วันนี้(26 เม.ย.47)เวลา 11.00น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอรรคพล สรสุชาติ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงรายละเอียดหลังจากการประกาศนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ศูนย์การแสดงสินค้าไบเทค บางนาวานนี้(25 เม.ย.47) โดยนายอรรคพล สรสุชาติ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า การประกาศนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เน้นการลงทุนเพื่อสร้างอนาคต ซึ่งขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เชื่อเรื่องการสร้างหนี้ให้กับประชาชน เพราะเป็นการสร้างอนาคตที่ไม่มั่นคง ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคไทยรักไทยนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะพรรคไทยรักไทยจะเน้นเรื่องการสร้างหนี้ ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์จะเน้นในเรื่องของความยั่งยืน
ส่วนงบประมาณที่จะต้องใช้ในภารกิจเร่งด่วน 4 ข้อ หากพรรคประชาธิปัตย์ได้จัดตั้งรัฐบาลนั้น นายอรรคพลกล่าวว่า จากการประมาณการณ์เบื้องต้น พรรคประชาธิปัตย์จะต้องใช้งบประมาณเพื่อสนองนโยบายดังกล่าวทั้งสิ้น 190,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น เรื่องการจัดการศึกษาฟรี 14 ปี จำนวน 56,000 ล้านบาท การช่วยเหลือนักศึกษาระดับปริญญาตรีโดยรับบาลจะเข้าไปรับภาระค่าหน่วยกิจ 50% จำนวน 11,000 ล้านบาท การเพิ่มนักศึกษาระบบเอนทรานซ์อีก 40% จำนนวน 1,200 ล้านบาท การให้ทุนเรียนดีแต่ขาดโอกาสทางการศึกษาเพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศ จำนวน 1,500 ล้านบาท เรื่องการอุดหนุนรายได้เกษตรกรในช่วงเริ่มต้นจำนวน 53,000 ล้านบาท เงินพิเศษเพื่อการปลูกป่าประมาณ 1.7-1.8 ล้านครัวเรือน จำนวน 10,000 ล้านบาท เงินช่วยเหลือนักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่ให้เข้าฝึกงานในบริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ เป็นระยะเวลา 1 ปี จำนวน 6,000 ล้านบาท การเพิ่มทักษะวิชาชีพแรงงานในเบื้องต้น 1 ล้านคน จำนวน 4,000 ล้านบาท และเบี้ยเลี้ยงยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 1,000 บาทอีกจำนวน 48,000 ล้านบาท
‘ผมคงไม่ต้องการจะไปเถียงกับหน่วยงานของรัฐหรือใครที่ไหน นี่คือตัวเลขประมาณการณ์ที่เราคิดว่าถ้าเราต้องการให้นโยบายปฏิบัติ นี่คือที่เราต้องใช้ และคิดว่าตัวเลขนี้เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่รัฐบาลปัจจุบันใช้อยู่อย่างฟุ่มเฟือยในหลายโครงการที่เป็นโครงการเพื่อการหาเสียงแต่เพียงอย่างเดียว ผมคิดว่าเป็นตัวเลขที่ไม่สูงสำหรับการบริหารจัดการของรัฐ ที่ต้องการลงทุนเพื่ออนาคตที่แท้จริง และผมเชื่อว่าจะสามารถปฏิบัติได้จริง’ นายอรรคพลกล่าว
ด้านนายองอาจกล่าว การประกาศนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ มาจากพื้นฐานการค้นคว้าและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเป็นเวลากว่า 1 ปี อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าการเสนอนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มุ่งเน้นต่อสู้กับพรรคการเมืองใด แต่เป็นการเสนอทางเลือกให้ประชาชนพิจารณา ทั้งนี้ ‘4 ภารกิจเร่งด่วน’ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของนโยบายไม่ใช่ทั้งหมด เพราะหลังจากนี้ไปพรรคประชาธิปัตย์จะนำเสนอนโยบายสู่ประชาชนอีกเป็นระยะ ‘ในนามของพรรคประชาธิปัตย์ เรายืนยันว่าทางเลือกที่เรานำเสนอนี้ ไม่ใช่ทางเลือกที่เริ่มต้นด้วยการไปลอกเลียนแบบหรือเริ่มต้นเพื่อต้องการแข่งขันกับใคร แต่เราเสนอทางเลือกเพื่อจะมีส่วนในการแก้ปัญหาของประเทศ ปัญหาของประชาชน และเป็นทางเลือกที่จะมีส่วนในการพัฒนาประเทศนี้ สังคมนี้อย่างมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป ไม่ใช่เสนอแนวนโยบายเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ถึงแม้จะเป็นภารกิจเร่งด่วนก็ตาม’ นายองอาจกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกฯระบุว่าดีใจที่พรรคประชาธิปัตย์หันกลับมาใช้สมองมาทำงานเพื่อบ้านเมือง ’ Welcome to the club’ นั้น นายอรรคพลกล่าวว่า ก่อนหน้านี้พรรคไทยรักไทยก็ได้เคยพูดทำนองนี้มาหลายครั้ง ซึ่งนายกฯจะพูดต่อไปพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีปัญหาอะไร ‘ขอให้ท่านนายกฯดูรายละเอียดเรื่องข้อมูลข้อเท็จจริงให้มากกว่านี้ ที่ท่านบอกว่ารัฐบาลท่านทำมาหมดแล้ว ผมยืนยันได้ว่าหลายอย่างไม่ได้ทำ แล้วเรื่องการศึกษาถ้าท่านนายกฯบอกว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลมา ผมคิดว่าการศึกษาเป็นสิ่งที่ล้มเหลวที่สุดของรัฐบาลนี้ แล้วตัวนายกฯจะต้องรับผิดชอบในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาด้วย ผมไม่เคยเห็นนายกฯทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา หรือแม้แต่ระบบที่จะทำให้เกิดความโปร่งใส ผมคิดว่าวันนี้นายกฯจะต้องกลับไปรับปรุงตัวเองและในส่วนของนโยบายของงพรรคไทยรักไทยเพื่อมาสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป’ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ด้านนายองอาจกล่าวตอบโต้นายกฯในประเด็นดังกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ใช้สมองมานานแล้ว แต่คิดว่าการใช้สมองของนายกฯหรือพรรคไทยรักไทยกับพรรคประชาธิปัตย์นั้นแตกต่างกัน เพราะสมองของพรรคไทยรักไทยพยายามที่จะเพิ่มหนี้ให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งขอยืนยันว่าพรรรคประชาธิปัตย์จะไม่ใช้สมองไปในแนวทางนั้นแน่นอน ‘ยืนยันว่าเราจะไม่ใช้สมองเหมือนกับที่ท่านนายกฯใช้ เพราะสมองนั้นเป็นสมองที่ไปเพิ่มภาระให้กับประชาชนและเป็นสมองที่พยายามเอื้อประโยชน์ส่วนตตัวและพวกพ้อง รวมทั้งสมองที่ไปปรับวิธีการทุจริตให้เป็นการทุจริตเชิงนโยบาย ซึ่งในลักษณะเช่นนี้เราจะไม่ทำเด็ดขาด ไม่ว่าเราจะมีนโยบายออกมาอีกกี่ข้อก็ตาม เพราะฉะนั้นเราก็คงไม่สามารถไปร่วมคลับเดียวกับนายกฯได้ด้วย เพราะมันสมองเหมือนกันแต่ก็คงต้องอยู่คนละสโมสร’ นายองอาจกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26/04/47--จบ--
-สส-
ส่วนงบประมาณที่จะต้องใช้ในภารกิจเร่งด่วน 4 ข้อ หากพรรคประชาธิปัตย์ได้จัดตั้งรัฐบาลนั้น นายอรรคพลกล่าวว่า จากการประมาณการณ์เบื้องต้น พรรคประชาธิปัตย์จะต้องใช้งบประมาณเพื่อสนองนโยบายดังกล่าวทั้งสิ้น 190,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น เรื่องการจัดการศึกษาฟรี 14 ปี จำนวน 56,000 ล้านบาท การช่วยเหลือนักศึกษาระดับปริญญาตรีโดยรับบาลจะเข้าไปรับภาระค่าหน่วยกิจ 50% จำนวน 11,000 ล้านบาท การเพิ่มนักศึกษาระบบเอนทรานซ์อีก 40% จำนนวน 1,200 ล้านบาท การให้ทุนเรียนดีแต่ขาดโอกาสทางการศึกษาเพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศ จำนวน 1,500 ล้านบาท เรื่องการอุดหนุนรายได้เกษตรกรในช่วงเริ่มต้นจำนวน 53,000 ล้านบาท เงินพิเศษเพื่อการปลูกป่าประมาณ 1.7-1.8 ล้านครัวเรือน จำนวน 10,000 ล้านบาท เงินช่วยเหลือนักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่ให้เข้าฝึกงานในบริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ เป็นระยะเวลา 1 ปี จำนวน 6,000 ล้านบาท การเพิ่มทักษะวิชาชีพแรงงานในเบื้องต้น 1 ล้านคน จำนวน 4,000 ล้านบาท และเบี้ยเลี้ยงยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 1,000 บาทอีกจำนวน 48,000 ล้านบาท
‘ผมคงไม่ต้องการจะไปเถียงกับหน่วยงานของรัฐหรือใครที่ไหน นี่คือตัวเลขประมาณการณ์ที่เราคิดว่าถ้าเราต้องการให้นโยบายปฏิบัติ นี่คือที่เราต้องใช้ และคิดว่าตัวเลขนี้เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่รัฐบาลปัจจุบันใช้อยู่อย่างฟุ่มเฟือยในหลายโครงการที่เป็นโครงการเพื่อการหาเสียงแต่เพียงอย่างเดียว ผมคิดว่าเป็นตัวเลขที่ไม่สูงสำหรับการบริหารจัดการของรัฐ ที่ต้องการลงทุนเพื่ออนาคตที่แท้จริง และผมเชื่อว่าจะสามารถปฏิบัติได้จริง’ นายอรรคพลกล่าว
ด้านนายองอาจกล่าว การประกาศนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ มาจากพื้นฐานการค้นคว้าและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเป็นเวลากว่า 1 ปี อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าการเสนอนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มุ่งเน้นต่อสู้กับพรรคการเมืองใด แต่เป็นการเสนอทางเลือกให้ประชาชนพิจารณา ทั้งนี้ ‘4 ภารกิจเร่งด่วน’ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของนโยบายไม่ใช่ทั้งหมด เพราะหลังจากนี้ไปพรรคประชาธิปัตย์จะนำเสนอนโยบายสู่ประชาชนอีกเป็นระยะ ‘ในนามของพรรคประชาธิปัตย์ เรายืนยันว่าทางเลือกที่เรานำเสนอนี้ ไม่ใช่ทางเลือกที่เริ่มต้นด้วยการไปลอกเลียนแบบหรือเริ่มต้นเพื่อต้องการแข่งขันกับใคร แต่เราเสนอทางเลือกเพื่อจะมีส่วนในการแก้ปัญหาของประเทศ ปัญหาของประชาชน และเป็นทางเลือกที่จะมีส่วนในการพัฒนาประเทศนี้ สังคมนี้อย่างมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป ไม่ใช่เสนอแนวนโยบายเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ถึงแม้จะเป็นภารกิจเร่งด่วนก็ตาม’ นายองอาจกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกฯระบุว่าดีใจที่พรรคประชาธิปัตย์หันกลับมาใช้สมองมาทำงานเพื่อบ้านเมือง ’ Welcome to the club’ นั้น นายอรรคพลกล่าวว่า ก่อนหน้านี้พรรคไทยรักไทยก็ได้เคยพูดทำนองนี้มาหลายครั้ง ซึ่งนายกฯจะพูดต่อไปพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีปัญหาอะไร ‘ขอให้ท่านนายกฯดูรายละเอียดเรื่องข้อมูลข้อเท็จจริงให้มากกว่านี้ ที่ท่านบอกว่ารัฐบาลท่านทำมาหมดแล้ว ผมยืนยันได้ว่าหลายอย่างไม่ได้ทำ แล้วเรื่องการศึกษาถ้าท่านนายกฯบอกว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลมา ผมคิดว่าการศึกษาเป็นสิ่งที่ล้มเหลวที่สุดของรัฐบาลนี้ แล้วตัวนายกฯจะต้องรับผิดชอบในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาด้วย ผมไม่เคยเห็นนายกฯทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา หรือแม้แต่ระบบที่จะทำให้เกิดความโปร่งใส ผมคิดว่าวันนี้นายกฯจะต้องกลับไปรับปรุงตัวเองและในส่วนของนโยบายของงพรรคไทยรักไทยเพื่อมาสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป’ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ด้านนายองอาจกล่าวตอบโต้นายกฯในประเด็นดังกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ใช้สมองมานานแล้ว แต่คิดว่าการใช้สมองของนายกฯหรือพรรคไทยรักไทยกับพรรคประชาธิปัตย์นั้นแตกต่างกัน เพราะสมองของพรรคไทยรักไทยพยายามที่จะเพิ่มหนี้ให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งขอยืนยันว่าพรรรคประชาธิปัตย์จะไม่ใช้สมองไปในแนวทางนั้นแน่นอน ‘ยืนยันว่าเราจะไม่ใช้สมองเหมือนกับที่ท่านนายกฯใช้ เพราะสมองนั้นเป็นสมองที่ไปเพิ่มภาระให้กับประชาชนและเป็นสมองที่พยายามเอื้อประโยชน์ส่วนตตัวและพวกพ้อง รวมทั้งสมองที่ไปปรับวิธีการทุจริตให้เป็นการทุจริตเชิงนโยบาย ซึ่งในลักษณะเช่นนี้เราจะไม่ทำเด็ดขาด ไม่ว่าเราจะมีนโยบายออกมาอีกกี่ข้อก็ตาม เพราะฉะนั้นเราก็คงไม่สามารถไปร่วมคลับเดียวกับนายกฯได้ด้วย เพราะมันสมองเหมือนกันแต่ก็คงต้องอยู่คนละสโมสร’ นายองอาจกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26/04/47--จบ--
-สส-