ภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดือนมีนาคมยังคงขยายตัว โดยภาคเกษตร เกษตรกรส่วนใหญ่เก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้ว ราคาข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการของตลาด มันสำปะหลังราคาใกล้เคียงกับเดือนก่อน ภาคนอกเกษตรปรากฎว่าการใช้จ่ายภาคเอกชนเพิ่มขึ้น เห็นได้จากปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพื่อที่อยู่อาศัย การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มการจดทะเบียน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ล้วนเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการลงทุนภาคเอกชนยังมีทิศทางดี ภาคการก่อสร้างขยายตัวขึ้น แต่การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง โดยเฉพาะน้ำตาลและเยื่อกระดาษ เนื่องจากเป็นช่วงปลายของการเปิดหีบอ้อย ภาคการคลังรัฐบาล การจัดเก็บรายได้ และการเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นร้อยละ 2.6
1. ภาคการเกษตร
เกษตรกรส่วนใหญ่เก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้ว ข้าวเปลือกออกสู่ตลาดลดลง ผลผลิตข้าวเปลือกส่วนใหญ่อยู่ในมือพ่อค้าและโรงสี ราคาขยับตัวสูงขึ้น ราคาขายส่งข้าวเปลือกเจ้า 5% เกวียนละ 9,128 บาท ข้าวเปลือกเหนียว 10% (เมล็ดยาว) เกวียนละ 6,257 บาท สูงขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 26.8 และร้อยละ 10.6 ตามลำดับ
มันสำปะหลัง เกษตรกรเร่งขุดหัวมันออกสู่ตลาดมากขึ้น เนื่องจากมีแรงงานว่างหลังจากเกี่ยวข้าว หัวมันที่ได้ เปอร์เซ็นต์แป้งสูง เนื่องจากไม่มีฝนตก
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความต้องการของตลาดค่อนข้างสูง ในขณะที่ปริมาณข้าวโพดในตลาดมีน้อย ส่งผลให้ราคา ขยับตัวสูงขึ้น
อ้อยโรงงาน ผลผลิตยังทยอยเข้าโรงงานน้ำตาลอย่างต่อเนื่องปริมาณอ้อยไฟไหม้ลดลงจากปีก่อนมากการรณรงค์ของภาครัฐได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ความหวานของอ้อยทำให้ค่า CCS สูงขึ้นประมาณ 12.5
2. การใช้จ่ายภาคเอกชน เดือนนี้เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยพิจารณาจากปริมาณการใช้ไฟฟ้า เพื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 เนื่องจากเดือนนี้สภาพอากาศร้อนอบอ้าว ทำให้การใช้เครื่องปรับอากาศ พัดลม และ ตู้เย็นมากขึ้น ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.7 ผลจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากโรงงานสุรา เบียร์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และห้างสรรพสินค้าเพิ่มขึ้น รถยนต์นั่งส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 51.2 รถยนต์บรรทุก ส่วนบุคคล เพิ่มขึ้นร้อยละ 74.5 และรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.7 เนื่องจากความต้องการซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ยังมีอยู่มาก โดย คำสั่งจองรถยนต์ยังมีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการแข่งขันกันจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายของผู้จำหน่ายที่ยังรุนแรงมากขึ้น
3. การลงทุนภาคเอกชน ยังมีทิศทางที่ดี ผู้ประกอบการให้ความสนใจลงทุนเพิ่มขึ้น เห็นได้จากโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุน การขอจดทะเบียนประกอบธุรกิจใหม่ การใช้ไฟฟ้าทั้งในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมยังขยายตัว
โครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุน 10 โครงการ เงินลงทุน 1,328 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนซึ่งมี เพียง 2 โครงการ เงินลงทุน 38 ล้านบาท
ธุรกิจที่ขอจดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่ในเดือนนี้ บริษัทจำกัดมี 75 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 13.6 แต่ใช้เงินทุน เพียง 181.2 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 56.0 โดยกิจการที่มีมูลค่าการลงทุนสูงได้แก่ กิจการค้าวัสดุก่อสร้าง กิจการโรงสีข้าว คุณภาพดี กิจการซื้อขายรถจักรยานยนต์
การจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดมี 218 ราย ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 23.0แต่ใช้เงินทุน 348 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 43.0 กิจการที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงได้แก่ กิจการซื้อขายและจำหน่ายรถยนต์ กิจการโรงสีข้าว กิจการโรงแรม
4. ภาคการก่อสร้าง เดือนนี้พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในภาคฯเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่ยังคงเป็นการก่อสร้างเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งส่วนหนึ่งมีผลจากโครงการสวัสดิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) อีกทั้งธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสินมีการ แข่งขันมากขึ้นในด้านรูปแบบ ระยะเวลาและเงื่อนไขของอัตราดอกเบี้ย สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยซึ่งมีอัตราต่ำเป็นแรงสนับสนุนให้มีการขอรับอนุญาตก่อสร้างที่เพิ่มมากขึ้นต่อเนื่องกันมาจากปีที่แล้ว โดยมีภาวะสนับสนุนเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ยังคงต่ำต่อเนื่องถึงปัจจุบันและเป็นปัจจัยให้ผู้ประกอบการและผู้สนใจลงทุนในด้านที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีที่แล้ว
ทั้งนี้ พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในภาคฯ เดือนนี้จำนวน 173,959 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.1 จากระยะเดียวกัน ของปีก่อน การขอรับอนุญาตฯแบ่งเป็นวัตถุประสงค์เพื่อที่อยู่อาศัยสัดส่วนร้อยละ 65.4 พื้นที่เพื่อการพาณิชย์สัดส่วนร้อยละ 22.8 เพื่อการบริการสัดส่วนร้อยละ 10.5
5. การผลิตภาคอุตสาหกรรม ในเดือนนี้การผลิตน้ำตาลและเยื่อกระดาษมีปริมาณลดลง เนื่องจากใกล้เวลาปิดหีบ
การผลิตเยื่อกระดาษมีปริมาณการผลิต 18,307 ตัน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 11.4 การผลิตเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 30.0 โดยเพิ่มขึ้นทั้งการผลิตเบียร์และโซดา เนื่องจากมีการขยายกำลังการผลิต ตามการขยายตัวของตลาดทั้งในและต่างประเทศ
6. ภาคการจ้างงาน การจัดหางานของภาคฯเดือนนี้ เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนความต้องการแรงงาน จำนวน 6,541 คน ลดลงร้อยละ 47.4 ผู้สมัครงานจำนวน 3,933 คนลดลงร้อยละ39.5 ผู้ที่ได้รับการบรรจุเข้าทำงานจำนวน 1,026 คน ลดลงร้อยละ 20.2 ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนการบรรจุเข้าทำงานร้อยละ 15.7 ของตำแหน่งงานว่าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความต้องการแรงงานในอุตสาหกรรมการผลิต การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ อายุของแรงงานที่ต้องการส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 18-24 ปี
สำหรับแรงงานที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศเดือนนี้จำนวน 6,339 คน ลดลงร้อยละ 16.9 จากระยะเดียวกันของปีก่อน อุดรธานีเป็นจังหวัดที่มีแรงงานเดินทางไปทำงานต่างประเทศมากที่สุดในภาคฯ จำนวน 1,175 คน รองลงมาเป็น นครราชสีมา 940 คน และขอนแก่น 594 คน ประเทศที่แรงงานในภาคฯ เดินทางไปทำงานมากที่สุด คือ ไต้หวัน จำนวน 3,813 คนรองลงมาเป็นสิงคโปร์ 554 คน บรูไน 359 คน เกาหลีใต้ 269 คน ลิเบีย 226 คน และญี่ปุ่น 91 คน
7. การค้าชายแดนไทย-ลาว
มูลค่าการค้า 2,022.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.5 แบ่งเป็นการส่งออก 1,654.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 การนำเข้า 368.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 145.3
การส่งออก 1,654.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 สินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้นได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค (น้ำปลา สบู่ ผงชูรส ผงซักฟอก ฯลฯ) 213.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 92.7 เครื่องใช้ไฟฟ้า 145.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 67.7 เหล็กและเหล็กกล้า72.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงสองเท่าตัว ส่วนสินค้าส่งออกที่ลดลงได้แก่ วัสดุก่อสร้าง 118.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 22.3 ยานพาหนะ และอุปกรณ์ 126.2 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15.0
การนำเข้า 368.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 145.3 สินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้นได้แก่ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ 299.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 198.2 พืชไร่ 15.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2 เท่า
การค้าผ่านแดน
การค้าผ่านแดนเข้าไปลาว ในเดือนมีนาคมทั้งสิ้น 725.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.5 สินค้าสำคัญได้แก่ เครื่องดื่ม 79.9 เพิ่มขึ้นร้อยละ 191.5 เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 85.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าสี่เท่าตัว ผ้าและอุปกรณ์ตัดเย็บ 100.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6
การค้าผ่านแดนเข้าไปลาว ในเดือนมีนาคมทั้งสิ้น 725.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.5 สินค้าสำคัญได้แก่ เครื่องดื่ม 79.9 เพิ่มขึ้นร้อยละ 191.5 เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 85.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าสี่เท่าตัว ผ้าและอุปกรณ์ตัดเย็บ 100.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6
8. ภาคการเงิน
จากข้อมูลเบื้องต้น ธนาคารพาณิชย์ในภาคฯมีเงินฝากคงค้าง 268,656 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 จากระยะเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่สินเชื่อเดือนนี้มียอดคงค้าง 218,533 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.9 จากระยะเดียวกันของ ปีก่อน ทั้งนี้ อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากเดือนนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจากอัตราส่วนร้อยละ 76.4 มาอยู่ที่ร้อยละ 81.3 ในเดือนนี้
9. ภาคการคลังรัฐบาล เดือนนี้การจัดเก็บรายได้รัฐบาลในภาคฯเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 21.4 เนื่องจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.3 ผลจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่ายเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากการจัดเก็บภาษีจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และธุรกิจเกษตร ภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.7 ผลจากโรงงานสุรา เบียร์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และห้างสรรพสินค้ายื่นชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้น และภาษีสุราเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 41.5 จากการจัดเก็บภาษีจากโรงงานเบียร์เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ
ด้านการเบิกจ่ายเงินงบประมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 เป็นการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 และ รายจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.5 ผลจากการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ โครงการลดช่องว่างทางการคลัง โครงการสาธารณสุขมูลฐาน โครงการจ่ายเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุ โครงการอาหารกลางวันและนมโรงเรียน
10. ระดับราคา
สำหรับอัตราเงินเฟ้อ วัดจากดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปในภาคฯสูงขึ้นร้อยละ 2.6 จากระยะเดียวกัน ของปีก่อน เป็นผลจากราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ 6.6 โดยสินค้าสำคัญที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ ผักสด และข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้งซึ่งมีราคาจำหน่ายสูงขึ้นตามราคาข้าวเปลือก ข้าวสารเจ้าและข้าวสารเหนียวที่มีราคาขายสูงขึ้น และราคาสินค้าใน หมวดอื่น ๆ ไม่รวมหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ 0.4 สินค้าสำคัญที่มีราคาสูงขึ้นเป็นสินค้าในหมวดเคหสถาน โดยเฉพาะราคาเชื้อเพลิงภายในอาคารและไฟฟ้าที่ปรับราคาสูงขึ้น
--ธนาคารแห่งประเทศไทย/สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ--
-ยก-
1. ภาคการเกษตร
เกษตรกรส่วนใหญ่เก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้ว ข้าวเปลือกออกสู่ตลาดลดลง ผลผลิตข้าวเปลือกส่วนใหญ่อยู่ในมือพ่อค้าและโรงสี ราคาขยับตัวสูงขึ้น ราคาขายส่งข้าวเปลือกเจ้า 5% เกวียนละ 9,128 บาท ข้าวเปลือกเหนียว 10% (เมล็ดยาว) เกวียนละ 6,257 บาท สูงขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 26.8 และร้อยละ 10.6 ตามลำดับ
มันสำปะหลัง เกษตรกรเร่งขุดหัวมันออกสู่ตลาดมากขึ้น เนื่องจากมีแรงงานว่างหลังจากเกี่ยวข้าว หัวมันที่ได้ เปอร์เซ็นต์แป้งสูง เนื่องจากไม่มีฝนตก
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความต้องการของตลาดค่อนข้างสูง ในขณะที่ปริมาณข้าวโพดในตลาดมีน้อย ส่งผลให้ราคา ขยับตัวสูงขึ้น
อ้อยโรงงาน ผลผลิตยังทยอยเข้าโรงงานน้ำตาลอย่างต่อเนื่องปริมาณอ้อยไฟไหม้ลดลงจากปีก่อนมากการรณรงค์ของภาครัฐได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ความหวานของอ้อยทำให้ค่า CCS สูงขึ้นประมาณ 12.5
2. การใช้จ่ายภาคเอกชน เดือนนี้เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยพิจารณาจากปริมาณการใช้ไฟฟ้า เพื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 เนื่องจากเดือนนี้สภาพอากาศร้อนอบอ้าว ทำให้การใช้เครื่องปรับอากาศ พัดลม และ ตู้เย็นมากขึ้น ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.7 ผลจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากโรงงานสุรา เบียร์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และห้างสรรพสินค้าเพิ่มขึ้น รถยนต์นั่งส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 51.2 รถยนต์บรรทุก ส่วนบุคคล เพิ่มขึ้นร้อยละ 74.5 และรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.7 เนื่องจากความต้องการซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ยังมีอยู่มาก โดย คำสั่งจองรถยนต์ยังมีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการแข่งขันกันจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายของผู้จำหน่ายที่ยังรุนแรงมากขึ้น
3. การลงทุนภาคเอกชน ยังมีทิศทางที่ดี ผู้ประกอบการให้ความสนใจลงทุนเพิ่มขึ้น เห็นได้จากโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุน การขอจดทะเบียนประกอบธุรกิจใหม่ การใช้ไฟฟ้าทั้งในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมยังขยายตัว
โครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุน 10 โครงการ เงินลงทุน 1,328 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนซึ่งมี เพียง 2 โครงการ เงินลงทุน 38 ล้านบาท
ธุรกิจที่ขอจดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่ในเดือนนี้ บริษัทจำกัดมี 75 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 13.6 แต่ใช้เงินทุน เพียง 181.2 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 56.0 โดยกิจการที่มีมูลค่าการลงทุนสูงได้แก่ กิจการค้าวัสดุก่อสร้าง กิจการโรงสีข้าว คุณภาพดี กิจการซื้อขายรถจักรยานยนต์
การจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดมี 218 ราย ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 23.0แต่ใช้เงินทุน 348 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 43.0 กิจการที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงได้แก่ กิจการซื้อขายและจำหน่ายรถยนต์ กิจการโรงสีข้าว กิจการโรงแรม
4. ภาคการก่อสร้าง เดือนนี้พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในภาคฯเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่ยังคงเป็นการก่อสร้างเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งส่วนหนึ่งมีผลจากโครงการสวัสดิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) อีกทั้งธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสินมีการ แข่งขันมากขึ้นในด้านรูปแบบ ระยะเวลาและเงื่อนไขของอัตราดอกเบี้ย สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยซึ่งมีอัตราต่ำเป็นแรงสนับสนุนให้มีการขอรับอนุญาตก่อสร้างที่เพิ่มมากขึ้นต่อเนื่องกันมาจากปีที่แล้ว โดยมีภาวะสนับสนุนเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ยังคงต่ำต่อเนื่องถึงปัจจุบันและเป็นปัจจัยให้ผู้ประกอบการและผู้สนใจลงทุนในด้านที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีที่แล้ว
ทั้งนี้ พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในภาคฯ เดือนนี้จำนวน 173,959 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.1 จากระยะเดียวกัน ของปีก่อน การขอรับอนุญาตฯแบ่งเป็นวัตถุประสงค์เพื่อที่อยู่อาศัยสัดส่วนร้อยละ 65.4 พื้นที่เพื่อการพาณิชย์สัดส่วนร้อยละ 22.8 เพื่อการบริการสัดส่วนร้อยละ 10.5
5. การผลิตภาคอุตสาหกรรม ในเดือนนี้การผลิตน้ำตาลและเยื่อกระดาษมีปริมาณลดลง เนื่องจากใกล้เวลาปิดหีบ
การผลิตเยื่อกระดาษมีปริมาณการผลิต 18,307 ตัน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 11.4 การผลิตเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 30.0 โดยเพิ่มขึ้นทั้งการผลิตเบียร์และโซดา เนื่องจากมีการขยายกำลังการผลิต ตามการขยายตัวของตลาดทั้งในและต่างประเทศ
6. ภาคการจ้างงาน การจัดหางานของภาคฯเดือนนี้ เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนความต้องการแรงงาน จำนวน 6,541 คน ลดลงร้อยละ 47.4 ผู้สมัครงานจำนวน 3,933 คนลดลงร้อยละ39.5 ผู้ที่ได้รับการบรรจุเข้าทำงานจำนวน 1,026 คน ลดลงร้อยละ 20.2 ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนการบรรจุเข้าทำงานร้อยละ 15.7 ของตำแหน่งงานว่าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความต้องการแรงงานในอุตสาหกรรมการผลิต การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ อายุของแรงงานที่ต้องการส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 18-24 ปี
สำหรับแรงงานที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศเดือนนี้จำนวน 6,339 คน ลดลงร้อยละ 16.9 จากระยะเดียวกันของปีก่อน อุดรธานีเป็นจังหวัดที่มีแรงงานเดินทางไปทำงานต่างประเทศมากที่สุดในภาคฯ จำนวน 1,175 คน รองลงมาเป็น นครราชสีมา 940 คน และขอนแก่น 594 คน ประเทศที่แรงงานในภาคฯ เดินทางไปทำงานมากที่สุด คือ ไต้หวัน จำนวน 3,813 คนรองลงมาเป็นสิงคโปร์ 554 คน บรูไน 359 คน เกาหลีใต้ 269 คน ลิเบีย 226 คน และญี่ปุ่น 91 คน
7. การค้าชายแดนไทย-ลาว
มูลค่าการค้า 2,022.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.5 แบ่งเป็นการส่งออก 1,654.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 การนำเข้า 368.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 145.3
การส่งออก 1,654.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 สินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้นได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค (น้ำปลา สบู่ ผงชูรส ผงซักฟอก ฯลฯ) 213.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 92.7 เครื่องใช้ไฟฟ้า 145.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 67.7 เหล็กและเหล็กกล้า72.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงสองเท่าตัว ส่วนสินค้าส่งออกที่ลดลงได้แก่ วัสดุก่อสร้าง 118.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 22.3 ยานพาหนะ และอุปกรณ์ 126.2 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15.0
การนำเข้า 368.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 145.3 สินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้นได้แก่ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ 299.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 198.2 พืชไร่ 15.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2 เท่า
การค้าผ่านแดน
การค้าผ่านแดนเข้าไปลาว ในเดือนมีนาคมทั้งสิ้น 725.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.5 สินค้าสำคัญได้แก่ เครื่องดื่ม 79.9 เพิ่มขึ้นร้อยละ 191.5 เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 85.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าสี่เท่าตัว ผ้าและอุปกรณ์ตัดเย็บ 100.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6
การค้าผ่านแดนเข้าไปลาว ในเดือนมีนาคมทั้งสิ้น 725.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.5 สินค้าสำคัญได้แก่ เครื่องดื่ม 79.9 เพิ่มขึ้นร้อยละ 191.5 เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 85.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าสี่เท่าตัว ผ้าและอุปกรณ์ตัดเย็บ 100.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6
8. ภาคการเงิน
จากข้อมูลเบื้องต้น ธนาคารพาณิชย์ในภาคฯมีเงินฝากคงค้าง 268,656 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 จากระยะเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่สินเชื่อเดือนนี้มียอดคงค้าง 218,533 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.9 จากระยะเดียวกันของ ปีก่อน ทั้งนี้ อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากเดือนนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจากอัตราส่วนร้อยละ 76.4 มาอยู่ที่ร้อยละ 81.3 ในเดือนนี้
9. ภาคการคลังรัฐบาล เดือนนี้การจัดเก็บรายได้รัฐบาลในภาคฯเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 21.4 เนื่องจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.3 ผลจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่ายเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากการจัดเก็บภาษีจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และธุรกิจเกษตร ภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.7 ผลจากโรงงานสุรา เบียร์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และห้างสรรพสินค้ายื่นชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้น และภาษีสุราเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 41.5 จากการจัดเก็บภาษีจากโรงงานเบียร์เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ
ด้านการเบิกจ่ายเงินงบประมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 เป็นการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 และ รายจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.5 ผลจากการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ โครงการลดช่องว่างทางการคลัง โครงการสาธารณสุขมูลฐาน โครงการจ่ายเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุ โครงการอาหารกลางวันและนมโรงเรียน
10. ระดับราคา
สำหรับอัตราเงินเฟ้อ วัดจากดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปในภาคฯสูงขึ้นร้อยละ 2.6 จากระยะเดียวกัน ของปีก่อน เป็นผลจากราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ 6.6 โดยสินค้าสำคัญที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ ผักสด และข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้งซึ่งมีราคาจำหน่ายสูงขึ้นตามราคาข้าวเปลือก ข้าวสารเจ้าและข้าวสารเหนียวที่มีราคาขายสูงขึ้น และราคาสินค้าใน หมวดอื่น ๆ ไม่รวมหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ 0.4 สินค้าสำคัญที่มีราคาสูงขึ้นเป็นสินค้าในหมวดเคหสถาน โดยเฉพาะราคาเชื้อเพลิงภายในอาคารและไฟฟ้าที่ปรับราคาสูงขึ้น
--ธนาคารแห่งประเทศไทย/สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ--
-ยก-