นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุม ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ว่า นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ขอให้ ส.ส. ที่ไม่มีหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลในครั้งนี้ เป็นกำลังใจให้แก่ผู้ทำหน้าที่อภิปราย เนื่องจาก ส.ส.ที่ทำหน้าที่อภิปรายต้องทำงานอย่างหนัก ในการรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อนำเสนอต่อพี่น้องประชาชน เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลนั้นถือว่าเป็นการตรวจสอบที่สำคัญที่สุดของพรรคฝ่ายค้านในกระบวนการการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งหัวหน้าพรรคฯ และคณะผู้บริหารพรรคฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้ จึงพยายามที่จะกลั่นกรองทั้งข้อมูลและรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายอย่างดีที่สุด ทั้งนี้ได้ให้ความมั่นใจว่าพรรคฯจะทำหน้าที่ให้สมกับที่เป็นพรรคการเมืองที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองในระบอบประชาธิปไตยมานานเกือบ 60 ปีแล้ว
‘ท่านหัวหน้าพรรคเล่าให้ฟังถึงความยากลำบากในการรวบรวมข้อมูล เนื่องจากมีพัฒนาการในการปิดกั้นข้อมูลมากกว่าเดิม รวมทั้งมีความพยายามที่จะใช้อำนาจรัฐในการข่มขู่หรือคุกคามบุคคลทั้งภาคราชการและเอกชนที่รัฐบาลเชื่อว่าอาจจะมีส่วนในการสนับสนุนข้อมูลแก่ฝ่ายค้าน ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่พรรคฯเป็นอย่างมาก แต่จะไม่หวั่นไหวต่อการเคลื่อนไหวของรัฐบาลในครั้งนี้’ นายองอาจกล่าว
อย่างไรก็ตามนายองอาจกล่าวว่า พรรคฯไม่ได้เตรียมทีมที่จะช่วยเหลือผู้อภิปรายแต่อย่างใด เพราะเชื่อมั่นในตัวผู้อภิปรายว่ามีประสบการณ์และมีความเข้าใจในเนื้อหาและขอบเขตของข้อบังคับเป็นอย่างดี
ทั้งนี้โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังชี้ให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พูดโกหกกับคนไทยทั้งประเทศ เพราะจากคำพูดที่บอกว่าพรรคไทยรักไทยสนใจการเมืองในระดับชาติเท่านั้น จึงไม่ส่งคนลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นคำพูดที่ไม่เป็นความจริง โดยมีหลักฐานยืนยันเป็นไปรษณียบัตรที่ส่งมาให้จากสาขาพรรคใน จ.เชียงใหม่ โดยไปรษณียบัตรดังกล่าวเป็นไปรษณียบัตรที่ส่งจากพรรคไทยรักไทยถึงพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่ มีเนื้อหาว่า ‘เรียนสมาชิกพรรคไทยรักไทยทุกท่าน วันอาทิตย์ที่ 14 มี.ค. 2547 นี้ เป็นวันเลือกตั้งนายกฯ อบจ.เชียงใหม่ พรรคไทยรักไทยได้ส่งเจ้าหนุ่ย ธวัชวงษ์ ณ เชียงใหม่ สมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ ฮักผมเลือกเจ้าหนุ่ย ธวัชวงษ์ ณ เชียงใหม่ เป็นนายกฯ อบจ.เชียงใหม่ เบอร์ 1 นะครับ ลงชื่อ พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย’
ซึ่งชี้ให้เห็นว่า การที่พรรคไทยรักไทยตัดสินใจไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งผู้ว่า กทม. เป็นเพียงแผนการในการเตรียมหนุนผู้สมัครอิสระคนใดคนหนึ่ง ซึ่งคนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นนางปวีณา หงสกุล แต่พรรคฯได้ประเมินว่าขณะนี้พรรคไทยรักไทยอาจจะเตรียมหาคนลงสมัครในนามอิสระเอง และจะต้องเป็นผู้สมัครที่มีแนวโน้มว่าได้รับความนิยมในการลงสมัครรับเลือกตั้งจึงจะสนับสนุน ซึ่งถ้าพรรคไทยรักไทยดำเนินการตามที่ประเมินจริงก็ชี้ให้เห็นว่า พรรคไทยรักไทยไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน แต่คำนึงถึงผลประโยชน์ของพรรคตนเองมากกว่า และเมื่อเห็นว่าอาจจะไม่มีโอกาสชนะก็ตัดสินใจไม่ส่ง ทำให้ทางเลือกของประชาชนลดลง
‘นายกฯเล่นละครหลอกคนเป็นครั้งๆไป พอไม่ส่งผู้ว่าฯ กทม. ก็ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาอ้าง เลยบอกว่าไม่สนใจที่จะทำงานในระดับท้องถิ่น ทั้งๆที่พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ควรจะมีผู้สมัครเพื่อให้เป็นทางเลือกกับพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลอื่นใดเลยที่พรรคไทยรักไทยจะอ้างว่าต้องการทำงานการเมืองในระดับชาติ ดังนั้นคำพูดของนายกฯบวกกับพยานที่พรรคได้รับ ชี้ให้เห็นว่านายกฯและพรรคไทยรักไทยไม่ได้พูดความจริงกับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ’ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 11/05/47--จบ--
-สส-
‘ท่านหัวหน้าพรรคเล่าให้ฟังถึงความยากลำบากในการรวบรวมข้อมูล เนื่องจากมีพัฒนาการในการปิดกั้นข้อมูลมากกว่าเดิม รวมทั้งมีความพยายามที่จะใช้อำนาจรัฐในการข่มขู่หรือคุกคามบุคคลทั้งภาคราชการและเอกชนที่รัฐบาลเชื่อว่าอาจจะมีส่วนในการสนับสนุนข้อมูลแก่ฝ่ายค้าน ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่พรรคฯเป็นอย่างมาก แต่จะไม่หวั่นไหวต่อการเคลื่อนไหวของรัฐบาลในครั้งนี้’ นายองอาจกล่าว
อย่างไรก็ตามนายองอาจกล่าวว่า พรรคฯไม่ได้เตรียมทีมที่จะช่วยเหลือผู้อภิปรายแต่อย่างใด เพราะเชื่อมั่นในตัวผู้อภิปรายว่ามีประสบการณ์และมีความเข้าใจในเนื้อหาและขอบเขตของข้อบังคับเป็นอย่างดี
ทั้งนี้โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังชี้ให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พูดโกหกกับคนไทยทั้งประเทศ เพราะจากคำพูดที่บอกว่าพรรคไทยรักไทยสนใจการเมืองในระดับชาติเท่านั้น จึงไม่ส่งคนลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นคำพูดที่ไม่เป็นความจริง โดยมีหลักฐานยืนยันเป็นไปรษณียบัตรที่ส่งมาให้จากสาขาพรรคใน จ.เชียงใหม่ โดยไปรษณียบัตรดังกล่าวเป็นไปรษณียบัตรที่ส่งจากพรรคไทยรักไทยถึงพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่ มีเนื้อหาว่า ‘เรียนสมาชิกพรรคไทยรักไทยทุกท่าน วันอาทิตย์ที่ 14 มี.ค. 2547 นี้ เป็นวันเลือกตั้งนายกฯ อบจ.เชียงใหม่ พรรคไทยรักไทยได้ส่งเจ้าหนุ่ย ธวัชวงษ์ ณ เชียงใหม่ สมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ ฮักผมเลือกเจ้าหนุ่ย ธวัชวงษ์ ณ เชียงใหม่ เป็นนายกฯ อบจ.เชียงใหม่ เบอร์ 1 นะครับ ลงชื่อ พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย’
ซึ่งชี้ให้เห็นว่า การที่พรรคไทยรักไทยตัดสินใจไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งผู้ว่า กทม. เป็นเพียงแผนการในการเตรียมหนุนผู้สมัครอิสระคนใดคนหนึ่ง ซึ่งคนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นนางปวีณา หงสกุล แต่พรรคฯได้ประเมินว่าขณะนี้พรรคไทยรักไทยอาจจะเตรียมหาคนลงสมัครในนามอิสระเอง และจะต้องเป็นผู้สมัครที่มีแนวโน้มว่าได้รับความนิยมในการลงสมัครรับเลือกตั้งจึงจะสนับสนุน ซึ่งถ้าพรรคไทยรักไทยดำเนินการตามที่ประเมินจริงก็ชี้ให้เห็นว่า พรรคไทยรักไทยไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน แต่คำนึงถึงผลประโยชน์ของพรรคตนเองมากกว่า และเมื่อเห็นว่าอาจจะไม่มีโอกาสชนะก็ตัดสินใจไม่ส่ง ทำให้ทางเลือกของประชาชนลดลง
‘นายกฯเล่นละครหลอกคนเป็นครั้งๆไป พอไม่ส่งผู้ว่าฯ กทม. ก็ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาอ้าง เลยบอกว่าไม่สนใจที่จะทำงานในระดับท้องถิ่น ทั้งๆที่พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ควรจะมีผู้สมัครเพื่อให้เป็นทางเลือกกับพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลอื่นใดเลยที่พรรคไทยรักไทยจะอ้างว่าต้องการทำงานการเมืองในระดับชาติ ดังนั้นคำพูดของนายกฯบวกกับพยานที่พรรคได้รับ ชี้ให้เห็นว่านายกฯและพรรคไทยรักไทยไม่ได้พูดความจริงกับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ’ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 11/05/47--จบ--
-สส-