‘โฆษกปชป.’ แนะรัฐบาลทบทวนแนวทางแก้ปัญหาใต้ใหม่ ชี้อย่างมองเพียงมิติเดียว ต้องมองเรื่องนโยบายความมั่นคงและต่างประเทศควบคู่ไปด้วย ด้าน ‘หน.ปชป.’ ระบุความยากจนไม่ใช่ปัจจัยหลักเพราะมีมานานแล้ว จวกซ้ำหากเป็นความยากจนจริง แสดงว่าหลังการบริหารของรบ.ทักษิณ ปชช.ยากจนลง
วันนี้(9 พ.ค.47) เวลา 10.30น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงสถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดภาคใต้ที่ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบปัญหาด้วยตัวเองว่า พรรคประชาธิปัตย์รู้สึกเห็นใจนายกฯที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเรียกความเชื่อมั่นและกำลังใจจากคนในพื้นที่กลับมา
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า แต่ความพยายามดังกล่าวก็ไม่สามารถทำให้เหตุการณ์ลดความรุนแรงลงไปได้ เห็นได้จากช่วงที่นายกฯลงพื้นที่ ก็ยังมีเหตุการณ์ก่อความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นว่าขบวนการดังกล่าวไม่ได้เกรงกลัวต่อการดำเนินการของนายกฯหรือรัฐบาลเลย ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงคิดว่านายกฯและรัฐบาลควรทบทวนแนวทางการแก้ปัญหา
‘ที่ผ่านมานายกฯเน้นว่าปัญหาใต้เกิดจากความยากจน ซึ่งผมคิดว่าเป็นการมองเพียงมิติเดียว ทั้งนี้อยากจะฝากไปถึงรัฐบาลและนายกฯว่า ควรจะมองในเรื่องของนโยบายด้านความมั่นคงและด้านต่างประเทศ เช่นเรื่องการส่งทหารไปประเทศอิรักจนเป็นผลทำให้กลุ่มประเทศมุสลิมไม่เข้านโยบายของประเทศไทย เป็นต้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหากรัฐบาลและนายกฯได้ทบทวนแล้ว จะทำให้ปัญหาความรุนแรงลดลงได้เพราะการก่อเหตุที่เกิดขึ้นถือเป็นพฤติกรรมทางความเชื่อ ศรัทธา และอุดมการณ์เข้ามาเกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากรัฐบาลยังมองเพียงมิติเดียวปัญหาก็จะแก้ไม่ได้’ นายองอาจกล่าว
ด้านนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์หลังจากการบันทึกเทปรายการ ‘ประชาธิปัตย์ออนไลน์’ ถึงกรณีดังกล่าวว่าการลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของนายกฯ เป็นการลงพื้นที่แบบที่มีการคุ้มครองอารักขาจากเจ้าหน้าที่มากเป็นพิเศษ จนทำให้นายกฯไม่ได้รับข้อมูลตามความเป็นจริง เพราะเป็นการรับรู้อย่างที่เห็น ไม่ได้มาจากความเป็นจริง
ส่วนที่นายกฯสรุปว่าปัญหาเกิดจากความยากจนนั้น นายบัญญัติกล่าวว่า ตนเห็นว่าเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น แต่ทั้งนี้ไม่คิดว่าเป็นปัจจัยหลัก เพราะคนจนก็มีอยู่แล้วในพื้นที่แต่เหตุการณ์มาเกิดขึ้นภายหลัง ซึ่งหากนายกฯจะนำปัญหาความยากจนมาเป็นปัจจัยหลลัก ก็จะเท่ากับว่าหลังจากที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ ทำให้ปัญหาความยากจนเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะเหตุการณ์ความรุนแรงก็มาเกิดขึ้นอย่างหนักในช่วงรัฐบาลชุดนี้
ด้านนายนริศ ขำนุรักษ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกฯระบุหลังจากการประชุมกับตตัวแทนฑูตมุสลิม 12 ประเทศพบว่า เหตุการณ์ความรุนแรงภาคใต้เป็นการเพียงนำเสนอที่เกินเหตุ เพราะจากการหารือพบว่าภาคใต้มีศักยภาพที่ดีว่า นายกฯควรจะให้ทูตเหล่านั้นได้ให้ความเห็นโดยพูดผ่านสื่อมวลชนเอง ไม่ควรไปสรุปความคิดของทูตทั้งหมด เพราะรัฐบาลไทยเคยมีปัญหากับต่างประเทศกรณีที่รัฐบาลไทยชอบสรุปความเห็นของตัวเอง และไปบอกว่าเป็นความเห็นของผู้นำของต่างชาติ
ส่วนกรณีที่นายกฯระบุว่าจะเจรจากับผู้นำของผู้ก่อความรุนแรงว่า การก่อความรุนแรงถือเป็นการกระทำนอกกฎหมายที่ทางรัฐบาลไม่สามารถรับรองได้ ดังนั้นหากมีการเรียกกลุ่มผู้ก่อการร้ายมาเจรจาจริง ก็จะเท่ากับเป็นการรับรองโดยรัฐบาลให้กับองค์กรนอกกฎหมายไปโดยปริยาย จึงถือว่าเป็นแนวคิดที่ไม่ถูกต้อง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 9/05/47--จบ--
-สส-
วันนี้(9 พ.ค.47) เวลา 10.30น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงสถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดภาคใต้ที่ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบปัญหาด้วยตัวเองว่า พรรคประชาธิปัตย์รู้สึกเห็นใจนายกฯที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเรียกความเชื่อมั่นและกำลังใจจากคนในพื้นที่กลับมา
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า แต่ความพยายามดังกล่าวก็ไม่สามารถทำให้เหตุการณ์ลดความรุนแรงลงไปได้ เห็นได้จากช่วงที่นายกฯลงพื้นที่ ก็ยังมีเหตุการณ์ก่อความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นว่าขบวนการดังกล่าวไม่ได้เกรงกลัวต่อการดำเนินการของนายกฯหรือรัฐบาลเลย ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงคิดว่านายกฯและรัฐบาลควรทบทวนแนวทางการแก้ปัญหา
‘ที่ผ่านมานายกฯเน้นว่าปัญหาใต้เกิดจากความยากจน ซึ่งผมคิดว่าเป็นการมองเพียงมิติเดียว ทั้งนี้อยากจะฝากไปถึงรัฐบาลและนายกฯว่า ควรจะมองในเรื่องของนโยบายด้านความมั่นคงและด้านต่างประเทศ เช่นเรื่องการส่งทหารไปประเทศอิรักจนเป็นผลทำให้กลุ่มประเทศมุสลิมไม่เข้านโยบายของประเทศไทย เป็นต้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหากรัฐบาลและนายกฯได้ทบทวนแล้ว จะทำให้ปัญหาความรุนแรงลดลงได้เพราะการก่อเหตุที่เกิดขึ้นถือเป็นพฤติกรรมทางความเชื่อ ศรัทธา และอุดมการณ์เข้ามาเกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากรัฐบาลยังมองเพียงมิติเดียวปัญหาก็จะแก้ไม่ได้’ นายองอาจกล่าว
ด้านนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์หลังจากการบันทึกเทปรายการ ‘ประชาธิปัตย์ออนไลน์’ ถึงกรณีดังกล่าวว่าการลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของนายกฯ เป็นการลงพื้นที่แบบที่มีการคุ้มครองอารักขาจากเจ้าหน้าที่มากเป็นพิเศษ จนทำให้นายกฯไม่ได้รับข้อมูลตามความเป็นจริง เพราะเป็นการรับรู้อย่างที่เห็น ไม่ได้มาจากความเป็นจริง
ส่วนที่นายกฯสรุปว่าปัญหาเกิดจากความยากจนนั้น นายบัญญัติกล่าวว่า ตนเห็นว่าเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น แต่ทั้งนี้ไม่คิดว่าเป็นปัจจัยหลัก เพราะคนจนก็มีอยู่แล้วในพื้นที่แต่เหตุการณ์มาเกิดขึ้นภายหลัง ซึ่งหากนายกฯจะนำปัญหาความยากจนมาเป็นปัจจัยหลลัก ก็จะเท่ากับว่าหลังจากที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ ทำให้ปัญหาความยากจนเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะเหตุการณ์ความรุนแรงก็มาเกิดขึ้นอย่างหนักในช่วงรัฐบาลชุดนี้
ด้านนายนริศ ขำนุรักษ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกฯระบุหลังจากการประชุมกับตตัวแทนฑูตมุสลิม 12 ประเทศพบว่า เหตุการณ์ความรุนแรงภาคใต้เป็นการเพียงนำเสนอที่เกินเหตุ เพราะจากการหารือพบว่าภาคใต้มีศักยภาพที่ดีว่า นายกฯควรจะให้ทูตเหล่านั้นได้ให้ความเห็นโดยพูดผ่านสื่อมวลชนเอง ไม่ควรไปสรุปความคิดของทูตทั้งหมด เพราะรัฐบาลไทยเคยมีปัญหากับต่างประเทศกรณีที่รัฐบาลไทยชอบสรุปความเห็นของตัวเอง และไปบอกว่าเป็นความเห็นของผู้นำของต่างชาติ
ส่วนกรณีที่นายกฯระบุว่าจะเจรจากับผู้นำของผู้ก่อความรุนแรงว่า การก่อความรุนแรงถือเป็นการกระทำนอกกฎหมายที่ทางรัฐบาลไม่สามารถรับรองได้ ดังนั้นหากมีการเรียกกลุ่มผู้ก่อการร้ายมาเจรจาจริง ก็จะเท่ากับเป็นการรับรองโดยรัฐบาลให้กับองค์กรนอกกฎหมายไปโดยปริยาย จึงถือว่าเป็นแนวคิดที่ไม่ถูกต้อง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 9/05/47--จบ--
-สส-