นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันนี้ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มในระยะต่อไป เพื่อกำหนดแนวนโยบายการเงินที่เหมาะสม โดยมีประเด็นที่สำคัญ ดังนี้
1. คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาข้อมูลล่าสุดของภาวะเศรษฐกิจไทย และมีความเห็นว่าเศรษฐกิจไทยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2547 ขยายตัวในเกณฑ์ดี ทั้งจากอุปสงค์ภายในและภายนอกประเทศ แม้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนจะลดลงบ้างจากข่าวเรื่องการระบาดของโรคไข้หวัดนกและสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ แต่ยังไม่มีผลต่อการใช้จ่ายภายในประเทศ ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนและดัชนีการอุปโภคบริโภคยังคงขยายตัว
2. เสถียรภาพด้านต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี โดยดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่อง เงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง
3. เสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ ในเดือนมีนาคมอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 2.3 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.2 ต่อปีในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มเป็นสำคัญ สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนมีนาคม ทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 0.2 ต่อปี
4. คณะกรรมการฯ ประเมินว่า เศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนทั้งด้านการใช้จ่ายในประเทศและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แม้แรงกดดันด้านราคามีแนวโน้มสูงขึ้น แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงอยู่ในเป้าหมาย ถึงกระนั้น คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า ควรติดตาม แนวโน้มเงินเฟ้อในต่างประเทศ ราคาน้ำมัน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างใกล้ชิด เพราะจะมีผลต่อระดับราคาในประเทศในระยะต่อไป
คณะกรรมการฯ จึงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน ไว้ที่ร้อยละ 1.25 ต่อปี
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาข้อมูลล่าสุดของภาวะเศรษฐกิจไทย และมีความเห็นว่าเศรษฐกิจไทยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2547 ขยายตัวในเกณฑ์ดี ทั้งจากอุปสงค์ภายในและภายนอกประเทศ แม้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนจะลดลงบ้างจากข่าวเรื่องการระบาดของโรคไข้หวัดนกและสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ แต่ยังไม่มีผลต่อการใช้จ่ายภายในประเทศ ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนและดัชนีการอุปโภคบริโภคยังคงขยายตัว
2. เสถียรภาพด้านต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี โดยดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่อง เงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง
3. เสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ ในเดือนมีนาคมอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 2.3 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.2 ต่อปีในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มเป็นสำคัญ สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนมีนาคม ทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 0.2 ต่อปี
4. คณะกรรมการฯ ประเมินว่า เศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนทั้งด้านการใช้จ่ายในประเทศและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แม้แรงกดดันด้านราคามีแนวโน้มสูงขึ้น แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงอยู่ในเป้าหมาย ถึงกระนั้น คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า ควรติดตาม แนวโน้มเงินเฟ้อในต่างประเทศ ราคาน้ำมัน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างใกล้ชิด เพราะจะมีผลต่อระดับราคาในประเทศในระยะต่อไป
คณะกรรมการฯ จึงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน ไว้ที่ร้อยละ 1.25 ต่อปี
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-