กรุงเทพ--22 เม.ย.--กระทรวงการต่าง
เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2547 ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าเฝ้ามกุฎราชกุมาร Abdullah Ibn Abdul Aziz Al Saud ของซาอุดีอาระเบียซึ่งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการกองกำลังแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย โดยผลการหารือ สรุปได้ดังนี้
1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งต่อฝ่ายซาอุดีอาระเบียว่า รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจจริงและจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างกัน รัฐบาลไทยปัจจุบันซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องมีความเห็นว่า เหตุการณ์ในอดีตเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและพยายาม แก้ไขไม่ว่าจะเป็นกรณีเพชรสูญหายและกรณีฆาตกรรมนักการทูตและนักธุรกิจซาอุดีอาระเบีย โดยฝ่ายไทยได้มีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติโดยมีนายพงศเทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานและคณะทำงานกลุ่มย่อยโดยมี พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิต เลขาธิการ ปปส. เป็นหัวหน้าคณะ เพื่อสอบสวนคดี ดังกล่าว ซึ่งคณะทำงานนี้ได้มีการหารือ แลกเปลี่ยนข้อมูลและร่วมทำงานกับคณะทำงานของซาอุดีอาระเบีย อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว
2. ทั้งนี้ ดร.สุรเกียรติ์ ฯ ได้นำเอกสารทั้งหมดที่ฝ่ายไทยจัดเตรียมมามอบแก่ฝ่ายซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมกุฏราชกุมารได้แสดงความพอพระทัยเป็นอย่างมาก และได้ทรงแสดงความชื่นชมต่อรัฐบาลไทยที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาในอดีตและได้นำเสนอข้อเท็จจริง นอกจากนั้น ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้กล่าวแสดงความชื่นชมต่อรัฐบาลบาห์เรนที่ได้ช่วยเหลือประสานการติดต่อระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียเป็นอย่างดีมากในครั้งนี้
3. ดร.สุรเกียรติ์ฯ ย้ำว่าการเยือนครั้งนี้ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งแสดงออกถึงเจตนารมณ์ในระดับสูงจากซาอุดีอาระเบียในเรื่องนี้กล่าวคือ ประการแรกซาอุดีอาระเบียได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเยือนในฐานะแขกของรัฐบาลและได้จัดให้เข้าเฝ้ามกุฎราชกุมาร ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญของประเทศโดยมีการหารือร่วมกันกว่า 1 ชั่วโมง ประการที่สอง ฝ่ายซาอุดีอาระเบียแสดงความมั่นใจต่อความจริงใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาในอดีตและแสดงความพอใจในการที่ฝ่ายไทยได้นำข้อมูลการสืบสวนแลกเปลี่ยนกับฝ่ายซาอุดีอาระเบีย ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไทยและซาอุดีอาระเบียร่วมกันทำงานเพื่อให้เกิดความความกระจ่างในประเด็นต่างๆ ที่คั่งค้างอยู่โดยเร็วที่สุด ซึ่งจะส่งผลดีต่อการปรับความสัมพันธ์ระหว่างกันและนำไปสู่การแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับสูงต่อไป
4. ซาอุดีอาระเบียได้แสดงความสนใจเข้าเป็นสมาชิกความร่วมมือเอเชียหรือ ACD ด้วย ปัจจุบันสมาชิกส่วนใหญ่ขององค์กร Guff Cooperation Council หรือ GCC ประกอบด้วยบาห์เรน โอมาน กาตาร์ ก็ได้เข้าเป็นสมาชิก ACD แล้ว และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก็จะเข้าร่วมเป็นสมาชิก ACD ในปีนี้ด้วย หากซาอุดีอาระเบียเข้าร่วมเป็นสมาชิก ACD ก็จะทำให้ภาพการเป็นตัวแทนจากภูมิภาคเอเชียตะวันตกสมบูรณ์ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ฝ่ายไทยก็จะพิจารณาสนับสนุนด้วยดีต่อความสนใจของซาอุดีอาระเบียที่จะมาจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมขึ้นในประเทศไทยต่อไป ดังนั้น จะมีประเด็นหารือและความร่วมมือในด้านต่างๆ อีกมากที่จะหารือกับฝ่ายซาอุดีอาระเบีย อันจะเป็นส่วนช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคีต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-สส-
เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2547 ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าเฝ้ามกุฎราชกุมาร Abdullah Ibn Abdul Aziz Al Saud ของซาอุดีอาระเบียซึ่งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการกองกำลังแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย โดยผลการหารือ สรุปได้ดังนี้
1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งต่อฝ่ายซาอุดีอาระเบียว่า รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจจริงและจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างกัน รัฐบาลไทยปัจจุบันซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องมีความเห็นว่า เหตุการณ์ในอดีตเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและพยายาม แก้ไขไม่ว่าจะเป็นกรณีเพชรสูญหายและกรณีฆาตกรรมนักการทูตและนักธุรกิจซาอุดีอาระเบีย โดยฝ่ายไทยได้มีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติโดยมีนายพงศเทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานและคณะทำงานกลุ่มย่อยโดยมี พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิต เลขาธิการ ปปส. เป็นหัวหน้าคณะ เพื่อสอบสวนคดี ดังกล่าว ซึ่งคณะทำงานนี้ได้มีการหารือ แลกเปลี่ยนข้อมูลและร่วมทำงานกับคณะทำงานของซาอุดีอาระเบีย อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว
2. ทั้งนี้ ดร.สุรเกียรติ์ ฯ ได้นำเอกสารทั้งหมดที่ฝ่ายไทยจัดเตรียมมามอบแก่ฝ่ายซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมกุฏราชกุมารได้แสดงความพอพระทัยเป็นอย่างมาก และได้ทรงแสดงความชื่นชมต่อรัฐบาลไทยที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาในอดีตและได้นำเสนอข้อเท็จจริง นอกจากนั้น ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้กล่าวแสดงความชื่นชมต่อรัฐบาลบาห์เรนที่ได้ช่วยเหลือประสานการติดต่อระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียเป็นอย่างดีมากในครั้งนี้
3. ดร.สุรเกียรติ์ฯ ย้ำว่าการเยือนครั้งนี้ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งแสดงออกถึงเจตนารมณ์ในระดับสูงจากซาอุดีอาระเบียในเรื่องนี้กล่าวคือ ประการแรกซาอุดีอาระเบียได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเยือนในฐานะแขกของรัฐบาลและได้จัดให้เข้าเฝ้ามกุฎราชกุมาร ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญของประเทศโดยมีการหารือร่วมกันกว่า 1 ชั่วโมง ประการที่สอง ฝ่ายซาอุดีอาระเบียแสดงความมั่นใจต่อความจริงใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาในอดีตและแสดงความพอใจในการที่ฝ่ายไทยได้นำข้อมูลการสืบสวนแลกเปลี่ยนกับฝ่ายซาอุดีอาระเบีย ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไทยและซาอุดีอาระเบียร่วมกันทำงานเพื่อให้เกิดความความกระจ่างในประเด็นต่างๆ ที่คั่งค้างอยู่โดยเร็วที่สุด ซึ่งจะส่งผลดีต่อการปรับความสัมพันธ์ระหว่างกันและนำไปสู่การแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับสูงต่อไป
4. ซาอุดีอาระเบียได้แสดงความสนใจเข้าเป็นสมาชิกความร่วมมือเอเชียหรือ ACD ด้วย ปัจจุบันสมาชิกส่วนใหญ่ขององค์กร Guff Cooperation Council หรือ GCC ประกอบด้วยบาห์เรน โอมาน กาตาร์ ก็ได้เข้าเป็นสมาชิก ACD แล้ว และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก็จะเข้าร่วมเป็นสมาชิก ACD ในปีนี้ด้วย หากซาอุดีอาระเบียเข้าร่วมเป็นสมาชิก ACD ก็จะทำให้ภาพการเป็นตัวแทนจากภูมิภาคเอเชียตะวันตกสมบูรณ์ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ฝ่ายไทยก็จะพิจารณาสนับสนุนด้วยดีต่อความสนใจของซาอุดีอาระเบียที่จะมาจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมขึ้นในประเทศไทยต่อไป ดังนั้น จะมีประเด็นหารือและความร่วมมือในด้านต่างๆ อีกมากที่จะหารือกับฝ่ายซาอุดีอาระเบีย อันจะเป็นส่วนช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคีต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-สส-