นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ของภาครัฐประจำเดือนธันวาคม 2547 และในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2548 (ตุลาคม - ธันวาคม 2547) พร้อมทั้งสถานะหนี้สาธารณะล่าสุด ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2547 ดังนี้
1. การปรับโครงสร้างหนี้ของภาครัฐ
1.1 ด้านต่างประเทศ
รัฐวิสาหกิจ
ในเดือนธันวาคม 2547 รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศ ทำให้ลดยอดหนี้คงค้างได้ 3,883 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้รวม 1,209 ล้านบาท ได้แก่ บริษัท ทศท. คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชำระคืนเงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) ก่อนครบกำหนด 98 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 3,883 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 3,883 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 846 ล้านบาท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ Refinance เงินกู้ JBIC ด้วยเงินบาท 45 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 1,760 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 363 ล้านบาท
1.2 ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) ที่ครบกำหนดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2547 34,900 ล้านบาท ซึ่งได้กู้เงินระยะสั้นมาชำระคืน และในเดือนนี้ได้ออกพันธบัตรในวงเงิน 16,500 ล้านบาท เพื่อทดแทนเงินกู้ระยะสั้นดังกล่าว นอกจากนี้ได้กู้เงินระยะสั้นมาไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในเดือนนี้ 15,000 ล้านบาท ก่อนที่จะออกพันธบัตรมาทดแทนต่อไป
สำหรับรัฐวิสาหกิจ การทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้กู้เงินในประเทศเพื่อ Roll Over หนี้เดิม 2,500 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อขยายระยะเวลาชำระหนี้ให้สอดคล้องกับระยะคืนทุน
ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2548 :-
ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้จากธนาคารโลก วงเงินรวม 531 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการชำระคืนก่อนครบกำหนด 131 ล้านเหรียญสหรัฐ และส่วนที่เหลือจำนวน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้ออกตราสาร ECP (Euro Commercial Paper) อายุ 6 เดือน เพื่อใช้เป็น Bridge Financing ในการทำ Refinance เงินกู้ดังกล่าว ทำให้ลดยอดหนี้คงค้างได้ 5,443 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 1,380 ล้านบาท
สำหรับรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศเป็นวงเงินรวม 12,632 ล้านบาท โดย 1) ชำระคืนก่อนครบกำหนด 3,883 ล้านบาท 2) Refinance เงินกู้ต่างประเทศด้วยเงินบาท 8,749 ล้านบาท ผลจากการดำเนินงานดังกล่าวทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 3,883 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 1,960 ล้านบาท
ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตร FIDF1 ที่ครบกำหนดเมื่อเดือนมิถุนายน 2547 บางส่วน ซึ่งในชั้นนั้นได้กู้เงินระยะสั้น 6,253 ล้านบาท โดยในเดือนตุลาคม 2547 ได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ 6,000 ล้านบาท และใช้เงินส่วนเกินจากการประมูลพันธบัตร 253 ล้านบาท เพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นดังกล่าว นอกจากนี้ได้กู้เงินระยะสั้นเพื่อชำระคืนพันธบัตรที่ครบกำหนดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2547 34,900 ล้านบาท โดยได้ทยอยออกพันธบัตรเพื่อมาทดแทนเงินกู้ระยะสั้น ดังกล่าว ซึ่งในเดือนธันวาคม 2547 ได้ออกพันธบัตรแล้ว 16,500 ล้านบาท และกระทรวงการคลังได้กู้เงินระยะสั้นเพื่อไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในเดือนธันวาคม 2547 วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท ก่อนที่จะออกพันธบัตรมาทดแทนต่อไป
รัฐวิสาหกิจได้ทำการกู้เงินในประเทศเพื่อ Roll Over หนี้เดิมรวม 4,500 ล้านบาท
2. การกู้เงินของภาครัฐ
กระทรวงการคลังได้รับเงินงวดสุดท้ายจากการออกพันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF3) วงเงิน 10,000 ล้านบาท เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2547 โดยได้รับเงินในเดือนนี้ 3,000 ล้านบาท
ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพได้กู้เงินในประเทศเพื่อเป็นทุนหมุนเวียน 2,000 ล้านบาท
ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2548 :-
กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตร FIDF3 10,000 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศรวม 43,962 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ของรัฐบาล
ในเดือนธันวาคม 2547 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 6,978ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 5,429 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม 1,549 ล้านบาท
ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2548 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณรวม 32,006 ล้านบาท โดยเป็นการชำระคืนต้น 11,871 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 20,135 ล้านบาท
สถานะหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2547
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2547 มีจำนวน 3,103,832 ล้านบาท หรือร้อยละ 47.58 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,799,269 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 916,529 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 388,034 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหนี้สาธารณะลดลง 6,143 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงลดลง 29,143 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 33,879 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 10,880 ล้านบาท
หนี้สาธารณะจำแนกได้เป็นหนี้ต่างประเทศ 651,172 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 20.98 และหนี้ในประเทศ 2,452,661 ล้านบาท หรือร้อยละ 79.02 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,530,967 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.54 และหนี้ระยะสั้น 572,865 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.46 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 8/2548 17 มกราคม 2548--
1. การปรับโครงสร้างหนี้ของภาครัฐ
1.1 ด้านต่างประเทศ
รัฐวิสาหกิจ
ในเดือนธันวาคม 2547 รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศ ทำให้ลดยอดหนี้คงค้างได้ 3,883 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้รวม 1,209 ล้านบาท ได้แก่ บริษัท ทศท. คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชำระคืนเงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) ก่อนครบกำหนด 98 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 3,883 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 3,883 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 846 ล้านบาท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ Refinance เงินกู้ JBIC ด้วยเงินบาท 45 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 1,760 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 363 ล้านบาท
1.2 ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) ที่ครบกำหนดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2547 34,900 ล้านบาท ซึ่งได้กู้เงินระยะสั้นมาชำระคืน และในเดือนนี้ได้ออกพันธบัตรในวงเงิน 16,500 ล้านบาท เพื่อทดแทนเงินกู้ระยะสั้นดังกล่าว นอกจากนี้ได้กู้เงินระยะสั้นมาไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในเดือนนี้ 15,000 ล้านบาท ก่อนที่จะออกพันธบัตรมาทดแทนต่อไป
สำหรับรัฐวิสาหกิจ การทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้กู้เงินในประเทศเพื่อ Roll Over หนี้เดิม 2,500 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อขยายระยะเวลาชำระหนี้ให้สอดคล้องกับระยะคืนทุน
ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2548 :-
ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้จากธนาคารโลก วงเงินรวม 531 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการชำระคืนก่อนครบกำหนด 131 ล้านเหรียญสหรัฐ และส่วนที่เหลือจำนวน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้ออกตราสาร ECP (Euro Commercial Paper) อายุ 6 เดือน เพื่อใช้เป็น Bridge Financing ในการทำ Refinance เงินกู้ดังกล่าว ทำให้ลดยอดหนี้คงค้างได้ 5,443 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 1,380 ล้านบาท
สำหรับรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศเป็นวงเงินรวม 12,632 ล้านบาท โดย 1) ชำระคืนก่อนครบกำหนด 3,883 ล้านบาท 2) Refinance เงินกู้ต่างประเทศด้วยเงินบาท 8,749 ล้านบาท ผลจากการดำเนินงานดังกล่าวทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 3,883 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 1,960 ล้านบาท
ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตร FIDF1 ที่ครบกำหนดเมื่อเดือนมิถุนายน 2547 บางส่วน ซึ่งในชั้นนั้นได้กู้เงินระยะสั้น 6,253 ล้านบาท โดยในเดือนตุลาคม 2547 ได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ 6,000 ล้านบาท และใช้เงินส่วนเกินจากการประมูลพันธบัตร 253 ล้านบาท เพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นดังกล่าว นอกจากนี้ได้กู้เงินระยะสั้นเพื่อชำระคืนพันธบัตรที่ครบกำหนดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2547 34,900 ล้านบาท โดยได้ทยอยออกพันธบัตรเพื่อมาทดแทนเงินกู้ระยะสั้น ดังกล่าว ซึ่งในเดือนธันวาคม 2547 ได้ออกพันธบัตรแล้ว 16,500 ล้านบาท และกระทรวงการคลังได้กู้เงินระยะสั้นเพื่อไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในเดือนธันวาคม 2547 วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท ก่อนที่จะออกพันธบัตรมาทดแทนต่อไป
รัฐวิสาหกิจได้ทำการกู้เงินในประเทศเพื่อ Roll Over หนี้เดิมรวม 4,500 ล้านบาท
2. การกู้เงินของภาครัฐ
กระทรวงการคลังได้รับเงินงวดสุดท้ายจากการออกพันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF3) วงเงิน 10,000 ล้านบาท เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2547 โดยได้รับเงินในเดือนนี้ 3,000 ล้านบาท
ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพได้กู้เงินในประเทศเพื่อเป็นทุนหมุนเวียน 2,000 ล้านบาท
ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2548 :-
กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตร FIDF3 10,000 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศรวม 43,962 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ของรัฐบาล
ในเดือนธันวาคม 2547 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 6,978ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 5,429 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม 1,549 ล้านบาท
ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2548 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณรวม 32,006 ล้านบาท โดยเป็นการชำระคืนต้น 11,871 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 20,135 ล้านบาท
สถานะหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2547
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2547 มีจำนวน 3,103,832 ล้านบาท หรือร้อยละ 47.58 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,799,269 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 916,529 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 388,034 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหนี้สาธารณะลดลง 6,143 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงลดลง 29,143 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 33,879 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 10,880 ล้านบาท
หนี้สาธารณะจำแนกได้เป็นหนี้ต่างประเทศ 651,172 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 20.98 และหนี้ในประเทศ 2,452,661 ล้านบาท หรือร้อยละ 79.02 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,530,967 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.54 และหนี้ระยะสั้น 572,865 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.46 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 8/2548 17 มกราคม 2548--