ 20,000 ล้านบาท และชำระคืนพันธบัตรกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน (FIDF2) ที่ครบกำหนด 22,000 ล้านบาท รวมทั้งการลดยอดหนี้คงค้างอันเกิดจากการตั้งบัญชีเงินทดรองจ่ายอีก 319 ล้านบาท นอกจากนั้น กระทรวงการคลังได้ไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ก่อนครบกำหนดในวงเงิน 25,075 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 25,075 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ย 6,305 ล้านบาท ส่วนรัฐวิสาหกิจได้ทำการกู้เงินในประเทศเพื่อการ Roll Over หนี้เดิมรวม 8,000 ล้านบาท และเพื่อการ Refinance หนี้ต่างประเทศรวม 20,000 ล้านบาท
2. การกู้เงินของภาครัฐ
ในเดือนมีนาคม 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณงวดแรก จำนวน 30,000 ล้านบาท โดยได้รับเงินในเดือนนี้ 8,000 ล้านบาท และได้รับเงินที่ได้จากการออกพันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF3) วงเงิน 30,000 ล้านบาท เมื่อเดือนมกราคม 2547 ในเดือนนี้ 6,000 ล้านบาท
ในช่วงครึ่งปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 51,000 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 21,000 ล้านบาท และการออกพันธบัตร FIDF3 30,000 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 1,940 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ของรัฐบาล
ในเดือนมีนาคม 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 15,243 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 1,667 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 13,576 ล้านบาท
ในช่วงครึ่งปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้จากงบประมาณรวมทั้งสิ้น 52,567 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 11,566 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 41,001 ล้านบาท
สถานะหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2547
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 มกราคม 2547 มีจำนวน 2,897,041 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.73 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,651,382 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 844,262 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 401,397 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะลดลง 5,341 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 19,899 ล้านบาท และหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินลดลง 8,953 ล้านบาท ส่วนหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 16,287 ล้านบาท
หนี้สาธารณะจำแนกเป็นหนี้ในประเทศ 2,200,883 ล้านบาท หรือร้อยละ 75.97 และหนี้ต่างประเทศ 696,158 ล้านบาท หรือร้อยละ 24.03 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,340,790 ล้านบาท หรือร้อยละ 80.80 และหนี้ระยะสั้น 556,251 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.20 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 29/2547 20 เมษายน 2547--
-นท-
1. การปรับโครงสร้างหนี้ของภาครัฐ
ในเดือนมีนาคม 2547 :-
ด้านต่างประเทศ
1.1 รัฐบาล
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศในวงเงินรวม 7,537 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 85 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 76 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1) การชำระคืนเงินกู้กองทุนเพื่อพัฒนาการเกษตรระหว่างประเทศ (International Fund For Agriculture Development : IFAD) ก่อนครบกำหนด 2.17 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 85 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 85 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 6 ล้านบาท
2) การ Roll Over เงินกู้ ECP (Euro Commercial Paper) ซึ่งใช้เป็น Bridge Financing ในการ Refinance เงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) 190 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,452 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 70 ล้านบาท
1.2 รัฐวิสาหกิจ
รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศในวงเงินรวม 14,081 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 32 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้รวม 1,585 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1) การชำระคืนเงินกู้ก่อนครบกำหนดสำหรับเงินกู้ ECP ซึ่งได้ใช้เป็น Bridge Financing ในการทำ Refinance เงินกู้ธนาคารโลกของการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 0.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 32 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 32 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 6 ล้านบาท และในโอกาสเดียวกันได้ Roll Over เงินกู้ ECP ส่วนที่เหลือ จำนวน 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 71 ล้านบาท ออกไปอีก 6 เดือน ซึ่งทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 1.5 ล้านบาท
2) การ Refinance เงินกู้ต่างประเทศด้วยเงินบาท วงเงินรวม 13,978 ล้านบาท โดยเป็นเงินกู้ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย 5,600 ล้านบาท บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) 1,378 ล้านบาท การไฟฟ้านครหลวง 2,800 ล้านบาท และการประปานครหลวง 4,200 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้รวม 1,577 ล้านบาท
ด้านในประเทศ
รัฐวิสาหกิจ ได้แก่ การเคหะแห่งชาติและการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ Roll Over พันธบัตรเป็นจำนวนรวม 2,500 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีงบประมาณ 2547 :-
ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศก่อนครบกำหนดในวงเงิน รวม 3,808 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 3,808 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 1,022 ล้านบาท และ Roll Over เงินกู้ ECP 190 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,452 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 70 ล้านบาท
สำหรับรัฐวิสาหกิจ ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศเป็นวงเงินรวม 49,927 ล้านบาท โดย 1) การชำระคืนก่อนกำหนด 15,270 ล้านบาท 2) การ Refinance 24,253 ล้านบาท ซึ่งเป็นการ Refinance เงินกู้ต่างประเทศด้วยเงินบาท 21,378 ล้านบาท และ 3) Roll Over จำนวนรวม 10,404 ล้านบาท ผลจากการดำเนินการดังกล่าว ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 15,270 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 6,858 ล้านบาท
ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ Roll Over พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) วงเงิน 50,000 ล้านบาท ด้วยการออกพันธบัตรระยะยาว 30,000 ล้านบาท และตั๋วปรับโครงสร้างหนี้ 20,000 ล้านบาท และชำระคืนพันธบัตรกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน (FIDF2) ที่ครบกำหนด 22,000 ล้านบาท รวมทั้งการลดยอดหนี้คงค้างอันเกิดจากการตั้งบัญชีเงินทดรองจ่ายอีก 319 ล้านบาท นอกจากนั้น กระทรวงการคลังได้ไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ก่อนครบกำหนดในวงเงิน 25,075 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 25,075 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ย 6,305 ล้านบาท ส่วนรัฐวิสาหกิจได้ทำการกู้เงินในประเทศเพื่อการ Roll Over หนี้เดิมรวม 8,000 ล้านบาท และเพื่อการ Refinance หนี้ต่างประเทศรวม 20,000 ล้านบาท
2. การกู้เงินของภาครัฐ
ในเดือนมีนาคม 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณงวดแรก จำนวน 30,000 ล้านบาท โดยได้รับเงินในเดือนนี้ 8,000 ล้านบาท และได้รับเงินที่ได้จากการออกพันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF3) วงเงิน 30,000 ล้านบาท เมื่อเดือนมกราคม 2547 ในเดือนนี้ 6,000 ล้านบาท
ในช่วงครึ่งปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 51,000 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 21,000 ล้านบาท และการออกพันธบัตร FIDF3 30,000 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 1,940 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ของรัฐบาล
ในเดือนมีนาคม 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 15,243 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 1,667 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 13,576 ล้านบาท
ในช่วงครึ่งปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้จากงบประมาณรวมทั้งสิ้น 52,567 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 11,566 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 41,001 ล้านบาท
สถานะหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2547
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 มกราคม 2547 มีจำนวน 2,897,041 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.73 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,651,382 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 844,262 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 401,397 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะลดลง 5,341 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 19,899 ล้านบาท และหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินลดลง 8,953 ล้านบาท ส่วนหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 16,287 ล้านบาท
หนี้สาธารณะจำแนกเป็นหนี้ในประเทศ 2,200,883 ล้านบาท หรือร้อยละ 75.97 และหนี้ต่างประเทศ 696,158 ล้านบาท หรือร้อยละ 24.03 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,340,790 ล้านบาท หรือร้อยละ 80.80 และหนี้ระยะสั้น 556,251 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.20 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 29/2547 20 เมษายน 2547--
-นท-